เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 329

ตอนที่ 329 – ภัยคุกคาม (2)

เมื่อเห็นสีหน้าอันน่าตกใจบนใบหน้าของผู้อาวุโสสูงสุด หมิงตงก็ได้แต่หัวเราะและกล่าวว่า “ผู้อาวุโสสูงสุดสามารถมองทะลุผ่านพลังของข้าได้”

ก่อนการแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้น ผู้อาวุโสสูงสุดซึ่งเป็นเซียนสวรรค์สามารถสร้างแรงกดดันอย่างมากต่อหมิงตง อย่างไรก็ตามตอนนี้ หมิงตงสามารถผ่อนคลายโดยไม่รู้สึกกดดันจากผู้อาวุโสสูงสุดอีกต่อไป นั่นเป็นเพราะเขาเหลือเพียงไม่กี่ก้าวสู่การเป็นเซียนสวรรค์ หากไม่ใช่เพราะท่านลุงเทียน เขาก็คงต้องใช้เวลาอีกนานในการทะลวงผ่านด่านเพื่อให้เป็นเซียนสวรรค์

ผู้อาวุโสสูงสุดยังคงจ้องมองที่เสื้อคลุมสีดำหมิงตงด้วยสีหน้าสงบอย่างเป็นปกติของเขา แทนที่จะเป็นเหมือนน้ำใส อารมณ์โกรธผ่านดวงตาของเขา ความไม่เชื่อสามารถมองเห็นได้ภายในแววตาของเขา

ภายในช่วงเวลาสั้น ๆ เพียง 1 ปี หมิงตงได้ทำการทะลวงผ่านด่านเป็นเซียนปฐพีขั้นสูงสุดจากเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ อัตราความก้าวหน้านี้เป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติและความจริงที่สำคัญที่สุดก็คืออายุของหมิงตง จากรูปร่างหน้าตาของเขา อายุของหมิงตงไม่น่าแตกต่างจากของฉินเซียวมากนัก หมิงตงมีอายุมากที่สุดสามสิบปี สำหรับเด็กอย่างเขาที่จะก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนสวรรค์อย่างนี้ไม่สามารถเรียกได้ว่ามีความสามารถอีกต่อไป นี่เป็นสัญญาณของการเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นในรอบหนึ่งพันปี อัจฉริยะที่จะทำให้คนอื่นกลัว

” เป็นไปได้อย่างไร? ปีที่แล้วเจ้ายังเป็นเพียงเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ เจ้าจะสามารถเป็นเซียนปฐพีวัฏจักรที่ 6 ได้ในเวลาไม่ถึงปีอย่างไร ? เจ้า… เจ้าซ่อนความแข็งแกร่งไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่ ? ” ผู้อาวุโสสูงสุดพบว่ายากที่จะรักษาอารมณ์ของเขาในการตรวจสอบ แม้กระทั่งเสียงของเขาก็เริ่มสั่นด้วยความตกใจ

เมื่อมองดูใบหน้าที่น่าตกใจของผู้อาวุโสสูงสุด หมิงตงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ในอดีตเขาเคยเป็นทหารรับจ้างในระดับต่ำสุด ครั้งหนึ่งเขาเคยมองไปที่เซียนสวรรค์ในฐานะที่สูงส่งและยิ่งใหญ่ซึ่งเขาไม่ทางได้รับ สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือเขาจะมีการเปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งใหญ่หลังจากติดตามเจี้ยนเฉินมายังเมืองทหารรับจ้าง ในช่วงเวลาสั้น ๆ เช่นนี้ เขาได้สร้างความก้าวหน้าครั้งสำคัญในเรื่องความแข็งแกร่งและกลายเป็นสิ่งที่แม้แต่เซียนสวรรค์ก็ต้องประหลาดใจ

” ฮ่าฮ่า ผู้อาวุโสสูงสุดไม่ต้องแปลกใจ ในปีนี้ ข้าได้พบกับความโชคดีและสามารถเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของข้าได้เป็นอย่างมาก” หมิงตงหัวเราะ

ผู้อาวุโสสูงสุดคืนสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว แต่อย่างน้อยที่สุดความตกใจก็ยังสามารถมองเห็นได้ในดวงตาของเขาในขณะที่เขามองหมิงตง นี่ยังเป็นสิ่งที่เขายากจะเชื่อ

สำหรับใครบางคนที่อายุยังไม่ถึงสามสิบปี ได้เข้าไปถึงขอบเขตเซียนปฐพีวัฏจักรที่หก หากสิ่งนี้ถูกรั่วไหลออกไปทวีปเทียนหยวนทั้งหมดจะต้องตกตะลึง

นี่เป็นไปไม่ได้อย่างแท้จริง สำหรับคนที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ หากพวกเขาใช้เวลา 10 ปีหรือไม่ถึง 5 ปีในการทะลวงผ่านด่านเป็นเซียนสวรรค์ พวกเขาก็จะยังคงเป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปนี้

“ไฮ ข้าชราแล้ว ที่จะคิดว่ามันเป็นเช่นนั้น เมื่อข้าอายุ 70 ปี ข้าได้ทะลวงผ่านด่านกลายเป็นเซียนปฐพีวัฏจักรที่ 6 ข้าไม่คิดว่าจะคนอายุ 30 ปีจะบรรลุความเชี่ยวชาญดังกล่าวแล้ว หากเจ้าทำสิ่งนี้ต่อไปจะมีสักวันที่เจ้าจะกลายเป็นเซียนผู้คุมกฎสูงสุด” ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว

เมื่อได้ยินคำชมนี้มาจากเซียนสวรรค์ หมิงตงรู้สึกพึงพอใจบนใบหน้าของเขาราวกับว่าเขาเป็นปลาหลีฮื้อที่ประสบความสำเร็จในการข้ามประตูมังกร

ท่านผู้อาวุโสสูงสุดมองดูฉินเซียว “เซียวเอ๋อ เจ้าคือดาวรุ่งที่ส่องประกายของตระกูลเทียนฉินในรอบร้อยปี ภารกิจที่เจ้าทำเพื่อบิดาของเจ้า แม้แต่ข้าก็รู้สึกพึงพอใจ”

ฉินเซียวนั้นมีทัศนคติต่อผู้อาวุโสสูงสุดแตกต่างจากหมิงตง เขาพูดออกมาว่า “ผู้อาวุโสสูงสุดเมื่อข้ากลับถึงบ้าน ข้าจะต้องเตรียมพร้อมที่จะทะลวงผ่านด่านไปสู่การเป็นเซียนปฐพีให้สำเร็จ

ผู้อาวุโสสูงสุด “ปล่อยให้มันเป็นไปอย่างช้า ๆ เจ้ายังเด็กอยู่ ก่อนอื่นเตรียมตัวก่อนและรอจนกว่าเจ้าจะมั่นใจได้อย่างสมบูรณ์ว่าเจ้าจะสามารถเป็นเซียนปฐพีได้ อย่าลืมว่า การเป็นเซียนปฐพีก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความตาย ไม่สามารถมีความผิดพลาดได้ มิฉะนั้นชีวิตของเจ้าจะดับสูญไป”

” อ่า ทำไมข้าไม่เห็นเทียนโจว เขาอยู่ที่ไหน ? ” ผู้อาวุโสสูงสุดถามทันที

เจี้ยนเฉินและฉินเซียวต่างก็งงกันไปครู่หนึ่งก่อนที่จะเงียบ แม้ว่าเจี้ยนเฉินและเทียนโจวจะไม่ถูกกัน แต่เขาก็ไม่ได้ฆ่าเทียนโจว นั่นไม่ได้หมายความว่าคนอื่นอาจไม่ทำ

แม้แต่ฉินเจว๋ก็เริ่มยัดอาหารเข้าปากราวกับว่าเขาไม่ได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสสูงสุด

“เฮ้อ เทียนโจวมีความสามารถค่อนข้างมาก ข้าหวังว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่” ผู้อาวุโสพูดราวกับว่าเขารู้อะไรบางอย่างและไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้กับกลุ่มอีกต่อไป

หลังอาหาร เจี้ยนเฉินกลับมาที่ห้องของเขา เนื่องจากเทียนโจวและสหายสามคนของเขายังไม่ได้กลับมา ห้องที่เหลือจึงยกให้กับหยุนเจิ้งและศิษย์พี่อัน

ในห้องของตัวเอง เจี้ยนเฉินเรียกหมิงตงมาและทั้งสองก็เริ่มฝึกทักษะขโมยชะตาสวรรค์ แม้ว่าการแข่งขันนี้จะเสร็จสิ้น แต่ก็ยังมีการแข่งขันส่วนบุคคล หลังจากเจี้ยนเฉินสังหารทั้งเจียเต๋อหวูคังและชิเซียงกราน ทั้งสองตระกูลที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาจะไม่ปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน ดังนั้นเจี้ยนเฉินจะต้องพยายามและเพิ่มพลังของตัวเองซึ่งหมายถึงการเรียนรู้ทักษะการต่อสู้ชั้นสวรรค์นี้

ภายในห้องพักระดับ สวรรค์ ของโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในเมืองทหารรับจ้างจะเห็นร่างของเจียเต๋อหวูคังนอนอยู่บนพื้น ผู้อาวุโสที่มีผมสีขาวสองคนยืนอยู่ข้าง ๆ เขาพร้อมกับใบหน้าที่ดุร้าย

ในอีกด้านหนึ่งชายวัยกลางคนสองคนที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้างๆหลังจากแบกเจียเต๋อหวูคังมา

“ใครเป็นคนฆ่าเจียเต๋อหวูคัง ? ” ผู้อาวุโสคนหนึ่งถามด้วยท่าทางที่เป็นอันตราย

“ผู้..ผู้อาวุโส นายน้อยหวู..หวูคังถูกเด็กหนุ่มที่ชื่อเจี้ยน เจี้ยนเฉินสังหาร” ชายคนหนึ่งตอบเสียงสั่น

“แล้วกระบี่ตันหยวน ? ” ผู้อาวุโสคนอื่นถามด้วยท่าทางน่ากลัว

ชายทั้งสองต่างก็หน้าซีด ในขณะที่พวกเขาไม่พูดอีก

พูด ! ผู้อาวุโสผู้ซึ่งถามถึงกระบี่บังคับด้วยการจ้องอย่างโมโห

“มัน..มันถูกเจี้ยนเฉินเอาไป” ชายคนหนึ่งพูดติดอ่าง

กระแทกกำปั้นของเขาลงบนโต๊ะ ผู้อาวุโสทุบโต๊ะแตกเป็นชิ้น ๆ ก่อนที่จะตะโกนว่า สวะ! สวะจริง ๆ ! เจ้าทั้งสองคนเป็นอะไร ! ” เขายกหมัดของเขาขึ้นมาความพยายามที่จะโจมตีพวกเขา

ทันใดนั้นใบหน้าของผู้อาวุโสอีกคนก็กระตุกก่อนที่จะขัดขวางเขา “ผู้อาวุโสสามควบคุมตัวเองด้วย อย่าลืมว่าเจ้าอยู่ไหน เราไม่สามารถเคลื่อนไหวได้”

ผู้อาวุโสสามค่อย ๆ ลดมือลงด้วยความลังเลก่อนที่จะคำราม “เจ้าสองคน ไปหาที่อยู่ของเจี้ยนเฉินทันที เราต้องหาเขาให้พบและนำยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎกลับคืนมา”

ได้ ๆ ! ผู้อาวุโสสาม เราจะรีบไปทันที ! ” ชายทั้งสองโค้งคำนับก่อนที่จะวิ่งออกไปจากประตูไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ