เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 132

ตอนที่ 132: โอบล้อมฆ่า (2)

เจตนาสังหารที่รุนแรงเป็นประกายอยู่ในแววตาของเจี้ยนเฉิน เขาไม่รอให้ตระกูลเทียนซ่งเข้ามามากกว่านี้ เขายกกระบี่ของเขาขึ้นมาเพื่อโจมตี ด้วยความเร็วที่เกือบมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น กระบี่วายุโปรยก็แทงออกไปที่ดาบที่กำลังพุ่งเข้ามาทางเจี้ยนเฉิน

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกระบี่ที่รวดเร็ว แม้แต่คนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มยังไม่สามารถที่จะป้องกันตัวเองได้เลย ในตอนที่กระบี่วาดตัวลงมาเสร็จ ทหารรับจ้างก็ล้มลงที่พื้นทันที เลือดเป็นสายไหลออกมาจากคอของพวกเขาและนองไปบนพื้นใต้พวกเขาเป็นสีแดง

แต่ตระกูลเทียนซ่งพาคนมามากกว่าร้อยคน ดังนั้นการตายของคนจำนวนน้อยก็ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาสน อีกกลุ่มเริ่มพุ่งอย่างบ้าคลั่งไปที่เจี้ยนเฉิน พร้อมทั้งเสียงดังที่เกิดจากการย่ำเท้าของพวกเขากังสะท้อนไปทั่ว

เมื่อเห็นกลุ่มคนที่ดูเหมือนจะไม่รู้จักความตายพุ่งเข้ามา สายตาของเจี้ยนเฉินก็เย็นชามากกว่าเดิม เขาเพิ่มความเร็วในการแทงกระบี่ และทหารรับจ้างแต่ละคนก็ถูกแทงไปที่คอ ในใจของพวกเขา พวกเขารู้ว่านี่เป็นการโจมตีที่ถึงตายและเจี้ยนเฉินนั้นก็ไม่มีความปราณีแม้แต่น้อย

แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะรู้ว่าตระกูลเทียนซ่งนั้นเป็นตระกูลใหญ่ในเมืองเวค แต่เขาก็ไม่ได้กลัว ในตอนนี้เขาก็ตัวคนเดียวอีกครั้ง เขาไม่มีใครอยู่ด้านหลังให้ห่วง ดังนั้นเขาจึงไม่มีอะไรจะต้องกังวล

ร่างที่เล็กของเจี้ยนเฉินเคลื่อนไปทางคนที่โจมตีเขาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่กระบี่วายุโปรยก็เป็นประกายรอบ ๆ ไม่หยุด ทุกครั้งที่เขาวาดกระบี่ ก็จะมีคนล้มลง ต้องขอบคุณความแข็งแกร่งในการต่อสู้ที่ดุร้ายของเขา ทั้งโรงเตี๊ยมกลายเป็นสถานที่แห่งความวุ่นวาย โต๊ะและเก้าอี้ที่ถูกจัดอย่างดีก่อนหน้านี้ก็กระจัดกระจายไปทั่ว ในขณะที่เศษจานอาหารก็แตกและกระเด็นไปที่พื้น

ด้วยความเร็วที่เหมือนปีศาจ เจี้ยนเฉินฆ่าทหารรับจ้างไปคนแล้วคนเล่า ภายในไม่กี่วินาที ทหารรับจ้างอีกสิบคนก็พลาดพลั้งและตายไป มันเหมือนว่าเจี้ยนเฉินมีตาหลังที่สามารถเห็นทุกสิ่งในสนามรบได้ ทุกครั้งที่ทหารรับจ้างเหวี่ยงอาวุธเซียนไปที่เจี้ยนเฉิน เขาก็หลบเล็กน้อยเพียงพอดีเท่านั้น เขาเป็นชายตัวคนเดียวที่เผชิญหน้ากับคนหลายสิบคน แต่หลังจากที่สู้มาสักพัก เขาก็ไม่ได้รับบาดแผลอะไรเลย แม้ว่าทหารรับจ้างจะพยายามอย่างหนักที่จะฟันเขาให้ได้ แต่แม้แต่เสื้อของเจี้ยนเฉินก็ไม่ขาดเลยแม้แต่น้อย

เมื่อเห็นว่าเจี้ยนเฉินได้ฆ่าทหารรับจ้างลงไปกองที่พื้นทีละคนทีละคนโดยที่เขาไม่ได้รับบาดแผลเลย นายน้องของตระกูลเทียนซ่งนิ่วหน้าอย่างไม่พอใจก่อนที่จะสบถออกมา “กลุ่มนี้มันไร้ประโยชน์ ไร้ประโยชน์! ทุกคนที่นี่ไม่มีดีอะไรเลย ข้าไม่รู้เลยว่าท่านพ่อของข้าได้เลี้ยงเศษสวะพวกนี้เอาไว้ พวกเจ้าเป็นสิบก็ยังจับเอาคนคนเดียวไว้ไม่ได้” เขาส่ายหน้าและมองไปที่ชายที่อยู่ข้าง ๆ เขาก่อนที่จะตะโกนออกไป “เจ้าเป็นอะไร และคนของเจ้ามัวยืนอยู่ทำไม ? รีบไปจับมันเร็วเข้า ! เมื่อมันถูกพากลับไปที่ตระกูลเทียนซ่งแล้ว ข้าจะแสดงความสุดยอดของข้าให้ดู หืม ใครก็ตามที่ดูถูกข้าไม่เคยรอดไปได้หรอก มันก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น”

กลุ่มคนที่นายน้อยตะโกนใส่ทั้งหมดเป็นทหารรับจ้างที่แข็งแกร่งที่สุด ด้วยสถานะของพวกเขา พวกเขานั้นได้รับความนับถืออย่างสูงแม้แต่ในตระกูลเทียนซ่งเอง หลังจากที่โดนนายน้อยทำหน้าและตะโกนใส่ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกรำคาญ

ชายเหล่านั้นมองหน้ากันและกันก่อนที่คนหนึ่งจะพูดออกมา “แม้ว่าคนคนนี้ยังหนุ่ม แต่เขาก็แข็งแกร่งมาก การเคลื่อนไหวของเขาและความเร็วของกระบี่นั้นเร็วอย่างเทียบไม่ติด แม้ว่าจะเป็นพวกเราที่สู้กับเขา มันก็คงเป็นเรื่องยากเช่นกัน นอกเหนือไปจากนั้น การโจมตีจากกระบี่ของเขาทั้งหมดเป็นการโจมตีถึงตาย ถ้าทหารรับจ้างไม่ได้ตายจากการที่โดนกระบี่แทงคอ พวกเขาก็ตายจากการที่โดนกระบี่แทงไปที่หัวใจ จากสิ่งเหล่านี้ เจ้าจะเห็นได้ว่าคนคนนี้นั้นไม่ธรรมดาเลย การเผชิญหน้ากับเขาตรง ๆ ในตอนนี้นั้นไม่ใช่การตัดสินใจที่ดี และพวกเราอาจจะได้รับบาดเจ็บ ในตอนนี้ มันจะดีที่สุดที่จะเรียกคนไปสู้กับเขาเพื่อให้เขาใช้พลังเซียนออกไปอีก ในตอนที่เขาใช้พลังเซียนจนหมด พวกเราก็จะโจมตีและเอาชนะอย่างง่ายดาย”

“ไม่เลว ข้าตกลงตามข้อแนะนำนั้น”

ข้อเสนอแนะของชายนั้นถูกทหารรับจ้างรับไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่านี่จะเป็นการเพิ่มจำนวนคนตายในตระกูลเทียนซ่งให้มากขึ้น แต่ความรับผิดชอบก็จะตกไปอยู่ที่นายน้อยเองและไม่ใช่ของทหารรับจ้าง และในเมื่อนายน้อยรุ่นที่สองไม่สนใจพวกเขาเลย พวกเขาก็ไม่ปรารถนาที่จะเสียสละชีวิตให้กับเขา ถ้าต้องเสียสละชีวิตให้คนที่เหมาะสมในชีวิตของพวกเขา พวกเขาก็คงจะทำมัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ