เฉินผิงและจี้อวิ๋นต่างก็กลับไปที่ห้องของตนเพื่อพักผ่อนเซ่นกัน
เพืยงไม่นานก็เกิดเสียงดึงกึกก้อง เรือวิญญาณก็เริ่มเคลื่อนตัว ก่อให้เกิดคลื่นบนพื้นผิวทะเลที่ดำมืดในทันที
มีผู้ผักบำเพ็ญฌานจำนวนมากที่ไม่มีตั๋วบนท่าเรือ พวกเขามอง เห็นเรือวิญญาณที่ค่อยๆ แล่นออกไปด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วย ความอิจฉา เพราะนี่คือเรือวิญญาณลำใหญ่ที่สุดและมีความ ปลอดภัยมากที่สุด
เหล่าผ้ผักบำเพ็ญฌานที่อยู่บนเรือต่างออกมาจากห้องของพวก เขาเมื่อรู้สึกว่าเรือวิญญาณเคลื่อนตัวไม่เว้นแม้แต่เฉินผิง
เขาเดินออกจากห้องโดยตั้งใจจะออกไปขมวิวด้านนอก
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เขาออกจากห้อง เขาก็เห็นขายหญิงคู่หนึ่ง เดินผ่านมา
ขายผู้นั้นแต่งกายด้วยขุดสีฟ้าอ่อนและดูโดดเด่นเป็นสง่าอย่าง มาก สวนหญิงสาวสวมขุดสีดำพร้อมด้วยผ้าคลุมสีดำที่คลุม ศีรษะของเธอ
ขณะที่ทั้งสองเดินผ่านหน้าเฉินผิง พวกเขาก็หยุดครู่หนึ่ง หญิง
คนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะขำเสืองมองเฉินผิง
ฝ่ายเฉินผิงเองก็ขมวดคิ้วและมองเธออย่างละเอียดตั้งแต่หัว จรดเท้า
แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มืใครพูดอะไรออกมา คนทั้งสองหยุดเพียง ขั่วครู่ก่อนจะมุ่งหน้าขึ้นไปขั้นบน เห็นได้ขัดว่าพวกเขาอาศัยอยู่ ขั้นบนที่มืสภาพและการตกแต่งที่ดิกว่า
“ผู้ผักวิ'ซามาร'รึ?”
เฉินผิงจ้องมองไปยังร่างที่เพิ่งผ่านไปจนพันสายตาโดยสัมผัส ได้ถึงกลิ่นอายรัศมีมารของพวกเขา
แม้ว่าคนทั้งสองจะปกปีดรัศมีพลังของพวกเขาเอาไว้อย่างดี แต่ เฉินผิงก็ยังตรวจจับพวกมันได้ เนื่องจากเขามีประสาทสัมผัสที่ ว่องไวมากกว่าคนอื่นๆ และรัศมีมารก็เช่นกัน
เฉินผิงหันหลังกลับไปที่ห้องของเขา และจู่ๆ เจ่อเยี่ยนก็พูดขึ้น “คุณเฉิน สองคนก่อนหน้านี้เป็นผู้ฝ่กวิชามารครับ...11
“ใช่ ผมก็สัมผัสได้ คุณพอจะรู้มั้ยว่าพวกเขาเป็นผู้ผ้กวิขามาร ของตระกูลไหน?’, แม้จะรู้ว่าพวกเขาเป็นผู้ผักวิขามาร แต่เฉินผิงก็ไม่แน่ใจว่าพวก เขาอยูตระกูลใด เนื่องจากเผ่ามารเองก็ถูกแบ่งออกเป็นหลายเผ่าเช่นกัน เฉินผิงรู้จักมารที่มี'ขื่อเสียงเช่น มารอเวจี ฃย่ามัว หยินมัวและเพื้ งมัว ลำหรับมารที่มีขื่อเสียงคนอื่นๆ เฉินผิงอาจจะไม่รู้จักพวก เขา แต่เฉินผิงก็มั่นใจว่าพวกเขามีตัวตนอยู่จริง
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ เพราะผมไม่สามารถสัมผัสมันได้เลย แต่ไม่ใช่มารอเวจีแน่นอน หากพวกเขามาจากสายเลือดนี้ ผม จะต้องรู้” เจ่อเยี่ยนกล่าวตามความจริง
“ฉันไม่คิดเลยว่าจะมีพวกมารแทรกซึมเข้ามาในเรือวิญญาณ ดู เหมือนหนทางข้างหน้าจะต้องมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น” เฉินผิง กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
สุดท้ายแล้วในทุกวันนี้พวกมารมักจะตกเป็นเป้าโจมคืและดำ ดูถูกเหยียดหยาม นอกเหนือจากมารบริสุทธทั้งสองแล้ว หากมี ผู้ผิกบำเพ็ญฌานคนใดบนเรือล่วงรู้ความจริงของเผ่าพันธุของ พวกเขา การต่อสู้ก็จะต้องปะทุขึ้นอย่างแน่นอน
แต่ขณะนี้พวกเขากำลังล่องเรือในทะเลโม่ไห่ซึ่งไม่เหมือนการ อยู่บนบก แม้จะมีขนาดใหญ่เทียบเท่าได้กับกับภูเขาเล็กๆ และ มีการเพิ่มประสิทธิภาพของวงแหวนอาคมแล้วก็ตาม แต่เรือ วิญญาณลำนี้ก็ยังไม่สามารถทนต่อแรงของการต่อสู้ระหว่างผู้ ผักบำเพ็ญฌานระดับกึ่งเซียนได้ หากเรือถูกทำลาย ทุกคนคงถึงคราวจบเห่ อีกทางด้านหนึ่ง ขายหญิงคู่นั้นก็กำลังสนทนาเกี่ยวกับเฉินผิง เช่นเดียวกับที่เขาครุ่นคิดถึงคนทั้งสอง
“จิ้นตง ฉันรู้สึกแปลกใจกับคนที่เราเพิ่งเจอเมื่อกี้จัง เขามีรัศมี มารด้วยใครจะคิดว่าไมใช่แค่พวกเราที่แทรกซึมเข้ามาในเรือ ลำนี้” ผู้หญิงที่แต่งกายด้วยขุดสีดำล้วนกล่าวแสดงความคิด เห็นด้วยความรู้สึกค่อนข้างประหลาดใจ
“หลัวซี สิ่งสำคัญที่สุดของเราในตอนนี้คิอการหาวิธีรักษา อาการกระหายเลือดของคุณ อย่าเพิ่งไปคิดถึงเรื่องอื่นเลย เวลา มันก็ผ่านไปหลายปีแล้วนับตั้งแต่ศึกแห่งทวยเทพ ตังนั้นจึงเป็น เรื่องปกติที่มีผู้ผักวิขามารจำนวนมากกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ตราบใดที่เราปกปีดรัศมีของเราไว้อย่างดี เราก็จะไม่ถูกเจอตัว” ขายขุดสีฟ้ากล่าว “ฉันแค่กังวลว่าผู้ขายที่เราเจอก่อนหน้านี้จะเปีดเผยตัวตนของ เรา จิ้นตง เห็นได้ขัดเลยว่าเขาตรวจพบรัศมีมารของเราแล้ว ไม่ ว่าเราจะปกปีดพวกมันไว้อย่างดิแคุ่ไหน เราก็ไม่สามารถ รอดพันจากการถูกตรวจพบโดยเพื่อนร่วมเผ่าพันธุของเราได้” ผู้หญิงที่ขื่อหลัวซกล่าวด้วยท่าทางที่เป็นกังวล
จิ้นตงจีงพูดปลอบเธอว่า “ไม่ต้องห่วง เนื่องจากเขาเองก็เป็นผู้ ผัก'วิ,ชามาร เขาย่อมไม่เปีดเผยตัวตนของเราหรอก ไม่อย่างนั้น ก็เท่ากับว่าเขาจะเปีดเผยตัวตนของเขาเองด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัตถ์เทวะราชันมังกร
จะลงแดงแล้ว...
หายไปหลายวัน ไม่สบายหรือเปล่าครับ...
ยิ่งอ่านตอนก็ยิ่งสั้นลงๆ ของฟรีไม่มีในโลกจริงๆ เลิกอ่านกันเถอะเสียอารม...
เริ่มตั้งแต่ตอนที่ 1886 ตอนเริ่มสั้นลงๆ ต้องทำไง...
ไม่มีระบบจ่ายเงินผ่านหักบัญชีธนาคารหรือจ่ายผ่านทรูฯ บ้างหรือผมไม่ได้ใช้บัตรเครดิต...
3065-3074 ไม่มี...
อ่านมาถึงตอนที่ 136 แล้วแต่ต้องอ่านแบบผ่านๆเพราะแต่ละฉากวนอยู่ที่พระเอกโดนดูถูกตลอด จากคนทั้งเรื่องรวมทั้งพ่อแม่ด้วยเลยมั้ง พระเอกต้องเป็นโรคจิตอ่อนๆแน่เลย ไม่ได้คิดจะทำอะไรให้ดีขึ้นนอกจากคิดในใจว่าฉันเก่ง รอให้เขาดูถูกก่อนแล้วนิ่งๆ ยอมรับแล้วผ่านไป พยายามหาเรื่องที่พระเอกเก่ง หรือสู้ชีวิตแล้วดีขึ้น แต่แบบเหมือนฉันเก่งอยู่ในใจคนเดียว มันน่าอึดอัดมาก...
ทำไมพระเอกเก่งต้องทนให้คนดูถูกตัวเองดูถูกพ่อแม่แบบไม่คิดจะทำอะไรเลย แบบตามน้ำไปวันทั้งที่มีฝีมือ ทนลำบากกันไป...
หน้าด้านจังอีกู่หลิงเอ๋อร์ หลงรักแฟนเพื่อน แล้วเสือกเสนอตัวออกนอกหน้าเกิ๊น นิสัยแบบนี้เขาเรียกดอกทอง คนเขียนไม่เข้าใจหรอว่านิสัย ผู้หญิงสันดานแบบนี่ น่าขยะแขยง...
ชักจะเบื่อ หายอีกแล้ว หมดไปเกือบ 2 พัน แล้วนะ...