เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 9

Chaotic Sword God ตอนที่ 9 ความแข็งแกร่งที่ถูกซ่อนไว้

ซิ่วเอ้อจ้องมองเจี้ยนเฉินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ จนดูเหมือนถ้ามันเป็นสัตว์ป่า มันหมายมาดที่จะฉีกเจี้ยนเฉินเป็นชิ้น ๆ

เจ้ามันไอ้สารเลว ข้าจะสอนบทเรียนให้กับเจ้าในวันนี้ !

ซิ่วเอ้อคำรามออกมาด้วยความโกรธ เขาพุ่งตรงไปหาเจี้ยนเฉินและเตะไปที่หัวของเจี้ยนเฉิน การเตะนั้นรวดเร็วและถ้ามันโดน สำหรับคนธรรมดา มันไม่มีทางที่จะเกิดเป็นเพียงแค่บาดแผลเล็ก ๆ อย่างแน่นอน ด้วยร่างกายเล็ก ๆ ของเจี้ยนเฉิน ถ้าโดนตรง ๆ มันมีโอกาสเป็นอย่างมากที่จะถูกฆ่า.

เมื่อประเมินการเตะของซิ่วเอ้อ บ่าวรับใช้อายุ 20 คนนั้นเกิดความตื่นตระหนกและใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด พร้อมกับร้องตะโกนเตือนเสียงดังขึ้นมาว่า พี่ซิ่วเอ้อ หยุด!!

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินก็ยังคงเป็นนายน้อยสี่ซึ่งเป็นบุตรชายของเจียงหยางป้า แม้ว่าจะเป็นสวะ แต่มันก็ยังได้รับความเคารพในบริเวณรอบนอกของคฤหาสถ์เจียงหยาง เขาอาจจะสามารถเยาะเย้ยได้ แต่การปะทะกับนายน้อย แม้ว่าเขาจะมีผู้อาวุโสหนุนหลัง พวกเขานั้นก็ยังคงต้องถูกลงโทษอยู่ดี

หลังมองเห็นการเตะของซิ่วเอ้อ ใบหน้าของเจี้ยนเฉินสงบนิ่ง ตาของเขาทอประกายเย็นชาและโน้มตัวด้านข้างอีกครั้ง ยืนอยู่อย่างสงบด้านนอก เท้าของซิ่วเอ้อมาถึงตัว เขาไม่ได้ถอยหลัง เจี้ยนเฉินเข้าประชิดร่างกายของซิ่วเอ้ออย่างรวดเร็ว เจี้ยนเฉินปลดปล่อยพลังเซียนที่เก็บอยู่ในร่างกายของเขาไปที่ข้อมือและปล่อยมันออกไปด้วยความแรงนับร้อยปอนด์ เกินกว่าที่ร่างกายเล็ก ๆ ของเขาจะทำได้

ร่างกายของซิ่วเอ้อกระเด็นสูงขึ้น เจี้ยนเฉินไม่รอช้าที่จะโต้กลับ ขาทั้งสองข้างของเขาเหวี่ยงไปยังร่างของซิ่วเอ้อที่อยู่ด้านหน้าอย่างหนักหน่วง

ร่างกายของซิ่วเอ้อไถลไปไกลเกือบ 5 เมตร ก่อนที่จะปะทะกับโต๊ะสำหรับตัดผลไม้ดังโครม บังเอิญใต้ร่างกายที่ตกลงของเขาเป็นกองเหล็ก การล้มลงบนนั้นจะทำให้เขามีลักษณะคล้ายกับมนุษย์เม่นที่แปลกประหลาด

ซิ่วเอ้อร่วงลงไปโดนแท่งเหล็กเสียบหลายอัน และอีกเพียงแค่นิ้วเดียวเท่านั้นก่อนที่มันจะทะลุร่างของเขา ทันใดนั้นซิ่วเอ้อกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างกายของเขาผิดรูปไปและจมูกของเขามันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ที่ยังส่งผลไปที่จิตใจ

ทันใดนั้นบ่าวรับใช้ทุกคนในโรงครัวยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น จากเหตุการณ์ที่ไม่อาจทำใจเชื่อได้ พวกเขาได้แต่ยืนจ้องอยู่เช่นนั้น เด็กเพียง 7 ขวบ ไม่เพียงแต่จะต่อสู้กับชายร่างใหญ่ แต่เขายังทำให้อีกฝ่ายพ่ายแพ้ลง อีกฝ่ายนั่นยังอยู่ในพลังเซียนระดับสาม ถ้าข่าวใหม่นี้แพร่ออกไป คงไม่มีใครในเจียงหยางที่จะเชื่อมัน

เจี้ยนเฉินจ้องมองซิ่วเอ้อที่เต็มไปด้วยความทรมานด้วยแววตาเยือกเย็น ขณะเดียวกันกับความรู้สึกดูถูกเกิดขึ้นบนใบหน้าเขา เขาไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไปและเลือกที่จะออกจากโรงครัวแทน โดยปราศจากเสียงจากใครทั้งสิ้น

หลังจากออกกำลังกายในโรงครัว เจี้ยนเฉินถอนหายใจช้า ๆ เขาไม่คิดว่าบ่าวรับใช้ในโรงครัวจะกล้าเยาะเย้ยนายน้อยสี่

หลังจากโยนอารมณ์ขุ่นมัวออกไปจากหัวใจ เจี้ยนเฉินเริ่มเดินเล่นไปรอบคฤหาสน์เจียงหยาง คฤหาสน์กว้างใหญ่ เจี้ยนเฉินไม่เคยเห็นคฤหาสน์อย่างเต็มตาสักครั้ง แม้ว่าทิวทัศน์โดยรอบจะดูงดงามแค่ไหนก็ตาม เมื่อมองไปยังสวนที่เป็นสวนทุกตารางนิ้ว มีทะเลสาบหลายแห่งเช่นเดียวกับสวนดอกไม้ที่มีดอกไม้หายากมากมายซึ่งไม่สามารถหาจากที่อื่นได้ และพวกมันส่งกลิ่นหอมหวาน

ในฐานะนายน้อยสี่แห่งตระกูลเจียงหยาง เจี้ยนเฉินมีอิสระที่จะเดินทุกที่ที่เขาต้องการ ในขณะที่เขาเดินไปมาเขาจะเจอถนนสายสำคัญและอาคารที่มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนซ่อนตัวอยู่ทุกที่ เมื่อเขาเห็นผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้น แต่เขาได้ตัดสินใจที่จะไม่คิดมากเกี่ยวกับมัน หลังจากที่เขารู้ว่าตระกูลเจียงหยางเป็นหนึ่งในสี่ของตระกูลที่ยิ่งใหญ่ของเมืองลอว์ เมืองลอว์จัดว่าเป็นเมืองชั้นหนึ่งที่ ดังนั้นการเป็นตระกูลใหญ่จึงมีเกียรติ

เขาก้าวเดิน เขาไม่ได้สนใจที่จะไปยังกลางของสวนดอกไม้ที่สงบเงียบ เจี้ยนเฉินไม่ได้สังเกตเห็นพี่สามของเขา เจียงหยางเค่อ ที่ซึ่งกำลังฝึกฝนการต่อสู้โดยใช้ขวานอย่างต่อเนื่อง ที่ซึ่งเขาฝึกฝนภายในสวนดอกไม้อันร่มรื่น แต่อย่างไรก็ตาม ในสายตาที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ในการต่อสู้ของเจี้ยนเฉิน มันดูเหมือนกับว่า ถ้าเจียงหยางเค่อเหวี่ยงขวานสะเปะสะปะ

แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะเรียนรู้วิธีการใช้กระบี่มาจากโลกที่แล้ว แต่สิ่งที่เขาเรียนรู้มันแตกต่างกับผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้อาวุธขวานและวิธีการอย่างไรที่พวกเขาสู้ ดังนั้นแม้ว่าเขาจะเคยชินกับวิธีการใช้ขวาน อีกอย่างหนึ่ง เจียงหยางเค่อยกมือค้าง เจี้ยนเฉินไม่ได้กล่าวอะไร นี่นับว่าเป็นการพิจารณาการฝึกหรือ?

ขณะที่เจี้ยนเฉินกำลังจะเดินย้อนกลับไป เจียงหยางเค่อสังเกตเห็นเจี้ยนเฉินจากหางตาของเขา เขาเคลื่อนไหวช้าลงและเริ่มมีความคิดใหม่ขึ้นมา เขาเผยอยิ้มออกมา

“น้องสี่ เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร มาสิ พี่สามของเจ้า มีขนมหวานให้เจ้ากิน” เจียงหยางเค่อร้องเรียกเจี้ยนเฉิน

ได้ยินคำพูดของเจียงหยางเค่อ เจี้ยนเฉินแทบจะสะดุดหัวทิ่มลงกับพื้นด้วยความยากจะเชื่อ เขาลอบคิดในใจ ว่า “ต่อให้เป็นเด็ก 7 ขวบ ยังยากที่จะหลงเชื่ออุบายเช่นนี้” แต่อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินลืมไปว่านี่คือประสบการณ์ที่ผ่านมาในโลกเก่า เขายังคงอยู่ในรูปกายของเด็ก 7 ขวบในตอนนี้

แต่เขาไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของเจียงหยางเค่อและยังคงเดินโดยไม่หันหน้ากลับ

เมื่อเห็นเจี้ยนเฉินค่อย ๆ เดินจากไป เจียงหยางเค่อเริ่มที่จะโกรธ เขาขว้างขวานไม้ในมือของเขาลงไปปักบนพื้นดิน เขาโผเข้าหาเจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็วและในที่สุดคว้าตัวอีกฝ่าย

“น้องสี่ เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือไง !!” เจียงหยางเค่อขัดขวางทางเดินของเจี้ยนเฉิน เหมือนกับจุกไม้ก๊อกในขวด ใบหน้าของเขาแดงไปด้วยความโกรธขณะที่เขาเริ่มจ้องมองเจี้ยนเฉิน

“มีอะไรผิดพลาดงั้นหรือ”

เจียงหยางเค่อจ้องมองกิ่งไม้เล็ก ๆ ที่ซึ่งมีขนาดเท่าตะเกียบในมือของเจี้ยนเฉินก็เริ่มหัวเราะ เขาไม่เพียงไม่โกรธ เขาอาจจะทำให้เจี้ยนเฉินพ่ายแพ้ได้อย่างง่ายดาย ในที่สุดความฝันที่จะทำให้เจี้ยนเฉินกลายเป็นไอ้งั่งก็ได้มาถึง เจียงหยางเค่อรู้สึกมีความสุข

เจียงหยางเค่อกระชับขวานในมือ “น้องสี่ ระวังตัวให้มาก พี่สามของเจ้าจะเริ่มโจมตี!” ทันใดนั้นหลังจากพูดจบ เจียงหยางเค่อพุ่งตรงไปหาเจี้ยนเฉินราวกับพายุด้วยขวานในมือ ก่อนจะเหวี่ยงลงไปหาเจี้ยนเฉิน

ขวานนี้อาจจะไม่สามารถสร้างรอยแผลที่ถึงชีวิต ดังนั้นเจียงหยางเค่อจึงไม่รอช้าที่จะเหวี่ยงมันด้วยความแข็งแกร่งของตน

ขาของเจี้ยนเฉินก้าวไปข้างหน้าหลบหลีกขวาน เหวี่ยงกิ่งไม้นั้นออกไปด้วยความเร็วอันน่ากลัว ทันใดนั้นกิ่งไม้นั้นก็คล้ายกับมีพลังอำนาจอะไรบางอย่าง ท่าทีของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปอย่างทันที เขาก้าวอย่างกดดันไปข้างหน้า จากกิ่งไม้ธรรมดากลายเป็นคมกระบี่แห่งความตายในมือเขา

เจี้ยนเฉินเหวี่ยงกิ่งไม้แทนกระบี่ด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ ไปทางเจียงหยางเค่อโดยไม่มีช่องว่างให้ตอบโต้ ในที่สุดเมื่อกิ่งไม้นั้นก็ไปจ่อที่คอของเจียงหยางเค่อ

พี่สาม ท่านแพ้แล้ว ด้วยการหยอกเล่น เขาส่งขวานกลับคืนไปหาเจียงหยางเค่อที่ล้มในกลางการต่อสู้

เจียงหยางเค่อทำได้เพียงจ้องมองกิ่งไม้ที่คอของเขา ประกายแสงแห่งความยากจะเชื่อปรากฏในดวงตา เขาไม่ได้เห็นการเคลื่อนไหวของกิ่งไม้เลยสักนิด สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงการเคลื่อนไหวเล็กน้อยเท่านั้น และการต่อสู้นั้นก็จบลง

เจียงหยางเค่อยังคงตกใจและสั่นศีรษะของเขา ปัดกิ่งไม้ซึ่งจ่อที่ลำคอของเขาออก เขาตะโกนร้องออกมาลั่นด้วยความยากจะเชื่อ นั่นมันไม่นับ มันจะนับไม่ได้ น้องสี่ เจ้าต่อสู้อย่างไม่ยุติธรรม

เจี้ยนเฉินหัวเราะขณะที่จ้องมองไปยังใบหน้าที่เป็นสีแดงของเจียงหยางเค่อ พี่สาม ท่านไม่รู้จริงหรือ ข้าต่อสู้อย่างไม่ยุติธรรมงั้นหรือ ? เขาพูดอย่างแปลกใจ

นั่น ..นั่นมัน เจียงหยางเค่อเกาแก้มของมันและพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก ขณะที่มันเองพยายามหาข้อแก้ตัว ในที่สุดมันยังคงไม่อาจยอมรับผลลัพธ์นั้น และพูด เช่นนี้..การต่อสู้เมื่อครู่ไม่นับ สู้กันใหม่อีกครั้ง!

เจี้ยนเฉินหยิบกิ่งไม้ที่เจียงหยางเค่อปัดทิ้งไปด้วยท่าทีหัวเราะ ตกลง เริ่มต่อสู้อีกครั้งได้ โดยไร้ซึ่งท่าทีวุ่นวายใจ เขาถอยห่างออกไปจากเจียงหยางเค่อราว ๆ 5 เมตร

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ