หัตถ์เทวะราชันมังกร นิยาย บท 1538

สรุปบท ตอนที่ 1538 โกรธจัด: หัตถ์เทวะราชันมังกร

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1538 โกรธจัด – หัตถ์เทวะราชันมังกร โดย อาร์ม

บท ตอนที่ 1538 โกรธจัด ของ หัตถ์เทวะราชันมังกร ในหมวดนิยายนิยาย ประวัติศาสตร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย อาร์ม อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

เมื่อเห็นว่าตนเองมีสภาพย่ำแย่ขนาดไหน ดวงตาของฟ่านเจียงก็ฉายแวว

แววตาน่าขนลุกก็เพียงพอที่จะทำให้คนตัวสั่นได้แล้ว

"ฉันจะทำให้แกมีชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย" เขาข่มขู่พลางแผ่กลิ่นอายจากร่างของตนอีกครั้ง

ทันทีที่เฉินผิงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของฟ่านเจียง เขากลับหน้าตาเหยเก เพราะเขาคิดว่าตนสามารถสังหารฟ่านเจียงได้ในกระบวนท่าเดียว

อนิจจา เขาประเมินพลังของเจ้ายุทธ์ชั้นยอดต่ำเกินไปเสียแล้ว

ตอนนี้เขาหมดโอกาสที่จะหลบหนีไป เขาเริ่มที่จะรู้สึกเสียใจขึ้นมาบ้างแล้ว

ในยามนั้น เขาได้แต่ฝากความหวังเอาไว้กับเครื่องรางช่วยชีวิตของคุณชี่เท่านั้นแล้วล่ะ

"ช่างเป็นเจ้ายุทธ์ชั้นยอดที่แข็งแกร่ง แต่น่าเสียดายที่แกมันโง่เขลาจนน่าอนาถ ดูสิ หลังจากผ่านมาตั้งหลายปีขนาดนั้น แกก็ยังไม่บรรลุถึงระดับเจ้ายุทธ์ขั้นสูงสุดสักที" เฉินผิงเอ่ยพลางหอบหายใจหนักๆ เขาเจตนาที่จะทำให้ฟ่านเจียงโมโห เพราะเขารู้ว่ายามที่คนเราโกรธเคืองจะทำเรื่องผิดพลาดได้

แน่นอนว่าฟ่านเจียงย่อมโกรธจนหน้าแดงเมื่อเห็นท่าทางเยาะเย้ยของเฉินผิง

ความจริงก็คือเฉินผิงได้พูดแทงใจดำของฟ่านเจียงเข้าแล้ว เพราะเขารู้สึกอับอายมากเหลือเกินที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็ยังไม่สามารถบรรลุถึงระดับเจ้ายุทธ์ขั้นสูงสุดได้

ดังนั้นตอนที่โดนเฉินผิงพูดแทงใจดำอย่างโจ่งแจ้ง ฟ่านเจียงย่อมไม่มีทางที่จะไม่คลุ้มคลั่งอยู่แล้ว

"แกมันรนหาที่ตาย..."

ทันใดนั้นแสงสว่างเจิดจ้าก็เริ่มที่จะมารวมตัวกันอยู่ในมือข้างที่กำลังกุมกระบี่หัวพยัคฆ์เอาไว้ข้างหลัง

แม้จะเป็นแสงสว่างที่หลอมรวมเข้ากับฟ่านเจียง แต่เขาก็ยังร่ายคาถาต่อไป

จากนั้นอักขระบรรทัดหนึ่งก็ส่องแสงวาบขึ้นมากลางอากาศและเปล่งประกายเจิดจรัส

"แกไม่ใช่คนเดียวที่รู้วิชาเวทย์หรอกนะ ฉันจะให้แกได้ลิ้มรสพลังที่แท้จริงของฉันเอง" ฟ่านเจียงกล่าวขึ้นมา ทันใดนั้นอักขระบรรทัดนั้นก็มารวมตัวกันแล้วเปล่งแสงสว่างพร่างพราย

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีกลิ่นอายที่น่าพรั่นพรึงกำลังพุ่งเข้าใส่เฉินผิงอีกด้วย

ฝ่ายหลังขมวดคิ้วพลางรู้สึกกังวลใจยิ่งนัก

เขาคงหมดโอกาสที่จะรอดพ้นจากสถานการณ์ครั้งนี้ได้แล้ว

หวือ!

หลังจากนั้นไม่นาน อักขระพวกนั้นก็ก่อตัวเป็นหอคอยแล้วถล่มลงมาใส่เฉินผิง

ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกราวกับอากาศโดยรอบหยุดนิ่งและมีขุนเขากำลังกดทับลงมา

ตู้ม!

ไม่แปลกใจเลยที่ทุกอย่างจะกลับมืดมิดและหายใจแทบไม่ออก

เมื่อนึกได้เช่นนั้น เฉินผิงก็ปลดปล่อยพลังวิญญาณบางส่วนผ่านเท้าของตนเองจึงช่วยให้เขากระโจนขึ้นจากพื้นได้

เฉินผิงมองฟ่านเจียงด้วยสายตาเคร่งขรึม เมื่อฝ่ายแรกสัมผัสได้ถึงคลื่นความเจ็บปวดที่พัดผ่านร่างกาย เขารู้ว่าร่างกายของตนคงจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

ดังนั้นเฉินผิงคลำหาเครื่องรางช่วยชีวิตไปทั่วทั้งตัว เขาคิดจะใช้มันต่อกรกับการโจมตีระลอกถัดไปของฟ่านเจียงเพื่อที่เขาจะได้สามารถหลบหนีออกไปได้

เฉินผิงมีความรู้สึกว่าขืนตนยังสู้กับฟ่านเจียงต่อไป คงไม่รอดเป็นแน่

ราวกับว่าฟ่านเจียงสัมผัสได้ถึงเจตนาของเฉินผิงจึงยิ้มเยาะขึ้นมา "แกคิดจะหนีงั้นรึ? แกไม่อยากแก้แค้นให้แฟนของแกแล้วหรือไง?"

หลังจากเอ่ยเช่นนั้น หมอกโลหิตก็โอบล้อมเขาไว้

สิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งไปกว่านั้นคือ หมอกพวกนั้นมีกลิ่นอายที่คุ้นเคย

มันเป็นของซูอวี่ฉี

เฉินผิงดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง จากนั้นใบหน้าของเขาก็ค่อยๆ บิดเบี้ยวด้วยโทสะ

ไม่นึกเลยว่าฟ่านเจียงจะดื่มเลือดของซูอวี่ฉีเพื่อเพิ่มพลังของตนเอง

"เลือดของแฟนแกเป็นทรัพยากรในการฝึกบำเพ็ญฌานที่ดีที่สุดในโลกเสียจริงๆ ช่างน่าเสียดายที่แม้จะดื่มเข้าไปเยอะสักแค่ไหน ฉันก็ยังไม่ได้เลื่อนขึ้นสู่ระดับเจ้ายุทธ์ขั้นสูงสุด ดูสิ ช่างน่าเสียดาย..." ฟ่านเจียงมองเฉินผิงด้วยสีหน้าขบขัน คราวนี้ถึงทีเฉินผิงเป็นฝ่ายโกรธจัดบ้างแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัตถ์เทวะราชันมังกร