เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 28

Chaotic Sword God ตอนที่ 28 ปัญหาที่ย่างกราย 2

ในพริบตานั้น ลั่วหยุนและลั่วเจี้ยน ก็มาถึงยังประตูหอหนังสือ ห่างเพียงไม่กี่ก้าวจากประตูใหญ่นั้น เฉินเฟิงซึ่งเป็นคนที่คอยตามดูเจี้ยนเฉินอยู่ ยืนพิงต้นไม้ใหญ่ ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังเจี้ยนเฉินอย่างไม่คลาดสายตา เจี้ยนเฉินผู้ซึ่งยังคงอ่านหนังสืออย่างเพลิดเพลินและลืมซึ่งทุกอย่างในบริเวณโดยรอบ

เมื่อเฉินเฟิงสังเกตเห็นลั่วหยุนซึ่งยืนด้านข้างลั่วเจี้ยน ทันใดนั้นเขาก็วิ่งออกมาทันทีและโค้งคำนับให้ลั่วเจี้ยน เขากล่าวด้วยความยกย่องว่า ข้าไม่คิดว่าจะได้พบกับนายน้อยลั่วเจี้ยนที่นี่ ข้ารู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนักที่ได้พบกับท่าน เฉินเฟิงนั้นเต็มไปด้วยท่าทีที่เคารพเป็นอย่างมาก แม้ว่าเขาจะเป็นหนึ่งในสมาชิกของตระกูล แต่ภายในอาณาจักรเกอซุน เขาก็เพียงแค่คนตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง เมื่อเขาเข้าร่วมกับเด็กในตระกูลใหญ่ที่พวกเขากล้ารีดไถเงินจากคนที่อ่อนแอกว่า ด้วยสิ่งนี้ เพราะเขามีความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นกับตระกูลลั่วซึ่งนำเอาประโยชน์มหาศาลมาให้ ถ้าเขาโชคดีเขาอาจจะถูกดึงให้ขึ้นไปอยู่ในระดับที่สูงขึ้นภายใต้ความช่วยเหลือของลั่วเจี้ยน อย่างไรก็ตาม ลั่วเจี้ยนก็คือทายาทผู้สืบทอดตระกูล

ลั่วเจี้ยนรู้สึกทะนงตัว ขณะที่เขามองท่าทีเคารพของเฉินเฟิงและโบกมือเล็กน้อย “อย่าได้พูดไร้สาระอีกต่อไป เจียงหยางเซียงเทียนอยู่ในหอหนังสือนี้ใช่หรือไม่ ?”

ถึงแม้ว่าลั่วเจี้ยนจะไม่มีท่าทางสุภาพอ่อนโยนแม้แต่น้อย เฉินเฟิงก็ยังคงมองด้วยความเคารพที่ไม่น้อยไปกว่าเดิม เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นั่นเขา เจียงหยางเซียงเทียนยังคงอยู่ในหอหนังสือ”

ด้วยท่าทีดูแคลนบนใบหน้าของลั่วเจี้ยน ขณะที่เขาได้รับคำตอบที่ต้องการ “เยี่ยม เข้าไปข้างในและเรียกมันออกมาพบข้า” ในหอหนังสือมีกฎห้ามต่อสู้กันภายในนั้น และแม้แต่ลั่วเจี้ยนก็ต้องเคารพในกฎนั้น แต่อย่างไรก็ตาม ครอบครัวของเขาก็ถือว่ามีอิทธิพลมากทีเดียว

“รับทราบ นายน้อยลั่ว ข้าจะเอาตัวเจียงหยางเซียงเทียนออกมาทันที” เฉินเฟิงกล่าวขณะที่มันเดินเข้าไปข้างใน

ภายในหอหนังสือ เจี้ยนเฉินสนใจเพียงแค่หนังสือของเขา เมื่อไหร่ก็ตามที่อยู่ในหอหนังสือนี้ การป้องกันตัวของเขาจะลดลงมากทีเดียว เพราะว่าในหอหนังสือนี้ เขาไม่ต้องกังวลเกี่ยวปัญหาหรือคำถามใด ๆ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดที่จะระวังตัว

ขณะที่เจี้ยนเฉินจมลงไปในโลกส่วนตัวของเขา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงมือของใครบางคนซึ่งแตะที่บริเวณไหล่ของเขา เพราะเช่นนั้น เขาจึงเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือนั้นอย่างไม่เต็มใจ เขาจ้องมองไปยังชายหนุ่มซึ่งยืนอยู่ด้วยวยรอยยิ้มที่เย็นชาบนใบหน้า จากความทรงจำของเขา เขาจำได้ว่ามันเป็นหนึ่งในสี่คนที่พยายามที่จะเรียกเก็บค่าคุ้มครองจากเขา

เฉินเฟิงยืนข้าง ๆ ด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความยินดีที่เจี้ยนเฉินใกล้จะเคราะห์ร้าย เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ ว่า “เจียงหยางเซียงเทียน ข้าไม่คิดว่าจะเจอเจ้าอีกครั้งเร็วขนาดนี้”

“นั่นเจ้า ! ” เจี้ยนเฉินคำรามออกมา โดยปราศจากอารมณ์บนใบหน้า เขากล่าว “ถ้าเจ้าต้องการที่จะเรียกเก็บค่าคุ้มครอง เจ้าก็แสดงอุบายของเจ้าออกมา”

ดวงตาของเฉินเฟิงเต็มไปด้วยประกายความโกรธ แต่มันไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เจี้ยนเฉิน ในหอหนังสือมีกฎที่เข้มงวดและที่สำคัญ มันไม่ใช่คู่มือของเจี้ยนเฉิน

เฉินเฟิงกุมหน้าอกของมัน ขณะที่จ้องอย่างมุ่งร้ายไปที่เจี้ยนเฉิน และกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “เจียงหยางเซียงเทียน ถึงข้าจะไม่ใช่คู่มือของเจ้า แต่สำนักคากัตแห่งนี้ก็ไม่ใช่สถานที่ซึ่งเจ้าจะมาเที่ยวอาละวาดได้ ถ้าเจ้ามีความกล้าหาญมากพอ ก็จงตามข้าออกมาข้างนอกเสีย มิฉะนั้นก็จงเตรียมที่จะพำนักอยู่ในหอหนังสือไปตลอดชั่วชีวิตของเจ้า” หลังจากกล่าวเช่นนี้ เฉินเฟิงก็เดินตรงออกไปนอกหอหนังสือ แต่อย่างไรก็ตาม คำพูดที่เขากล่าวออกมาก็ดึงดูดความสนใจของลูกศิษย์ภายในหอหนังสือ ทันใดนั้นผู้คนมากมายเริ่มเบนความสนใจมายังเจี้ยนเฉินด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน ทั้งริษยา เคารพ และระมัดระวัง

เจี้ยนเฉินปิดหนังสือด้วยอารมณ์ที่เข้าขั้นวิกฤต จากคำพูดของเฉินเฟิง ฟังดูเหมือนว่าเขาคงมีคนหนุนหลังคอยให้ความช่วยเหลือ

ดวงตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกาย ขณะที่เขาเก็บหนังสือเข้าชั้นและจากนั้นเขาก็เดินออกไปจากหอหนังสือ เมื่อมองตรงลงไป แม้ว่าเขาจะรู้ว่าจะคนยืนอยู่ด้านนอก ถ้าเขาไม่ออกมา คนพวกนั้นย่อมคิดว่าเขากลัวพวกมัน ถ้าเจี้ยนเฉินต้องการที่จะอ่านหนังสือในหอหนังสืออย่างสงบสุข เขาจำเป็นต้องเปิดเผยความแข็งแกร่งและทำให้ทุกคนหวาดกลัว มิฉะนั้น คนอื่นอีกมากมายจะต้องสร้างปัญหาให้เขาต่อการมาหอหนังสือเฉกเช่นนี้

ถึงแม้เขาจะรู้ว่าคนที่อยู่ข้างนอกไม่ได้อ่อนแอ มันก็เป็นไปได้ว่าพวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในระดับเดียวกับกาดิหยุน อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบร่องรอยความหวาดกลัวจากเจี้ยนเฉิน เขามั่นใจว่าถ้าเขาเจอเซียน ด้วยระดับปัจจุบันของเขา ถ้าเขาไม่ชนะเขาก็ไม่มีทางพ่ายแพ้อย่างง่ายดายนัก นอกจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นทักษะหรือประสบการณ์ในการต่อสู้ของเจี้ยนเฉินนั้นได้ก้าวไกลเกินใครในสำนัก นอกจากนี้ เขายังเป็นคนผ่านประสบการณ์ชีวิตมาอย่างโชกโชนหรือผ่านสถานการณ์เฉียดตายมานับไม่ถ้วน

ทันทีที่เจี้ยนเฉินออกจากหอหนังสือ เขาเงยหน้าขึ้นเพื่อมองหาเด็กหนุ่ม 3 คนซึ่งยืนอยู่ข้างนอกประตู พวกเขาดูไม่ค่อยแตกต่างกัน จากการที่พวกเขาทั้งหมดสวมเครื่องแบบลูกศิษย์สองคน ในคนกลุ่มนั้นเป็นคนที่เจี้ยนเฉินเคยพบมาก่อนและสามคนมองเจี้ยนเฉินด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง มันเห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้ร้องขอความช่วยเหลือจากสองคนนี้

เห็นเจี้ยนเฉินเดินออกไปจากหอหนังสือ ลั่วหยุนเริ่มหัวเราะอย่างชั่วร้าย เขากระซิบที่ข้างหูลั่วเจี้ยนซึ่งยืนอยู่ข้างมัน นายน้อย มันคือเจียงหยางเซียงเทียน”

ลั่วเจี้ยนจ้องมองเจี้ยนเฉินด้วยสายตาหยิ่งยโส ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม และเขากล่าวอย่างเย็นชาว่า เจ้าสารเลว นี่เจ้าคือเจียงหยางเซียงเทียน?

เจี้ยนเฉินประเมินระดับของหลิวเจียนจากการสังเกต ลั่วเจี้ยนดูอายุราว ๆ 22-23 ปี และมีใบหน้าที่หล่อเหลาเอาการ แต่อย่างไรก็ตาม อารมณ์เย่อหยิ่งนั้นก็ปิดไม่มิด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ