หัตถ์เทวะราชันมังกร นิยาย บท 1013

เมื่อเห็นเช่นนี้ กั๋วเว่ยก็รู้สึกสับสน พวกมันกำลังจะตายกันอยู่แล้ว ตอนนี้ยังมัวทำอะไรอยู่อีก?

ไม่นานนัก เลือดของซูอวี่ฉีก็เข้าสู่ร่างของเฉินผิงแล้วเลือดของเขาก็เริ่มเดือดพล่าน

พลังวิญญาณอันไร้ขีดจำกัดเริ่มที่จะพลุ่งพล่านไปทั่วร่างของเฉินผิง แม้แต่แก่นมังกรก็กลายเป็นสีแดงดุจโลหิต

ทั่วทั้งร่างของเฉินผิงเต็มไปด้วยพลังมหาศาล

เขาค่อยๆ แหงนหน้ามองไปที่กั๋วเว่ยด้วยดวงตากลัดเลือด จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่ระเบิดออกมาจากร่างของเขาถูกพลังของกั๋วเว่ยกดกำราบเอาไว้

นอกจากรู้สึกตกตะลึงแล้ว กั๋วเว่ยก็จ้องมองเฉินผิงด้วยความไม่อยากเชื่อ

เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดเฉินผิงที่เห็นอยู่ชัดๆ เมื่อสักครู่ว่าอ่อนแอเจียนตาย จู่ๆ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ หลังจากดื่มเลือดของซูอวี่ฉี

พลังของมันกำลังพลุ่งพล่านและเห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่าตัว

“ถ้าหากฉันเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ขั้นสูงสุด ฉันย่อมต้องฆ่าแกได้ในกระบวนท่าเดียวเป็นแน่”

แสงสีทองที่โอบล้อมเฉินผิงสว่างพร่างพรายราวกับแสงตะวันยามฤดูร้อน

กั๋วเว่ยไม่รู้สึกประหลาดใจกับเรื่องนั้นเลย เพราะเขารู้ว่าเฉินผิงกำลังพูดความจริง

ตอนนี้เฉินผิงเป็นเพียงแค่ปรมาจารย์ยุทธ์ขั้นต้นเท่านั้น แต่มันก็สามารถเอาชนะปรมาจารย์ยุทธ์ขั้นที่เจ็ดอย่างซวนหยวนเหยียนและต่อสู้กับปรมาจารย์ยุทธ์ขั้นสูงสุดอย่างเขาได้แล้ว

ถ้าหากมันกลายเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ขั้นสูงสุด ไม่ว่าใครก็คงจินตนาการได้ว่ามันจะมีพลังน่าพรั่นพรึงสักเพียงใดกัน ถึงตอนนั้นแม้แต่เจ้ายุทธ์ครึ่งขั้นก็คงไม่ใช่คู่ประมือของมัน เพื่อจัดการกับเฉินผิง จำเป็นต้องมีเจ้ายุทธ์ด้วย

“แกไม่มีโอกาสได้กลายเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ขั้นสูงสุดหรอก เพราะวันนี้แกกำลังจะตายแล้ว!”

หลังจากกั๋วเว่ยพูดจบ สายธารแห่งความมืดก็ปะทุขึ้นมาจากทั่วทั้งร่าง ก่อนที่จะมาบรรจบกับตราสัญลักษณ์บนหน้าอกของเขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัตถ์เทวะราชันมังกร