เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 769

ตอนที่ 769: การสั่นสะเทือนในวัตถุเซียน

คารา ลี่เว่ยสูดหายใจลึกและพยายามทำใจให้สงบลง สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้แวบเข้ามาในหัวของนาง จากการที่เจี้ยนเฉินรีบเข้ามาจากที่ไกล ๆ และจากทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตอนที่เขามาถึง นางพบบางอย่างที่ค่อนข้างแปลก

“พวกเจ้าสังเกตหรือเปล่าว่าตอนที่หยางยู่เทียนออกมาเจอพวกเราในตอนแรก เขามุ่งตรงมาที่ถ้ำเลยและไม่ได้รีบร้อนเพราะว่าพวกเราอยู่ที่นั่น มันเหมือนกับว่าถ้ำลึกลับนั้นเป็นเป้าหมายของเขาตั้งแต่แรกไม่ใช่พวกเรา อีกทั้งในตอนท้าย เขาต้องการที่จะให้พวกเราจากไปทันที บางทีเพื่อที่จะต้องการให้พวกเราออกห่างจากถ้ำ ถ้าเราไม่ออกไป เขาก็พร้อมที่จะไล่พวกเรา สมาชิกของตระกูลคาราออกไปอย่างกับว่าพวกเราเป็นศัตรู เห็นได้ชัดว่าเขาพบบางอย่างที่สำคัญในถ้ำนั้นและไม่ต้องการที่จะให้พวกเรารู้” คารา ลี่เว่ยนั้นฉลาดและมีสติปัญญาที่ดี ในตอนนี้ที่นางสงบใจลง นางก็คิดถึงจุดที่สำคัญได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อได้ยินดังนั้น สายตาของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่เหลืออีกทั้งหกคนก็เป็นประกาย เหมือนกับว่าพวกเขาเข้าใจถึงประเด็นในที่สุด คนหนึ่งพูดออกมาทันที “สิ่งที่คุณหนูพูดมา ข้าก็รู้สึกเหมือนกันกับที่ท่านอธิบาย หยางยู่เทียนแค่ต้องการที่จะให้เราออกห่างจากถ้ำ บางทีอาจจะมีความลับบางอย่างที่ซ่อนอยู่ภายในถ้ำนั้น ? “

“จากพลังนั่น ข้ารู้สึกว่ามันเป็นสัตว์อสูรระดับ 5 ที่กำลังจะพัฒนา อีกทั้งยังมีข่าวลือข้างนอกว่า หยางยู่เทียนนั้นมีลูกสัตว์ตัวสีขาวราวหิมะที่น่ารักมากซึ่งเขาพาไปด้วยทุกหนทุกแห่ง บางทีสัตว์อสูรระดับ 5 ที่กำลังจะพัฒนานั้นอาจจะเป็นสัตว์อสูรที่หยางยู่เทียนพาไปไหนมาไหนด้วยหรือเปล่า ? ” ชายวัยกลางคนเอ่ยสิ่งที่คิดไว้ออกมา

“ถ้าสัตว์อสูรเป็นลูกสัตว์ที่อยู่กับหยางยู่เทียน ทำไมเขาถึงรีบนักล่ะ ? แม้ว่าลูกสัตว์นั้นจะสำคัญกับเขามาก แต่เขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเสี่ยงที่จะทำให้ตระกูลคาราโกรธและไล่พวกเราออกมา”

“เจ้าพูดถูก แล้วม่านพลังที่อยู่ที่ถ้ำนั่นมันคืออะไรล่ะ ? “

กลุ่มของตระกูลคาราเริ่มวิเคราะห์ผ่านการถกเถียงกัน อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ของการถกเถียงนั้นเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาช้า ๆ และแทนที่จะตอบคำถามของพวกเขาได้ มันกลับยิ่งทำให้พวกเขาสงสัยมากยิ่งขึ้นไปอีก

คารา ลี่เว่ยยืนอยู่เงียบเงียบอยู่ที่ข้างหนึ่ง ในขณะที่ตาของนางเป็นประกาย นางคิดถึงคำถามเหล่านั้น สักพักต่อมา นางก็เริ่มพูดอย่างไม่รีบร้อน “ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม หยางยู่เทียนต้องมีบางอย่างที่เขาไม่ต้องการให้เราเห็น อีกทั้งข้าได้ตรวจสอบที่ถ้ำนั้นว่ามันเพิ่งถูกขุด มันเป็นไปได้สูงว่าเขาเป็นคนสร้างถ้ำนั้นขึ้นมา เรื่องม่านพลัง บางทีอาจจะมีเซียนผู้คุมกฎทิ้งพลังม่านพลังไว้ในร่างกายของเขา ทำให้เขาสามารถร่ายม่านพลังนั้นได้ ? “

ในใจของคารา ลี่เว่ย นางอดไม่ได้ที่จะคิดถึงความหล่อเหลาและใบหน้าที่เด็ดเดี่ยวของเจี้ยนเฉิน สายตาที่เย็นชาของเจี้ยนเฉินอีกทั้งความสามารถของเขาในการสังหารที่ไม่ลังเลและการโจมตีที่ชั่วร้ายนั่น ท่าทางและการกระทำแบบนั้นจะปรากฎเฉพาะในนักสู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาและเดินทางไปทั่วทั้งทวีปมาหลายปี คนที่มือย้อมไปด้วยเลือด มันยากมากที่จะปรากฏบนเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง และยิ่งยากขึ้นไปอีกกับเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่อายุน้อยเพียง 24 ปี

หลายปัจจัยนี้ ทำให้คารา ลี่เว่ยสงสัยว่าหยางยู่เทียนใช่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงหรือไม่ใช่กันแน่

“หยางยู่เทียนเป็นคนแบบไหนกันนะ ? ทำไมข้ารู้สึกว่าเขาไม่เหมือนเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงเลย และเหมือนกับนักสู้มากกว่า ! ? ” คารา ลี่เว่ยเต็มไปด้วยสงสัย

การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดยที่เจี้ยนเฉินไม่รู้ตัวหลังจากที่เขาเข้ามาในวัตถุเซียน ด้วยการฆ่าฟันและสังหาร มันเหมือนว่าเจี้ยนเฉินได้ย้อนกลับไปยังวันที่เขาเดินทางไปทั่วทวีป และมันค่อย ๆ เปลี่ยนนิสัยใจคอของเขาอย่างเงียบ ๆ มันทำให้สัญชาตญาณดิบของเขาออกมาโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเจี้ยนเฉินถึงทำให้คารา ลี่เว่ยรู้สึกได้เช่นนี้

“พวกเราจะไม่ไปทำให้หยางยู่เทียนโกรธ ข้ารู้สึกว่าหยางยู่เทียนนั้นไม่ธรรมดาเหมือนอย่างที่เห็น” คารา ลี่เว่ยกล่าวอย่างอ่อนโยน ก่อนที่จะเดินทางออกไปไกลอย่างช้า ๆ

ภายในถ้ำนั้น เสือขาวถูกห่อหุ้มไปด้วยรังไหมกว้าง 3 เมตร รังไหมสีขาวนั้นเปล่งแสงสว่างจ้าและกระจายไปทั่วทั้งถ้ำ ภายในนั้นพลังที่มหาศาลยิ่งกว่ากำลังกระเพื่อมอย่างไม่มั่นคงอย่างมาก

เจี้ยนเฉินนั่งขัดสมาธิอยู่ห่างออกไป 5 เมตร และจ้องเขม็งไปที่รังไหมใหญ่สีขาว เขาโยนสัตว์อสูรระดับ 6 ที่เขาฆ่าไว้ข้างข้างรังไหม ที่ซึ่งกลุ่มหมอกสีแดงจากเลือดกำลังถูกดูดซึมเข้าไปที่รังไหมใหญ่สีขาว

หลังจากดูดพลังชีวิตจากเลือดแล้ว พลังภายในไหมก็รุนแรงมากยิ่งขึ้น ในเวลาเดียวกัน พลังที่มันแสดงออกมาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น และขยายจากสิบกว่ากิโลเมตรเป็นหลายร้อยกิโลเมตร

“อีกนานแค่ไหนกันนะที่เสือขาวจำเป็นต้องใช้ในการพัฒนา ! ? ” ความกังวลเกิดขึ้นที่ใบหน้าของเจี้ยนเฉิน เขาสามารถรู้สึกได้ว่าพลังงานภายในรังไหมนั้นกำลังเปลี่ยนไป พลังชีวิตในเลือดของสัตว์อสูรนั้นเหมือนยาบำรุงที่ทำให้เสือขาวแปลงพลังงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น แต่ปริมาณของพลังชีวิตที่มันต้องการนั้นมากเกินไป เจี้ยนเฉินไม่มีเวลาที่จะออกไปล่าสัตว์อสูรระดับ 6 ตามความต้องการได้

แต่ถ้าไม่มีพลังชีวิต เวลาที่เสือขาวจะใช้ในการพัฒนาการก็จะไม่เปลี่ยน เจี้ยนเฉินไม่มีเวลาที่จะอยู่ในวัตถุเซียนและรอให้เสือขาวพัฒนาได้

“เลือดของสัตว์อสูรสามารถลดเวลาที่จะใช้ในการพัฒนาการของเสี่ยวไป๋ได้ และเลือดจากร่างบรรพกาลของข้านั้นมีพลังมากกว่าเลือดของสัตว์อสูร ถ้าข้าใช้เลือดของข้า บางทีผลมันอาจจะมากกว่าการใช้เลือดของสัตว์อสูรก็เป็นได้ ? ” เจี้ยนเฉินพึมพำกับตัวเอง ก่อนที่ประกายแห่งการตัดสินใจจะปรากฏขึ้นในตาของเขา ทันใดนั้นเอง สายพลังปราณของกระบี่ม่วง-ฟ้าก็ปรากฎขึ้นบนนิ้วของเขา เขาโบกสะบัดมือและมันก็ตัดไปที่ข้อมือของเขา

อย่างไรก็ตาม เมื่อปราณกระบี่เฉือนไปที่ข้อมือของเจี้ยนเฉิน ก็ทิ้งรอยสีขาวจางเอาไว้ พลังปราณของกระบี่ม่วง-ฟ้าไม่สามารถจะทำร้ายร่างบรรพกาลของเจี้ยนเฉินได้

เจี้ยนเฉินจ้องมองอย่างว่างเปล่าไปสักพัก ก่อนที่เขาจะรวมรวมพลังบรรพกาลภายในร่างกายของเขาไปที่จุดรวมลมปราณบรรพกาลทันที มันทำให้การป้องกันของเขาลดต่ำลงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จากนั้นเขาก็ใช้พลังดั้งเดิมของจิตวิญญาณกระบี่กรีดลงไปที่ข้อมืออีกครั้ง

ในครั้งนี้ ข้อมือของเขาถูกเฉือน แต่มันก็เป็นแผลยาวน้อยกว่า 1 นิ้ว ก่อนที่เลือดจะได้ไหลออกมา แผลก็สมานไปเองแล้ว

“ไอ้ร่างบรรพกาลบ้านี้ ! ” เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะสบถกับตัวเองออกมาเสียงดัง ในตอนนี้เท่านั้นมี่เขาพบว่าการที่มีร่างกายที่แข็งแกร่งเกินไปนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีเสมอไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ