เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 1024

ตอนที่ 1024: ความแข็งแกร่งของหัวหน้านิกายคนใหม่

ผู้พิทักษ์จักรพรรดิทั้งสี่ของอาณาจักรหลงฉีเผชิญหน้ากับกลุ่มของเจี้ยนเฉินที่อยู่ห่างพันเมตรออกไป ท่าทางของพวกเขาทั้งหมดน่ากลัวมาก คนของนิกายดาบโลหิตมาถึงแล้ว แต่ผู้พิทักษ์จักรพรรดิหลัวโตวที่พวกเขาพึ่งพาได้มากที่สุดในเรื่องนี้ก็ยังไม่มาถึง นี่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าสถานการณ์ย่ำแย่มาก

“แม้ว่าสี่คนจากในแปดคนจะซ่อนพลังแห่งการมีอยู่ของพวกเขาเอาไว้และพวกเราก็ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของพวกเขา พวกเขากำลังลอยอยู่กลางอากาศโดยไม่ใช้พลังงานธรรมชาติ พวกเขาทั้งหมดต้องเป็นเซียนผู้คุมกฎแน่ พวกเราทั้งสี่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา” ผู้พิทักษ์จักรพรรดิทั้งสี่คำนวณกับพวกเขาเอง พวกเขาไม่สามารถทำอะไรบุ่มบ่ามเพราะว่าคู่ต่อสู้มีจำนวนมากกว่าพวกเขา

“คนจากนิกายดาบโลหิต นี่เป็นส่วนที่สำคัญของพระราชวัง พวกเจ้าไม่เป็นที่ต้อนรับที่นี่ ดังนั้นกรุณาออกไปเดี๋ยวนี้” ผู้พิทักษ์จักรพรรดิพูดอย่างเฉยชา

เจี้ยนเฉินขมวดคิ้วไปที่ผู้พิทักษ์จักรพรรดิที่ทำท่าทีเย็นชา เขามองผ่านไปที่ทั้งสี่และไม่ได้พูดอะไร เขาใช้พลังแห่งการมีอยู่ครอบไปที่พระราชวังและเขาก็พบเจ้าแก่สองคนนี้ พวกเขากำลังซ่อนพลังแห่งการมีอยู่ของพวกเขาและปิดบังพวกเขาอย่างรวดเร็ว

เจี้ยนเฉินป้องมือไปที่ผู้พิทักษ์จักรพรรดิแล้วพูด “ท่าน ข้ากำลังไล่ตามศัตรูอยู่ ศัตรูของข้ากำลังซ่อนอยู่ในพระราชวัง ดังนั้นกรุณายกโทษให้ข้าด้วย”

“หืม ศัตรูที่เจ้าพูดถึงในฐานะที่เป็นคนของนิกายดาบโลหิตอาจจะเป็นคนที่เจ้าได้ค่าตอบแทนสูงแน่ เจ้าทั้งหมดทำอะไรโอหังเกินไป อาณาจักรหลงฉีของพวกเราอาจจะไม่ได้ยอดเยี่ยมเท่ากับเจ้าเลย แต่พวกเราก็ไม่ใช่อะไรที่พวกเจ้าจะเหยียบย่ำได้ เจ้าอย่าบังอาจฆ่าใครในพระราชวังนี้นะ” ผู้พิทักษ์จักรพรรดิพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกร้าว พวกเขาคิดว่าเจี้ยนเฉินมาฆ่าคนสำคัญภายในพระราชวัง

ใบหน้าของเจี้ยนเฉินมืดมนเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น และเขาก็พูด “ถ้าทั้งสี่ท่านยืนยันที่จะต่อต้านพวกเรา ข้าก็จะทำให้พวกเจ้าโกรธโดยไม่สนแล้วนะ”

ผู้พิทักษ์จักรพรรดิสั่นอยู่ภายใน พวกเขารู้ว่าความขัดแย้งนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มที่จะเปล่งพลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาลออกมา ในเวลาเดียวกัน อาวุธเซียนก็ปรากฏขึ้นในมือของพวกเขา และพวกเขาก็เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้

ปากของเจี้ยนเฉินบิดไปด้วยความเหยียดหยาม ในตอนที่เขากำลังจะเคลื่อนไหว แสงราง ๆสีแดงสี่สายก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา ผู้พิทักษ์ทั้งสี่ของนิกายดาบโลหิตมาถึงตรงหน้าเจี้ยนเฉินพร้อมกันและขวางทางผู้พิทักษ์จักรพรรดิทั้งสี่ของอาณาจักรหลงฉีเอาไว้ เหล็กแหลมยาวสีแดงเลือดได้ปรากฎขึ้นมาที่มือของพวกเขา ในขณะที่มีชั้นพลังหยินที่ชั่วร้ายที่เปล่งประกายออกมาจากอาวุธ

การต่อสู้กำลังจะเกิดขึ้น

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ข้าไม่คิดมาก่อนว่าหลังจากที่ผ่านมาพันปีแล้ว นิกายดาบโลหิตก็ยังมีความกล้า และก็ยังคงหยิ่งยโสอีก” ในตอนนี้เอง เสียงหัวเราะก็ระเบิดขึ้นในท้องฟ้า หลังจากนั้น มิติใกล้ใกล้ก็บิดเบี้ยวอย่างรุนแรง มีบางคนฉีมิติเปิดออกทันทีและประตูมิติก็เปิดออก

ชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนจะมีอายุราว 40 ปีได้ออกมาจากด้านใน เขามีพลังแห่งการมีอยู่ที่ธรรมดา เว้นเสียแต่ว่าเรื่องที่ผมของเขาเป็นสีเทาหมดแล้ว เขามาถึงตรงหน้าผู้พิทักษ์จักรพรรดิของอาณาจักรหลงฉีทันทีและในเวลาเดียวกัน พลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาลก็เริ่มเปล่งรัศมีออกมาจากเขา มันทำให้อากาศรอบ ๆ เยือกเย็น

ผู้พิทักษ์จักรพรรดิทั้งสี่ผ่อนคลายลงอย่างมากทันทีเมื่อเขาเห็นชายวัยกลางคนนี้ พวกเขาตื่นเต้นขึ้นมา “ผู้พิทักษ์จักรพรรดิหลัวโตว ในที่สุดท่านก็มา ถ้าท่านมาช้ากว่านี้เพียงนิดเดียว นิกายดาบโลหิตต้องสังหารพวกเราทั้งสี่เป็นแน่”

ใบหน้าของหลัวโตวหมองลงหลังจากได้ยินแบบนั้น จิตสังหารหลั่งออกมาจากตาของเขาอย่างไม่หยุด ในขณะที่เขามองไปที่ผู้พิทักษ์ทั้งสี่แล้วพูดอย่างเย็นชา “เจ้าคนของนิกายดาบโลหิตชักจะทำตัวฮึกเหิมขึ้นมาทุกที แล้วมาสร้างปัญหาที่อาณาจักรหลงฉีของข้าอีกครั้ง แต่มันน่าเสียดายที่อาณาจักรหลงฉีในตอนนี้ไม่เหมือนอาณาจักรหลงฉีเมื่อพันปีก่อนอีกแล้ว เมื่อพวกเจ้ามากันในวันนี้ ข้าก็จะไม่ปล่อยพวกเจ้าไป” หลัวโตวพูดออกมาอย่างเย่อหยิ่งมาก เขารู้มามานานแล้วว่าหัวหน้านิกายฮุสตันกำลังจะสิ้นอายุขัย แม้ว่าเขาจะฆ่าจอมยุทธของนิกายไปสองสามคน ฮุสตันก็คงไม่เสี่ยงมาเพื่อทำให้จักรวรรดิเฟยลี่โกรธแน่ ถ้าเขาทำแบบนั้น เขาคงจะสร้างความเสียหายอย่างมากให้แก่นิกายดาบโลหิต

ผู้พิทักษ์ทั้งสี่เคร่งเครียด พวกเขาบอกได้จากพลังแห่งการมีอยู่ของหลัวโตวเลยว่า เขาเป็นเซียนราชาและไม่ใช่อะไรที่พวกเขาซึ่งเป็นเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 5 ที่จะรับมือด้วยได้ มันคงยากที่พวกเขาจะมีชีวิตรอดแม้ว่าพวกเขาจะมีพลังหยินชั่วร้าย เพราะว่าความแตกต่างในความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นเยอะเกินไป

เจี้ยนเฉินที่ยืนอยู่ข้างข้างผู้พิทักษ์ทั้งสี่เริ่มที่จะหัวเราะหลังจากที่เขาได้ยินคำพูดเย่อหยิ่งของหลัวโตว เขาคำรามออกมา “พูดจาเย่อหยิ่งแบบนี้ เจ้าคิดว่าไม่มีใครในที่นี้ที่แข็งแกร่งกว่าเจ้างั้นหรือ ? ก่อนที่เจ้าจะพูด ทำไมเจ้าไม่เป็นห่วงตัวเองก่อนล่ะ ? มาดูว่าเจ้าจะมีความสามารถอย่างที่พูดหรือไม่”

หลัวโตวจ้องไปที่เจี้ยนเฉินทันที ก่อนที่เขาจะมองผ่านไปที่รุยจิน เฮยยู่ และหงเหลียนที่อยู่ด้านหลังเจี้ยนเฉิน เขาไม่สามารถบอกความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้ได้ แต่เขาก็ไม่รู้สึกกลัว เพราะเขาได้รับการสนับสนุนจากจักรวรรดิเฟยลี่

“เจ้าหนู เจ้าเป็นใครกัน ? เอ่ยนามมา” หลัวโตวคำรามไปที่เจี้ยนเฉิน

“เจ้ากล้าดียังไง ! เขาเป็นหัวหน้านิกายใหม่ของนิกายดาบโลหิต เจ้าอย่ามาพูดจาหยาบคาย” ผู้พิทักษ์ของนิกายดาบโลหิตตะโกนออกมาก่อนที่เจี้ยนเฉินจะทันได้ตอบอะไร

แววแห่งความประหลาดใจปรากฎขึ้นที่ตาของหลัวโตวเมื่อเขาได้รู้ว่า เจี้ยนเฉินเป็นหัวหน้านิกายจริง ๆ เขาอดไม่ได้ที่จะมองสังเกตเจี้ยนเฉินใกล้ ๆ เขายิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วพูด “ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นหัวหน้านิกายคนใหม่ของนิกายดาบโลหิต มันทำให้ข้าประหลาดใจจริง ๆ ข้าถามได้หรือไม่ว่าผู้อาวุโสฮุสตันสบายดีหรือเปล่า ? “

“เจ้าคิดว่าผู้อาวุโสฮุสตันเป็นใครกัน ? เจ้าคิดว่าเขาเป็นคนที่เจ้าสามารถถามถึงได้อย่างนั้นหรือ ? อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้าพูดว่าเจ้าจะไม่ปล่อยคนของนิกายโลหิตออกไปจากที่นี่ตลอดไป มาดูกันว่าทักษะที่เจ้ามีจะทำให้เจ้าทำแบบนั้นได้หรือไม่” เจี้ยนเฉินพูดอย่างไร้อารมณ์ จากนั้น เขาก็ผ่านผู้พิทักษ์ทั้งสี่ไปและมาถึงด้านหน้าสุด เขาจ้องไปที่หลัวโตว

ริมฝีปากของหลัวโตวเหยียดออกมา จิตสังหารเป็นประกายลึกในตาของเขา และเขาก็พูดออกมาเสียงทุ้ม “เอาละ ในเมื่อหัวหน้านิกายคนใหม่อยากจะเห็น ข้าก็จะทำตามนั้น” ในขณะที่เขาพูดแบบนั้น หลัวโตวก็คว้าไปที่อากาศ พลังธรรมชาติที่มองเห็นได้ก็เริ่มที่จะมารวมกันที่มือของหลัวโตวทันที ซึ่งเขาใช้มันในการโจมตีไปที่เจี้ยนเฉิน

หลัวโตวไม่ได้ออมแรงฝ่ามือโจมตีของเขาเลย ทันทีที่เขาโจมตีออกไป มันก็พุ่งไปข้างหน้าด้วยความยิ่งใหญ่ คลื่นพลังงานที่น่ากลัวทำให้รอบ ๆ สั่นไหวอย่างรุนแรง

เจี้ยนเฉินยังคงใจเย็น เขาไม่จำเป็นต้องใช้กระบี่ของเขากับเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 2 ธรรมดาเช่นหลัวโตว พลังบรรพกาลไหลออกมาจากปราณของเขาและควบแน่นอยู่ในมือขวาของเขา จากนั้นเขาก็โจมตีออกไป

การโจมตีของเจี้ยนเฉินนั้นธรรมดา แต่พลังที่ซ่อนอยู่ในนั้นก็ดูถูกไม่ได้ หมัดพุ่งผ่านอากาศไป และมิติก็เกิดรอยแตกเล็ก ๆ

บู้ม! หมัดของเจี้ยนเฉินปะทะเข้ากับฝ่ามือที่มองไม่เห็นที่ควบแน่นมาจากพลังธรรมชาติของหลัวโตว คลื่นพลังงานที่เหลืออยู่ที่รุนแรงก็กระจายออกไปและสั่นสะเทือนไปรอบ ๆ ซึ่งทำให้มิติที่อยู่ในรัศมีพันเมตรบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง มันกลายเป็นเหมือนภาพพร่ามัว

“เป็นไปได้อย่างไรกัน ? เขาทำลายฝ่ามือของข้าได้อย่างง่ายดาย” หลัวโตวตกใจในใจ ความแข็งแกร่งของหัวหน้านิกายคนใหม่เหนือกว่าความคาดหมายของเขามาก

“หลัวโตว มันถึงเวลาที่จะเจ้าจะต้องชดใช้ความหยิ่งยโสของเจ้าก่อนหน้านี้แล้ว” เจี้ยนเฉินพูดอย่างเย็นชา เขาก้าวออกไปในอากาศที่ว่างเปล่าและไปถึงตรงหน้าหลัวโตวทันที เขาเหวี่ยงหมัดเหมือนเดิมไปที่หน้าอกของหลัวโตว

หลัวโตวเริ่มเคร่งเครียด หลังจากที่ได้เห็นความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉิน เขาก็ไม่กล้าที่จะเย่อหยิ่งเหมือนก่อนหน้านี้ พลังเซียนที่ทรงพลังมากพุ่งออกมาจากเขาอย่างรุนแรงและควบแน่นเป็นดาบใหญ่สีแดงเพลิงที่มีความกว้างเท่ากับฝ่ามือของเขา หลังจากนั้น เขาก็แทงออกไปที่หมัดของเจี้ยนเฉินด้วยความเร็วสูง

ปากของเจี้ยนเฉินเหยียดออกมา หมัดของเขาไม่ได้เปลี่ยนทิศทางและพุ่งตรงไปที่ปลายดาบใหญ่ของหลัวโตว เขาต้องการที่จะใช้ร่างของเขารับการโจมตีจากอาวุธเซียนของเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 2 ตรง ๆ

“เขาบ้าจริง ๆ หัวหน้านิกายผู้นี้ต้องบ้าไปแล้ว เขาคิดว่าหมัดของเขาสามารถเอาชนะอาวุธเซียนของข้าได้งั้นหรือ? หืม ถ้าเขามั่นใจขนาดนั้น ข้าจะฟันมือเขาทิ้งซะ” หลัวโตวเหยียดในใจ และเขาก็เพิ่มแรงเข้าไปในการโจมตี

ปัง ! หมัดของเจี้ยนเฉินปะทะเข้ากับดาบของหลัวโตวและทำให้เกิดเสียงอื้ออึงขึ้นมา พลังที่น่ากลัวกระแทกหมัดและดาบแยกออกจากกัน ก่อนที่มันจะกระจายไปทุกทิศทาง มันสั่นสะเทือนไปถึงผู้พิทักษ์จักรพรรดิทั้งสี่และผู้พิทักษ์ทั้งสี่ของนิกายดาบโลหิตที่กำลังดูอยู่รอบ ๆ ซึ่งทำให้พวกเขาถูกกระแทกกลับไปอย่างช่วยไม่ได้

ดาบของหลัวโตวไม่ได้ทะลุหมัดของเจี้ยนเฉินเหมือนที่เขาจินตนาการไว้ตอนแรก แทนที่กัน มันไม่เป็นอะไรและไม่เสียหายเลย การโจมตีเต็มกำลังของหลัวโตวทำไม่ได้แม้แต่ทะลุผิวหนังของเจี้ยนเฉิน

ไม่เพียงแต่ร่างบรรพกาลขั้นที่สามของเจี้ยนเฉินจะยกความแข็งแกร่งของเขาให้เท่ากับเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 3 เท่านั้น แต่มันยังเพิ่มการป้องกันของเขาขึ้นอย่างมากเช่นกัน ในตอนนี้ เขาสามารถรับการโจมตีจากเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 3 ได้โดยไม่มีริ้วรอยขีดข่วนใดใด มีเพียงคนที่เหนือกว่านั้นที่ทำอันตรายเขาได้ หลัวโตวไม่สามารถทำอะไรเจี้ยนเฉินได้ด้วยความแข็งแกร่งของเขานั้นเพียงแค่ชั้นสวรรค์ที่ 2 เว้นแต่ว่าเขาจะใช้ทักษะการต่อสู้ระดับเซียน

“เป็นไปได้อย่างไร ? เป็นไปได้เยี่ยงไรกัน ? ทำไมหมัดของเจ้าถึงได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ? ” หลัวโตวจ้องไปที่มือที่ไม่มีรอยขีดข่วนของเจี้ยนเฉิน ในขณะที่เขาอึ้งไป ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

เจี้ยนเฉินไม่ได้พูดอะไรและพุ่งเข้าไปอีกครั้ง เขาเหวี่ยงหมัดเหมือนเดิมไปที่หลัวโตวในขณะที่พลังบรรพกาลมืดเป็นประกายอยู่ที่ผิวหมัด พลังแห่งการทำลายล้างเต็มไปทั่วบริเวณ ซึ่งทำให้คนที่อยู่ที่นี่ตกใจ

หมัดนี้ทรงพลังกว่าสองครั้งที่ผ่านมามาก

สายตาของหงเหลียนเป็นประกาย ในขณะที่นางดูอยู่ไกล ๆ นางพูดเสียงทุ้ม “พลังที่เจี้ยนเฉินใช้มันคืออะไรกัน ? ทำไมข้าไม่เคยได้ยินได้เห็นมาก่อน ? ไม่มีบันทึกในความทรงจำโดยกำเนิดของข้าอีกด้วย”

รุยจินและเฮยยู่ส่ายหัวพร้อมกัน รุยจินจ้องไปที่เจี้ยนเฉินตาไม่กระพริบแล้วพูด “ข้าไม่รู้เหมือนกัน แต่ข้ารู้สึกได้ว่าพลังที่เขาใช้นั้นแข็งแกร่งมาก แต่ว่ามันยังไม่สมบูรณ์ดีและยังมีจุดที่ต้องปรับปรุงอีกมาก”

ใบหน้าของหลัวโตวเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เขาเผชิญหน้ากับหมัดของเจี้ยนเฉิน เขายกดาบขึ้นมาเพื่อป้องกัน

แกร๊ง ! หมัดที่หนักแน่นของเจี้ยนเฉินปะทะเข้ากับอาวุธเซียนและทำให้เกิดเสียงสนั่นขึ้นมา พลังงานที่น่ากลัวทำให้ดาบของหลัวโตวเบี้ยวไปเล็กน้อย ในขณะที่พลังมากมายก็ส่งผ่านดาบไป มันสั่นแขนขวาของหลัวโตวจนชา จากนั้น มือของเขาก็ไร้แรง ดาบใหญ่ปะทะเข้าที่หน้าอกของเขาอย่างแรงและทำให้ซี่โครงเขาหักไปหลายซี่

หลัวโตวกระอักเลือดออกมา ในขณะที่เขาถูกกระแทกกระเด็นไป เขาหน้าซีด เขาไม่ได้รับบาดเจ็บหนัก แต่ชิ้นหยกสีขาวบริสุทธิ์ก็ปรากฎขึ้นในมือของเขาทันทีในขณะที่เขาลอยถอยไป เขาขยี้มันอย่างไม่ลังเล

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ