เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 1159

ตอนที่ 1159: การดำรงอยู่ที่ทรงพลัง (3)

ยืนอยู่ราวกับผู้อมตะ โมเทียนหยุนทำให้ผู้เชี่ยวชาญทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก ภายใต้การปรากฏตัวที่ยิ่งใหญ่ของโมเทียนหยุน ทำให้เซียนราชาหลายคนเริ่มสูญเสียความตั้งใจที่จะต่อต้าน

รุยจิน, หงเหลียน,เฮยยู่และเจี้ยนเฉินก็ตื่นตัวขึ้นมาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่พวกเขาก็พยายามที่จะหลุดพ้นไปให้ได้ พวกเขามองดูเงาร่างของโมเทียนหยุนที่ค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น

ร่างของโมเทียนหยุนถูกสร้างโดยชายชราทั้งห้าของเมืองทหารรับจ้างโดยใช้ทักษะลับอย่างแน่นอน นี่เป็นสิ่งที่โมเทียนหยุนได้ทิ้งเอาไว้ในอดีตและมันก็เหนือกว่าทักษะการต่อสู้ระดับเซียน อย่างไรก็ตามเงื่อนไขที่จะสร้างขึ้นมานั้นมีความลำบากอย่างมาก มีเพียงเซียนจักรพรรดิเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ ชายชราทั้งห้านั้นแทบไม่อาจควบคุมได้หลังจากที่หลอมรวมความแข็งแกร่งของพวกเขา

ทักษะลับถูกทิ้งไว้ให้เซียนจักรพรรดิเท่านั้น ไม่มีข้อกังขาในพลังของมัน

ทันใดนั้นร่างของโมเทียนหยุนก็เคลื่อนไหว เขาก้าวไปด้านหน้าและสถานที่แห่งนี้ก็สั่นขึ้นทันใด ย่างก้าวง่าย ๆ ที่ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ ในขณะที่มิติเหล่านี้จะถูกหยุดเวลาเอาไว้ หมอกสีดำที่ปั่นป่วนในรังมรณะก็สงบลง โมเทียนหยุนดูราวกับจะเป็นสิ่งเดียวในโลกนี้

จากนั้นมิติใต้เท้าของเขาก็เริ่มกระเพื่อมขึ้นอย่างน่ากลัว ระลอกคลื่นได้แผ่ขยายไปยังรุยจินและคนอื่น ๆ เหมือนกับดาบ มันเคลื่อนไหวรวดเร็วเป็นอย่างมาก

เซียนราชาทั้งหมดหยุดสิ่งที่พวกเขาทำ ความสนใจของพวกเขาถูกดึงไปยังโมเทียนหยุนอย่างไม่เต็มใจ ย่างก้าวที่ดูเรียบง่ายของเขามีแก่นแท้ของโลก มันใช้พลังงานของโลก

รุยจิน, เฮยยู่, หงเหลียนและเจี้ยนเฉินรู้สึกว่าพวกเขาถูกตรึงทันที พวกเขาถูกขังเอาไว้อย่างแน่นหนาด้วยพลังงานที่ไม่อาจมองเห็นได้ มันไร้ประโยชน์ทันทีเมื่อระลอกคลื่นเข้ามาหาพวกเขา มันเหมือนกับพวกเขาถูกดาบที่แหลมคมทิ่มแทง

ทันใดนั้นแสงสีทองที่ทรงพลังก็ปรากฏขึ้นบนตัวของรุยจิน ร่างของเขาขยายตัวอย่างรวดเร็วและมีเกล็ดทองคำหนาทึบปกคลุมร่างของเขา เขาดูเหมือนครึ่งมังกรครึ่งคนที่สามารถปลดปล่อยพลังที่แข็งแกร่งทางกายได้อย่างง่าย ๆ เมื่อรวมกับเสียงคำรามที่สั่นสะเทือนไปถึงสวรรค์ ดาบมังกรศักดิ์สิทธิ์ถูกแทงไปด้านหน้าจนกลายเป็นลำแสงสีทอง ด้วยดาบนี้เขาตั้งใจที่จะแทงไปยังระลอกคลื่นให้แรงที่สุดเท่าที่จะทำได้

ทั้งสองปะทะกันอย่างเงียบ ๆ และไม่มีการระเบิดที่รุนแรงเกิดขึ้น มิติรอบ ๆ เพียงสั่นไหวและกลายเป็นบิดเบี้ยว ความรู้สึกของทุกคนได้รับผลกระทบ

เสียงกระเพื่อมที่เกิดจากการเดินของโมเทียนหยุนหายไป มันถูกป้องกันโดยรุยจินแต่รุยจินก็แย่เช่นกัน เขาถูกกระแทกจนกระเด็นลงพื้นออกไปกว่า 1,000 เมตรด้วยสภาพที่น่าสังเวช แสงจากชุดเกราะพลังดั้งเดิมเริ่มมัวลงอย่างเห็นอย่างชัดเจน

พร้อมกับเสียงร้องฟินิกซ์ หงเหลียนก็หลุดจากแรงต้านและกลายเป็นไฟพุ่งไปในกลางอากาศ นางได้กลายเป็นฟินิกซ์เทวะขนาดใหญ่และเปล่งเพลิงสีขาวแผดเผาออกมา ปิ่นเทพเพลิงของนางรวมพลังและปล่อยออกไปโจมตีร่างของโมเทียนหยุน

โมเทียนหยุนยังคงนิ่งเฉย เขาไม่ใช่โมเทียนหยุนตัวจริง เขาเป็นเพียงภาพเงาที่เกิดจากการใช้ทักษะลับ ที่เหนือกว่าทักษะการต่อสู้ระดับเซียน เขายื่นมือออกมาและรวบรวมพลังที่ไม่มีสิ้นสุดของโลกพร้อมทั้งพลังที่อยู่นอกรังมรณะทันที มันราวกับว่าโลกได้ย่อขนาดลงเหลือเพียง 5 เมตรและพุ่งเข้าปะทะกับพลังจากปิ่น

บูม !

พร้อมกับเสียงที่ดังก้อง พลังงานดั้งเดิมที่ปะทะกับร่างของโมเทียนหยุนก็หายไปทันทีในเวลาเดียวกัน

ก๊า !

เสียงฟินิกซ์ได้ร้องออกมาอีกครั้งเมื่อหงเหลียนได้ใช้สมบัติประจำตระกูลของนางป้องกันตัวเอง เปลวไฟสีขาวจำนวนมากพุ่งเข้าหาโมเทียนหยุนและโอบล้อมชายชราทั้งห้าที่กำลังซ่อนตัวเพื่อใช้ทักษะลับอยู่ นางต้องการเผาให้พวกเขาเป็นเถ้าถ่าน

ร่างของโมเทียนหยุนค่อย ๆ ทื่อลง การปรากฏตัวของเขาก็เริ่มอ่อนแรงลงอย่างรวดเร็ว เขาไม่มีตัวตนจริง ๆ และเป็นเพียงทักษะลับ เมื่อพลังงานจากทักษะหมด เขาก็จะกระจายหายไป

หลายคนเริ่มถูกล่อลวง นอกเหนือจากตระกูลเจียงหยาง ผู้เชี่ยวชาญ 1-2 คนจากตระกูลผู้พิทักษ์เริ่มเคลื่อนไหวพร้อมกับตระกูลโบราณไม่กี่คน พวกเขาใช้ทักษะลับสุดยอดของพวกเขาเพื่อสกัดจับหงเหลียน มันแตกต่างจากเมื่อก่อน เพราะพวกเขาไม่ใช้ทักษะลับที่น่ารังเกียจ แต่เป็นทักษะลับในการสกัดจับ

พวกเขารู้ว่ารุยจินและคนอื่นได้รับการปกป้องจากเกราะพลังงานดั้งเดิม ไม่ว่าการโจมตีจะทรงพลังแค่ไหนมันก็ยากที่จะทำร้ายพวกเขาได้

คนจากตระกูลเจียงหยางไม่เข้าร่วม ทันทีที่พวกเขาทำ มันจะเป็นการประกาศความเป็นศัตรูของทุกคน

ข้าอยากจะดูว่าพวกเขามีความสามารถที่จะจับข้าหรือไม่ ! ฟินิกซ์พูดด้วยภาษามนุษย์ ดวงตาของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับเปลวไฟพร้อมกับกู่ร้องและกระโจนเข้าหาพวกเขา

เจี้ยนเฉินเข้าไปยังวัตถุจิตวิญญาณ เฮยยู่สั่งเจี้ยนเฉิน ใบหน้าของเขามืดหม่นอย่างมากและมีเลือดสีดำไหลออกจากมุมปากของเขาอย่างต่อเนื่อง พิษรุนแรงกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก

ในตอนนี้บริเวณรอบ ๆ เต็มไปด้วยแรงสั่นสะเทือน ดูเหมือนว่ารังมรณะจะสั่นอย่างแรงราวกับมันไม่มีฐานยึดไว้อีกแล้ว

หลังจากที่สั่นอย่างแรง หมอกสีแดงที่หนามาก็เริ่มปรากฏขึ้นมาจากส่วนลึกของรังมรณะ ดูเหมือนว่ามันจะถูกสร้างขึ้นจากเลือดและความไม่พอใจของผู้ตายและปราณหยินก็ท่วมท้นออกมา

มันเป็นพลังหยินชั่วร้าย จริง ๆ แล้วมันเป็นพลังหยินจากนิกายดาบโลหิต..

เป็นไปไม่ได้ จะมีพลังหยินชั่วร้ายในรังมรณะ…