หัตถ์เทวะราชันมังกร นิยาย บท 1541

เฉินผิงเห็นฟ่านเจียงถอยกรูดและพยายามหลบเลี่ยงการโจมตี จึงเย้ยไปว่า “กลัวที่จะสู้กับฉันแล้วงั้นหรือ?”

“ฉันคิดว่าไม่มีประโยชน์อันใดที่จะเสียแรงต่อสู้กับแก ในเมื่อแกดิ้นรนอยากตายเอง ทันทีที่เวลาหมดลง รับรองว่าฉันจะจัดการกับแกแน่”

ฟ่านเจียงไม่อยากสู้กับเฉินผิงอีกต่อไป เพราะอย่างไรเสีย เวลาของชายหนุ่มก็ต้องหมดลง

“แกกลัวจริงๆ น่ะเหรอ เป็นถึงเจ้ายุทธ์ขั้นสูงสุดเชียวนะ” เฉินผิงพูดยั่วโมโห

คราวนี้ฟ่านเจียงเย้ยหยันกลับไปว่า “ไม่มีประโยชน์และเหตุผลที่จะยั่วอารมณ์ฉันหรอก เมื่อถึงเวลาแกจะรู้ว่าสิ่งที่พูดนั้นไร้สาระสิ้นดี”

เฉินผิงหน้าเสียและหยุดพูดไป เขาเองก็รู้เช่นกันว่าเวลาของเขาใกล้จะหมดลงและจะไม่ยอมเสียมันไปแม้แต่วินาทีเดียว

ทันใดนั้น รัศมีของเฉินผิงก็สว่างวาบขึ้น ขณะพุ่งตัวเข้าหาฟ่านเจียงที่ยังคงพยายามหลีกเลี่ยงการโจมตีด้วย

ความรวดเร็ว

เฉินผิงกัดฟันและยังคงปล่อยหมัดใส่คู่ต่อสู้อย่างไม่มีท่าทีจะหยุด แต่ทั้งหมดก็เปล่าประโยชน์

ฟ่านเจียงเร็วเกินไป ทำให้ทั้งคู่ดูเหมือนแค่เล่นไล่จับกันมากกว่า

ใบหน้าของฟ่านเจียงเริ่มฉายรอยยิ้ม ราวกับว่าเขามีความสุขเหลือเกินกับการถูกไล่ตาม

เห็นดังนั้น เฉินผิงจึงหยุดวิ่งและจ้องฟ่านเจียงด้วยสายตาอันเยือกเย็น

“เป็นอะไรไปล่ะ เหนื่อยงั้นหรือ” ฟ่านเจียงถามพร้อมหัวเราะเยาะ

ได้ฟังเช่นนั้น เฉินผิงจึงนิ่งเงียบ มีเพียงดวงตาของเขาที่ฉายความแข็งกร้าว

เมื่อเห็นว่าเฉินผิงหยุดไล่ล่า ฟ่านเจียงก็หยุดเช่นกัน

ทันใดนั้นฟ่านเจียงสังเกตเห็นพื้นดินใต้เท้าของเฉินผิงเริ่มสั่นไหวเมื่อเขายกมือขึ้น ในตอนนั้นเองชายหนุ่มเริ่มพึมพำอะไรบางอย่างเบาๆ

ลำแสงได้สาดส่องลงมาที่ใต้เท้าของเฉินผิง

และแล้วภาพเหตุการณ์ได้เปลี่ยนไปราวกับว่าทั้งคู่ได้ก้าวเข้าสู่อีกมิติหนึ่ง

“โอม ศาสตร์เวทย์เคลื่อนย้ายมิติ...” ฟ่านเจียงขมวดคิ้วกับสิ่งที่เขาเห็น

ในขณะนั้น แก่นมังกรในตัวเฉินผิงได้เปล่งประกายขึ้น รวมถึงแก่นโลหิตก็เดือดปุดๆ เช่นกัน

หยาดเหงื่อบนหน้าผากของชายหนุ่มได้เลือนหายไปทันทีที่ตกลงสู่พื้นดิน

ถึงแม้ว่าเฉินผิงได้ใช้ศาสตร์เวทย์เคลื่อนย้ายมิติและต้านฟ่านเจียงได้สำเร็จ แต่ก็ใช้พลังงานวิญญาณไปมากโขระหว่างต่อสู้ ท้ายที่สุดเขาไม่อาจสร้างรอยบาดแผลสาหัสใดๆ บนตัวฟ่านเจียงได้เลย

ชายหนุ่มรู้ว่าแม้จะพยายามใช้พลังวิญญาณจนหมด ก็ไม่สามารถสร้างบาดแผลให้ฟ่านเจียงได้ภายในไม่กี่นาทีด้วยซ้ำ

ฟ่านเจียงไม่ได้ลืมความจริงนี้เช่นกัน เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และพูดว่า “แกคงใช้พลังงานกับศาสตร์เวทย์เคลื่อนย้ายมิติไปมากโข ถูกไหมล่ะ ที่เลวร้ายคือแกกำลังเผาผลาญแก่นโลหิตเพื่อเพิ่มระดับตัวเอง ช่างดีจริงๆ มาดูกันว่าแกจะอยู่ได้นานขึ้นแค่ไหนกัน”

“อ่อหรอ!”

เฉินผิงไม่อาจยอมรับความพ่ายแพ้นี้ได้ เขาถ่มน้ำลายที่เต็มไปด้วยโลหิตก่อนที่จะพุ่งเข้าหาฟ่านเจียงด้วยสีหน้าโกรธเคือง

เขาออกแรงทั้งหมดที่มีขณะที่ต่อยฟ่านเจียงด้วยกำปั้นทองคำอันทรงพลัง

ทางด้านฟ่านเจียงก็ต่อสู้อย่างสุดพละกำลัง และเขารู้ว่าเฉินผิงเองก็กำลังใช้พลังเฮือกสุดท้าย

ดูเหมือนฟ่านเจียงจะบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย หลังแลกหมัดกันไปมาราวสิบครั้งได้

ในตอนนี้ ในใจเฉินผิงท่วมท้นไปด้วยความสิ้นหวัง เขาจ้องฟ่านเจียงด้วยสายตาโกรธจัด ขณะหอบหายใจอย่างหนัก

ทันใดนั้น สภาพเหตุการณ์ก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปและกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างที่เคยเป็น