เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 391

ตอนที่ 391: ยั่วยุ

เจี้ยนเฉินไม่ปฏิเสธคำขอของฉินจี๋ เขาเห็นด้วยอย่างยิ่ง

เป็นผลทำให้เจี้ยนเฉินต้องมาอยู่ในพระราชวังฉินหวงด้วยตัวตนดังผู้อมตะ แต่นี่ไม่ใช่ชีวิตที่เจี้ยนเฉินคุ้นเคย ในตอนกลางคืนเขาจะนอนอยู่ในห้องรับรอง มักจะมีแขกที่ติดอาวุธ, ชุดเกราะและแม้กระทั่งสาวใช้คอยรอบริการอยู่ด้านนอก ฝ่ายแรกคือเพื่อปกป้องเจี้ยนเฉิน ในขณะที่ฝ่ายหลังรอรับใช้เขา แม้กระทั่งเมื่อเขาเดินไปรอบ ๆ พระราชวัง ทหารอารักขาและสาวใช้หลายคนก็เดินตามหลังเขา

หากไม่ใช่เพราะว่าเจี้ยนเฉินรู้ว่าคนที่ร่ำรวยทุกคนมีการใช้ชีวิตอย่างนี้ เขาคงจะคิดว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อดูว่าเขาจะทำพระราชวังเสียหายใด ๆ หรือไม่

ในวันที่สอง ฉินจี๋ได้ตื่นขึ้นมาพาเจี้ยนเฉินที่มักจะดื่นเช้าไปเดินเล่นรอบ ๆ พระราชวัง พร้อมกับชี้ทิวทัศน์ต่าง ๆ พร้อมกับอธิบายแต่ละสถานที่ เจี้ยนเฉินไม่เคยนำลูกเสือมากับเขาเพราะเขาไม่ต้องให้ลูกเสือถูกคนอื่นพบเห็น ดังนั้นลูกเสือจะมีความปลอดภัยมากเพราะเขาได้เอาสมบัติสวรรค์ให้มันกินและปล่อยให้มันหลับก่อนที่จะเดินออกมา

พระราชวังมีขนาดใหญ่มาก แม้ว่าจะเดินมาเกือบทั้งวันพวกเขาก็เดินไปได้แค่สองในสามส่วนเท่านั้น อย่างไรก็ตามมันก็มีบางพื้นที่ที่ไม่ให้คนนอกเข้า ในขณะเดียวกันฉินจี๋ได้แนะนำเจี้ยนเฉินให้กับขุนนางและบุตรสาวขุนนาง อายุของพวกเขามักจะไล่เลี่ยกัน แต่เมื่อใดก็ตามที่ฉินจี๋แนะนำเกี่ยวกับตัวตนเจี้ยนเฉิน เขาแค่พูดว่าพวกเขาได้เป็นสหายกันเพราะความสัมพันธ์ส่วนตัว ดังนั้นเหล่าขุนนางจึงดูถูกเจี้ยนเฉิน เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้พูดอะไร อย่างไรก็ตามบุตรสาวที่โด่งดังของขุนนางมักจะมองเขาแปลก ๆ บางคนถึงกับพูดกับเจียนเฉินอย่างเป็นกันเองและเปิดเผยเจตนาว่าจะเป็นสหายกันอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตามความนิยมที่เขารับรู้ได้อันนี้ทำให้ขุนนางทั้งหลายโมโกมากขึ้น พวกเขาส่วนใหญ่เริ่มที่จะอิจฉาได้ถึงความนิยมของเจี้ยนเฉินเมื่อได้เห็น

หลังจากที่ฉินจี๋และเจี้ยนเฉินแยกตัวออกจากกัน ขุนนางหลายคนก็ได้สั่งให้ใครสักคนไปตรวจสอบเบื้องหลังและภูมิหลังของเจี้ยนเฉิน สุดท้ายหลาย ๆ คนก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้เมื่อได้ยินว่าเจียนเฉินไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของขั้วอำนาจใด ๆ และเป็นคนที่ไม่มีที่มาที่ไป จากที่พวกเขาคาดเดาแม้ว่าเจี้ยนเฉินจะมีเบื้องหลังบางอย่างแต่กลุ่มที่สนับสนุนของเขาก็ด้อยเกินกว่าที่จะพูดกันในที่สาธารณะ

ตอนเย็นเจี้ยนเฉินได้เข้าสังคมตอนบ่ายเสร็จสิ้นและกลับไปที่ตำหนักของฉินจี๋เพื่อไปทานอาหาร นี่เป็นที่พักส่วนตัวของเขาและมันก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลายตามที่เขาต้องการ

เมื่อเจี้ยนเฉินกำลังเพลิดเพลินไปกับอาหารของพวกเขาทันใดนั้นทหารสวมชุดเพราะก็ได้เข้ามาในวังและคุกเข่าลงพื้นเพื่อทำความเครารพ ขอรายงาน องค์ชายสาม! เป็น องค์หญิงฉินซวง,องค์หญิงฉินหยู่ปิงและองหญิงแห่งฟูหนาน ได้เสด็จมาที่ตำหนักดอกเมฆ ! ตำหนักดอกเมฆเป็นชื่อตำหนักของฉินจี๋

เมื่อได้ยินอย่างนี้คิ้วของฉินจี๋ก็ขมวดเข้าหากันพร้อมกับพึมพำ แปลก พวกเขามาทำอะไร ? จากนั้นราวกับว่าเขารู้ความจริง เขาจึงมองไปที่เจียนเฉินอย่างรู้ทันและหัวเราะ ให้พวกเขาเข้ามาได้ !

พะยะค่ะ องค์ชายสาม ! ยามอารักขาออกไปด้านนอกและพูด

หลังจากที่ยามอารักขาออกไป ฉินจี๋ก็ดื่มให้เจียนเฉินจอกหนึ่ง น้องเจียนเฉิน ความสัมพันธ์ของพวกเรากับทั้งสามคนนั้นไม่มีอะไรมาก นี่เป็นครั้งแรกที่พวกนางมาที่วังของข้า ดูเหมือนว่าพวกนางจะมาเพราะเจ้า

เจียนเฉินที่ดื่มหมดจอกพูดพร้อมกับรอยยิ้มอันขมขื่น พี่ฉินจี๋ ท่านชอบพูดเหน็บแนมจริง ๆ

ดวงตาของฉินจีเบิกกวางก่อนที่จะพูดอย่างดุร้าย เหน็บแนม ? ข้าไม่เป็นคนเช่นนั้น เจียนเฉิน ถ้าเจ้าไม่เชื่อเจ้าก็แค่รอดู

ไม่นานสามงามทั้งสามก็เข้ามา องค์หญิงสามคนนี้เป็นองค์หญิงที่เขาเจอในวังเมื่อตอนบ่าย

องค์หญิงฉินฉวงได้ขยิบตาให้กับฉินจี๋ ขณะที่พูดว่า พี่ชาย ฉินซวงก็โตขึ้นมากแล้ว แต่ท่านจะไม่มาต้อนรับข้าสักหน่อยหรือ ?

ฉินจี๋หัวเราะและพูด ยินดีอย่างยิ่ง ข้าจะไม่มาต้อนรับเจ้าได้อย่างไร ? น้องสาวข้าและองค์หญิงแห่งฟูหนาน ขอเชิญทานอาหารกับเรา นางกำนัล ! ขอที่ให้กับทั้งสามคนด้วย!

องค์หญิงสองคนและองค์หญิงแห่งฟูหนานล้วนแต่เป็นหญิงสาวที่ตรงไปตรงมา แต่คำพูดของพวกเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายของชนชั้นสูงและพวกเขาก็พูดขอบคุณฉินจี๋

ในขณะที่ทั้งสามนั่งลง ฉินหยู่ปิงมองไปที่เจี้ยนเฉินก่อนที่จะพูดกับฉินจี๋ อ๊ะ พี่ใหญ่ ท่านยังไม่ได้แนะนำน้องสาวให้รู้จักกับสหายของท่านผู้นี้เลย น้องสาวอย่างข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าพวกท่านทั้งสองพบกันได้อย่างไร ?

ขยิบตาให้เจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็ว เขาหัวเราะก่อนที่จะอธิบาย ไม่มีอะไรที่ต้องบอกมาก น้องเจี้ยนเฉินและข้าเจอกันที่งานชุมนุมทหารรับจ้าง เราสองคนกลายเป็นสหายกันทันที ยิ่งกว่านั้นน้องชายผู้นี้ยังเป็นถึงราชาทหารรับจ้างอีกด้วย !

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ