เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 14

Chaotic Sword God ตอนที่ 14 เถี่ยต้า

เพล้ง

ขณะที่เจี้ยนเฉินกำลังเริ่มกินอย่างออกรส มีมือข้างหนึ่งที่ตบลงบนไหล่ของเขา เป็นเหตุให้ทั้งโต๊ะสั่นสะเทือนจากการกระทำนั้น

เจี้ยนเฉินมีสีหน้าบึ้งตึง ในขณะที่เขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น เจ้าของมือเป็นชนชั้นสูงอายุราว 20 ปี ข้างเขาเป็นเด็กวัยรุ่น 2 คนซึ่งมีใบหน้าที่หยิ่งยโส คนหนึ่งเป็นชายและอีกคนเป็นหญิง ทั้งสองสวมเสื้อผ้าหรูหรา มันบ่งบอกได้อย่างชัดเจนและรวดเร็วว่าพวกเขามาจากครอบครัวที่ร่ำรวย

จ้องมองไปที่ลูกศิษย์สามคนที่แต่งตัวเป็นอย่างดี เขาพูดออกมาด้วยท่าทีรำคาญ มีปัญหาอะไรหรือ ?

ใบหน้าของชนชั้นสูงที่อายุราว 20 ปี เริ่มปรากฏลางร้าย ในขณะที่เขาจ้องมองมาที่เจี้ยนเฉินและพูดเสียงกร้าวว่า เฮ้ เจ้าเด็กเหลือขอ นี่คือโต๊ะของพวกเรา เจ้าควรไสหัวไปนั่งที่อื่น แม้ว่าเหล่าเยาวชนจะรู้ว่าเจี้ยนเฉินนั้นไม่ใช่สามัญชนจากเสื้อผ้าที่เขาใส่ เยาวชนทั้งหมดก็ไม่กล้าที่จะทำให้ตัวเองประสบปัญหาโดยการจ้องมองไปที่เจี้ยนเฉิน

ได้ยินในสิ่งที่ชนชั้นสูงนั้นกล่าว เจี้ยนเฉินมองเขาด้วยความรังเกียจและกล่าวว่า ถ้าเจ้าต้องการที่จะกิน ก็นั่งลงและกินซะ โต๊ะนี้สำหรับลูกศิษย์ภายในสำนัก นอกจากนี้โต๊ะนี้ไม่ได้มีชื่อของเจ้าเขียนไว้บนนั้น ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่โต๊ะนี้กลายเป็นของเจ้า?

หลังจากที่ได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของชนชั้นสูงคนนั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ดูเหมือนว่าความอดทนจะหายไปเป็นที่เรียบร้อย เขาตะโกน เจ้าจะย้ายหรือไม่?

ในเวลานี้ ปรากฏการณ์ที่โต๊ะเจี้ยนเฉินเรียกความสนใจของคนอื่นได้มาก แม้ว่าจะมีหลายคนเมียงมอง แต่ดูแล้วก็ไม่มีใครมีความกล้าที่จะก้าวเข้ามาพูดอะไร

รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏบนใบหน้าของเจี้ยนเฉิน เหตุการณ์แบบนี้แบบนี้เกิดขึ้นหลายครั้งในชีวิตที่แล้วของเขา แต่ก็เป็นเขาเองที่มักจะสอนบทเรียนให้แก่คนเหล่านั้น

แน่นอน ข้าจะให้เจ้า เพียงแต่เจ้าต้องรอข้ากินเสร็จก่อน แล้วเจี้ยนเฉินก็เริ่มที่จะก้มหน้าก้มตากินอาหาร เพราะเขาพูดขณะก้มหน้าก้มตากินอาหาร เสียงที่เจี้ยนเฉินพูดออกมาจึงอู้อี้ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง

อย่างไรก็ตาม กับทั้งสามคนนี้ เจี้ยนเฉินอธิบายด้วยเสียงอันดังและชัดเจน

น้องชาย มันดูเหมือนว่าพลังอำนาจของเจ้าจะไม่เพียงพอในสำนักนี้; เจ้าไม่ควรอ้างสิทธิ์ในโต๊ะนี้ ทางที่ดีเจ้าควรจะออกไปทานอาหารด้านนอก เด็กสาวที่อยู่เบื้องหลังชนชั้นสูงคนนั้นกล่าวพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ

ได้ยินคำพูดแบบนี้ ความอึดอัดบนใบหน้าของชายวัย 20 ปีหายไป หลงเหลือเพียงความโกรธ เขาจ้องมองเจี้ยนเฉินอย่างอาฆาตและตะโกนว่า เจ้าเด็กน้อย เจ้าชื่ออะไรและเจ้ามาจากครอบครัวไหน? ถ้าเจ้ากล้า ก็จงบอกข้า”

คิ้วของเจี้ยนเฉินขมวดเข้าหากัน แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรอีก เสียงหนึ่งร้องออกมา กาดิหยุน เจ้าเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ระดับสูงของคากัต เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือที่ไปหาเรื่องกับเด็กใหม่ !

ชายคนหนึ่งพูด ดูเหมือนว่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับกาดิหยุน นอกจากนี้เขายังสวมเครื่องแบบสำนักเดียวกันและเขาก็ตรงมาที่พวกเขา

เห็นชายหนุ่มผู้นี้ ใบหน้าของกาดิหยุนเปลี่ยนไปเล็กน้อย แววตาของเขาแสดงให้เห็นว่าถึงความหวาดกลัวในขณะที่เขากล่าวว่า ไป่โม่หราน เจ้าไม่ควรสอดมือมายุ่งเรื่องของข้า

ในจุดนี้เอง เจี้ยนเฉินก็รู้ว่าชื่อของทั้งสองคน หนึ่งคนก่อนหน้านี้ถูกเรียกว่ากาดิหยุนและคนที่เพิ่งมาถึงถูกเรียกว่าไป่โม่หราน

ชายหนุ่มที่มีนามว่าไป่โม่หรานหัวเราะและกล่าวว่า กาดิหยุน มันเป็นความจริงที่ว่ามันเป็นเรื่องของเจ้า ไม่ใช่เรื่องของข้า แต่เนื่องจากข้าเป็นศิษย์พี่ ข้าไม่สามารถละเลยปัญหาของศิษย์น้องได้

ได้ยินอย่างนี้แล้วใบหน้าของเด็กวัยรุ่นสองคนยืนอยู่ข้างหลังกาดิหยุนมีการเปลี่ยนแปลง

ในเวลานี้เด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างหลังกาดิหยุนเริ่มลังเลเล็กน้อยแล้วดึงเบา ๆ ที่เสื้อผ้าของกาดิหยุน นางกระซิบเบา ๆ พี่ใหญ่ มีเก้าอี้ว่างที่นั่งได้อยู่ตรงนั้น เราก็ควรจะไปนั่งที่นั่น”

กาดิหยุนมองไปรอบ ๆ ห้องอาหารและนั่นเองเป็นจุดที่ไม่ไกลเกินไปเก้าอี้ได้ว่างลง เขาจ้องมองที่เจี้ยนเฉินด้วยแววตาที่ดุร้าย เขาโบกมือ น้องรอง น้องสาม ไปกัน ! เขากล่าวว่าในขณะที่เขาเริ่มที่จะเดินไปยังโต๊ะที่ว่างเปล่า ถ้าเขายังคงดึงดันต่อไปมันจะไม่เป็นประโยชน์ต่อเขาเลย นอกจากนี้เขายังจะกลายเป็นผู้แพ้ ตระกูลของไป่โม่หรานไม่ได้อ่อนแอไปกว่าตระกูลกาดิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตัวไป่โม่หรานเองที่แข็งแรงกว่าเขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ