“ก็คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความเข้าใจของคุณแล้ว คาถาลวงตามีสามประเภท คือ ลวงตา ลวงใจ และลวงสติ” ผู้อาวุโสกล่าว
“ลวงตา ลวงใจ และลวงสติเหรอ?” เฉินผิงรู้สึกสับสน แม้ว่าเขาจะมีความรู้และเชี่ยวชาญในด้านคาถาลวงตา แต่ก็ไม่เคยมีใครอธิบายรายละเอียดให้เขาฟังมาก่อน
เฉินผิงเกิดความสนใจขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำพูดของผู้อาวุโส ไม่เคยมีผู้เชี่ยวชาญคนไหนมาอธิบายเรื่องพวกนี้กับฉันเลย!
เนื่องจากผู้อาวุโสเป็นผู้เชี่ยวชาญในการร่ายเวทย์คาถาลวงตา เฉินผิงจึงตั้งใจฟังคำอธิบายเหล่านี้
“ลวงตาเป็นคาถาลวงตาที่สามารถทำให้ดวงตาของคุณมืดบอดและทำให้คุณเข้าใจผิดกับสิ่งที่เห็น มันสร้างภาพลวงตาที่ทำให้คุณคิดว่าคุณอยู่ในสถานที่แห่งอื่น ลองคิดดูแบบนี้ อาจกล่าวได้ว่านักมายากลนั้นใช้คาถาลวงตานี้เพื่อหลอกผู้ชม พวกเขาสามารถทำให้ผู้ชมเชื่อในสิ่งที่เห็น ลวงใจนั้นเป็นคาถาลวงตาที่รบกวนอารมณ์ของคุณ คุณจะคิดถึงสิ่งที่ไม่มีอยู่หรือทำสิ่งใดๆ โดยไร้ความรู้สึก นั่นคือวิธีการทำงานของสิ่งที่เรียกว่าการสะกดจิต คนที่ถูกสะกดจิตจะตอบทุกคำถามที่ถูกถาม ส่วนสุดท้าย ลวงสตินั้นเป็นคาถาลวงตาที่ร่ายยากที่สุด มันทำให้จิตใจและความรู้สึกของคนผู้นั้นมืดบอด แม้ว่าคุณจะรู้ตัวและทุกคนบอกคุณว่าคุณผิด แต่ลึกๆ แล้วคุณจะเชื่อว่าสิ่งที่คุณคิดนั้นถูกต้อง สถานการณ์นี้จะพบเห็นได้ในการพูดถึงความสำเร็จ ผู้นำเสนอจะใช้คำพูดที่ป้องกันไม่ให้ผู้ฟังคิดนอกกรอบ ส่งผลให้ผู้ฟังเชื่อในสิ่งที่ผู้นำเสนอพูด เมื่อบุคคลหนึ่งตกอยู่ภายใต้คาถาดังกล่าว พวกเขาจะปฏิเสธที่จะเชื่อในคำแนะนำของผู้อื่น นั่นคือคาถาลวงจิตขั้นสูงสุด หากคุณสามารถร่ายคาถาที่ว่ามาได้ บางครั้งคุณก็ไม่จำเป็นต้องสู้กับคู่ต่อสู้เลยด้วยซ้ำ สิ่งที่คุณต้องทำก็เพียงแค่บอกคู่ต่อสู้ให้จบชีวิตของพวกเขาเองเท่านั้น แล้วพวกเขาก็จะเชื่อฟังเพราะพวกเขาคิดว่าคุณเป็นนายของพวกเขา ฉันพยายามใช้คำของคนธรรมดาเพื่ออธิบายเรื่องของคาถาเหล่านี้ให้คุณฟัง ฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจสิ่งที่ฉันสื่อไปนะ” ผู้อาวุโสอธิบาย
เฉินผิงประหลาดใจอย่างมาก ใครจะไปคิดว่าผู้อาวุโสของชนเผ่ากายาบรรพกาลจะมีความรู้มากมายเช่นนี้? เขารู้เรื่องนักมายากล การสะกดจิต และแม้แต่การพูดถึงความสำเร็จ! เขาเรียนรู้เรื่องพวกนี้มาจากโลกมนุษย์งั้นเหรอ? เดี๋ยวนะ... นั่นมันไม่ใช่ประเด็นสิ สิ่งสำคัญคือฉันได้เรียนรู้มากมายจริงๆ!
“ท่านครับ ตอนนี้เราควรทำยังไงดี?” เฉินผิงถามผู้อาวุโส
“ตอนนี้เราต้องสงบจิตใจของเรา หากศัตรูไม่เคลื่อนไหว เราก็จงอยู่เฉยๆ เราใช้พลังวิญญาณของเราไปมากแล้ว เราเสียมันไปมากกว่านี้ไม่ได้” ผู้อาวุโสตอบ
เฉินผิงพยักหน้าและนั่งขัดสมาธิอยู่นิ่งๆ เขาค่อยๆ เริ่มฟื้นพลังขึ้นมาทีละน้อย
เมื่อมารเฒ่าเห็นว่าเฉินผิงสงบลงและนั่งอยู่เฉย เขารู้ได้ทันทีว่านั่นเป็นเพราะผู้อาวุโสเป็นคนบอกให้เฉินผิงทำเช่นนั้น
มารเฒ่าจึงโบกมือไปในอากาศ ทันใดนั้น คลื่นรัศมีพลังอันแรงกล้าก็ทะลุผ่านเมฆหมอกสีดำที่หนาทึบเข้ามาและยิงพุ่งตรงไปที่เฉินผิง
ฟิ่ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัตถ์เทวะราชันมังกร
จะลงแดงแล้ว...
หายไปหลายวัน ไม่สบายหรือเปล่าครับ...
ยิ่งอ่านตอนก็ยิ่งสั้นลงๆ ของฟรีไม่มีในโลกจริงๆ เลิกอ่านกันเถอะเสียอารม...
เริ่มตั้งแต่ตอนที่ 1886 ตอนเริ่มสั้นลงๆ ต้องทำไง...
ไม่มีระบบจ่ายเงินผ่านหักบัญชีธนาคารหรือจ่ายผ่านทรูฯ บ้างหรือผมไม่ได้ใช้บัตรเครดิต...
3065-3074 ไม่มี...
อ่านมาถึงตอนที่ 136 แล้วแต่ต้องอ่านแบบผ่านๆเพราะแต่ละฉากวนอยู่ที่พระเอกโดนดูถูกตลอด จากคนทั้งเรื่องรวมทั้งพ่อแม่ด้วยเลยมั้ง พระเอกต้องเป็นโรคจิตอ่อนๆแน่เลย ไม่ได้คิดจะทำอะไรให้ดีขึ้นนอกจากคิดในใจว่าฉันเก่ง รอให้เขาดูถูกก่อนแล้วนิ่งๆ ยอมรับแล้วผ่านไป พยายามหาเรื่องที่พระเอกเก่ง หรือสู้ชีวิตแล้วดีขึ้น แต่แบบเหมือนฉันเก่งอยู่ในใจคนเดียว มันน่าอึดอัดมาก...
ทำไมพระเอกเก่งต้องทนให้คนดูถูกตัวเองดูถูกพ่อแม่แบบไม่คิดจะทำอะไรเลย แบบตามน้ำไปวันทั้งที่มีฝีมือ ทนลำบากกันไป...
หน้าด้านจังอีกู่หลิงเอ๋อร์ หลงรักแฟนเพื่อน แล้วเสือกเสนอตัวออกนอกหน้าเกิ๊น นิสัยแบบนี้เขาเรียกดอกทอง คนเขียนไม่เข้าใจหรอว่านิสัย ผู้หญิงสันดานแบบนี่ น่าขยะแขยง...
ชักจะเบื่อ หายอีกแล้ว หมดไปเกือบ 2 พัน แล้วนะ...