เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 779

ตอนที่ 779: ความน่าเกรงขามของนิกายดาบโลหิต

สิ่งที่ผู้อาวุโสสูงสุดพูดนั้นเป็นเหตุเป็นผลมากซึ่งทำให้ท่านประธานพยักหน้ารับเล็กน้อย ท่านประธานพูดด้วยท่าทีที่หมองหม่น “ดูเหมือนความตั้งใจที่จะกำจัดหยางยู่เทียนของตระกูลซาร์นั้นถึงระดับพวกเขาไม่สนใจผลที่จะตามมาแล้ว พวกเขามอบการโจมตีของเซียนราชาเพื่อให้ซาร์ ทิลอสนำเข้าไปในมิติของวัตถุเซียน และหลังจากที่ได้รู้ว่าพวกเขาพลาด พวกเขาก็เชิญผู้ยอดยุทธจากนิกายดาบโลหิตมาอีก พวกเขาจะทำได้งั้นหรือ ? นิกายดาบโลหิตนั้นได้หายไปเป็นพันปีแล้ว แม้แต่สมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงยังหาพวกเขาไม่พบ แต่ตระกูลซาร์กลับหาพบ”

“พลังหยินชั่วร้ายของนิกายดาบโลหิตนั้นทรงพลังมาก มันสามารถทำให้คนอื่นไม่ทันตั้งตัวได้ แม้แต่สมบัติป้องกันตัวของหยางยู่เทียนก็จะไร้ประโยชน์ไปเมื่อพวกเขาใช้พลังหยินชั่วร้าย จะมีแต่ความตายเท่านั้นเมื่อมันเกิดขึ้น” ท่าทางของผู้อาวุโสสูงสุดน่ากลัวมาก

“ตระกูลซาร์ ! ” ท่านประธานกัดฟัน ในขณะที่สายตาที่เย็นชาของเขายิ่งเย็นชามากยิ่งขึ้นไปอีก เขาโบกมือแล้วหน้าต่างที่ปิดสนิทอยู่ก็เปิดออกและเขาก็บินออกไปบนเมฆ “พวกเราต้องหยุดนิกายดาบโลหิต เพื่ออนาคตของสมาคม จะให้อะไรเกิดขึ้นกับหยางยู่เทียนไม่ได้”

“ท่านประธาน ข้าจะไปกับท่าน” ผู้อาวุโสสูงสุดพูดในขณะที่เขาก็ตามหลังท่านประธานไปอย่างใกล้ชิด ในขณะที่ทั้งสองคนออกไป คนสามคนที่มีอายุต่าง ๆ กันได้บินออกมาจากปราสาทใหญ่ พวกเขาดูเหมือนจะหลอมรวมเข้ากับมิติรอบ ๆ และหายไปอย่างไร้ร่องรอย พวกเขากำลังสะกดรอยตามท่านประธานและผู้อาวุโสสูงสุดอยู่

การออกไปของพวกเขานั้นถูกรับรู้ได้จากเซียนผู้คุมกฎที่รอผู้เข้าแข่งขันที่อยู่รอบ ๆ จัตุรัส ในฝูงชน ผู้อาวุโสลู่ของตระกูลคารามองดูกลุ่มที่ออกไปไกลและพึมพำ “นิกายดาบโลหิตได้ปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งหลังจากที่หายตัวไปกว่าพันปี บางทีนิกายดาบโลหิตอาจจะตัดสินใจที่จะกลับมาที่ทวีปเทียนหยวนและมาทวงความรุ่งโรจน์ในอดีตกลับคืน ? ความตั้งใจของตระกูลซาร์ที่ต้องการจะกำจัดหยางยู่เทียนนั้นรุนแรงจริง ๆ ” เมื่อพูดจบ ร่างของผู้อาวุโสลู่ก็เริ่มมองเห็นไม่ชัด เขาหายไปในพริบตาด้วยการหลอมรวมเข้ากับมิติและจากไปโดยใช้พลังมิติ

หลังจากที่ผู้อาวุโสลู่จากไป ชายชราที่เป็นเซียนผู้คุมกฎจากตระกูลคาซดาก็พึมพำอะไรบางอย่างก่อนที่จะหายไป เขาเดินทางไปยังทิศที่มีพลังหยินชั่วร้าย

หลังจากนั้น เซียนผู้คุมกฎหลายคนรอบ ๆ จัตุรัสก็ออกไปด้วย พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้คนที่เกี่ยวข้องกับตระกูลใหญ่ของอีก 2 เมืองหลวงของจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์และทวีปเทียนหยวน พวกเขามาที่นี่เพียงเพราะต้องคุ้มกันเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ของตระกูลของพวกเขาที่จะมาเข้าทำการแข่งขัน แต่การปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหันของนิกายดาบโลหิตนั้นกระตุ้นความสนใจของพวกเขาขึ้นมา พวกเขาอดไม่ได้ที่จะไปตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น

ในเวลาเดียวกัน หัวหน้าตระกูลของตระกูลทั้งแปดสิบกว่าคนได้ลืมตาขึ้นมาจากการเก็บตัว พวกเขาดูเหมือนจะมองทะลุออกไปเห็นท้องฟ้าด้านนอกได้แม้จะมีสิ่งกีดขวางอยู่ และหน้าของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ความตกใจที่ปิดไว้ไม่ได้ และความเหลือเชื่อ

“นี่คือพลังหยินชั่วร้าย พลังหยินอันเดียวกับที่มีแต่นิกายดาบโลหิตของสามองค์กรลอบสังหารเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ นิกายดาบโลหิตกลับมาแล้วอย่างนั้นหรือ ? “

“นะ นะ นี่คือพลังหยินชั่วร้าย บางทีอาจจะเป็นผู้ยอดยุทธจากนิกายดาบโลหิตหรือเปล่า ? ทำไมพวกเขาถึงได้มาที่เมืองแห่งเทพเจ้าล่ะ ? “

“เป็นพลังหยินที่เข้มข้นอะไรแบบนี้ ในที่สุดนิกายดาบโลหิตก็กลับมาหลังจากหายตัวไปกว่าพันปีอย่างนั้นหรือ?”

..

หัวหน้าตระกูลทุกคนอุทานอย่างประหลาดใจออกมาแตกต่างกัน หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ออกมาจากการเก็บตัวและพุ่งไปทางที่คนของนิกายดาบโลหิตอยู่

ในสนามรอบบ้านใหญ่ที่เรียบง่ายแต่ก็โอ่อ่า ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลซาร์นั่งอยู่ที่เตียงของเขาและกำลังทำสมาธิอยู่ในห้องที่ว่างเปล่า กลิ่นอายที่ลึกลับมากได้ปกคลุมอยู่รอบห้อง ทำให้ทุกอย่างดูเหมือนบิดเบี้ยวผิดรูปเหมือนว่ามิติด้านในกำลังเคลื่อนไหวไปมา

ทันใดนั้นเอง ผู้อาวุโสสูงสุดก็ลืมตาขึ้นมา ประกายไฟได้ปรากฎออกมาจากตาของเขาและพุ่งทะลุผ่านมิติตรงหน้าไป มิติที่ขึ้น ๆ ลง ๆ ในห้องได้หยุดลงอย่างรวดเร็ว และเครื่องเรือนทั้งหลายที่อยู่ในห้องก็กลายเป็นผุยผง แม้แต่เตียงที่เขานั่งอยู่นั้นก็ไม่เว้น

ผู้อาวุโสสูงสุดในตอนนี้ร่อนอยู่กลางอากาศด้วยท่าขัดสมาธิ เขาหรี่ตามองไปไกลและพูดอย่างตกตะลึง “พลังหยินชั่วร้าย ! มันคือคนจากนิกายดาบโลหิต! พวกเขาได้มาปรากฏตัวบนทวีปเทียนหยวนอีกครั้ง และพวกเขามุ่งตรงมาที่เมืองแห่งเทพเจ้าของข้า ทำไมกัน ? ” เมื่อกล่าวจบ ผู้อาวุโสสูงสุดก็หายไปจากห้อง และไปในทิศทางใดก็ไม่ทราบได้

พันเมตรลงไปใต้สนามรอบบ้านมีถ้ำขนาดใหญ่อยู่ มีปราสาทใหญ่ที่ถูกแสงริบหรี่สีม่วงสาดแสงตั้งอยู่ที่นั่น บนปราสาทมีร่องรอยแห่งกาลเวลาอยู่ ปราสาทอยู่ที่นี่มานานจนมากจนไม่รู้ว่าเมื่อไร

ในตอนนี้ มีหญิงสวยวัยกลางคนในเสื้อม่วงนั่งลอยอยู่กลางอากาศในห้องโถงหลักของปราสาท ตาที่ลึกซึ้งของนางดูเหมือนจะมองทะลุได้ทุกอย่าง ทำให้นางสามารถมองเห็นด้านนอกได้อย่างชัดเจน

ทันใดนั้นเอง ชายชราในชุดขาวก็ได้ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของหญิงวัยกลางคน สายตาของเขาที่มองไปที่นางนั้นสับซ้อนและเขาพูดอย่างสงบ “ไค่หยุน คนจากนิกายดาบโลหิตได้ปรากฎตัวขึ้นมา”

“ข้ารู้แล้ว ! ” หญิงผู้นั้นพูดออกมาอย่างไม่สนใจ นางไม่แม้แต่จะมองไปที่ชายชรา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ