“สมาพันธ์ผนึกมาร?”
เมื่อได้ยินชื่อ “สมาพันธ์ผนึกมาร” เฉินผิง เกาฉี่หลานและจี้อวิ๋นก็ขมวดคิ้วทันที
เนื่องจากเฉินผิงได้สังหารสมาชิกทั้งห้าของมารสวรรค์เบญจธาตุจากสมาพันธ์ผนึกมารไป ชายหนุ่มจึงคิดว่าตอนนี้เขาอาจเข้าไปอยู่ในรายชื่อศัตรูที่เป็นเป้าหมายของสมาพันธ์
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของหัวหน้าสมาพันธ์ผนึกมารสาขาย่อยอาจทำให้สถานการณ์ยุ่งยากมากยิ่งขึ้น
“เป็นอะไรไป? คุณไม่เคยได้ยินชื่อของสมาพันธ์ผนึกมารงั้นเหรอ?” เมื่อเห็นปฏิกิริยาของพวกเขา โจวไท่ก็คิดว่าพวกเขาไม่รู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของสมาพันธ์
“เราเคยได้ยินชื่อพวกเขา แต่เขาเป็นแค่หัวหน้าสาขาย่อย แต่ทำไมทุกคนถึงดูหวาดกลัวเขาขนาดนี้? แม้แต่คุณเองก็ยังดูตื่นกลัวขนาดนี้” เฉินผิงถาม
แทนที่จะโอ้อวด แต่ครั้งนี้โจวไท่กลับส่ายศีรษะ “ผมเองก็กลัวเขาเหมือนกัน อิทธิพลของสมาพันธ์ผนึกมารแผ่ขยายไปทั่วอาณาจักรนิรันดร์ ดังนั้น ถึงแม้เขาจะเป็นเพียงหัวหน้าสาขาย่อยแต่อำนาจของเขาก็แผ่ขยายไปทั่วในแถบภูมิภาคนี้ ผมไม่กล้าล้ำเส้นเขา และผมก็สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าคนอื่นๆ ก็คงคิดแบบเดียวกัน คุณรู้ไหมว่าทำไมธุรกิจเรือวิญญาณของท่าเรือถึงเจริญรุ่งเรือง แต่กลับไม่มีการแข่งขันกันในธุรกิจนี้ แถมยังไม่มีใครกล้าขึ้นเรือโดยการใช้กำลัง? ทุกคนต้องซื้อตั๋วตามระเบียบ” โจวไท่พูดอย่างลึกลับ
“ทำไมล่ะ?” เฉินผิงถามต่อ
“นั่นเป็นเพราะสมาพันธ์ผนึกมารเป็นผู้ที่คอยหนุนหลังเจ้าของธุรกิจขนส่งเรือวิญญาณที่ท่าเรือแห่งนี้ ด้วยการสนับสนุนของพวกเขา ใครจะกล้าเข้ามาแข่งขันหรือขึ้นเรือโดยไม่มีตั๋วล่ะ? ผมแนะนำให้คุณอยู่ห่างจากเย่เฟิงชิงเอาไว้จะดีกว่า เขาอาจดูหนุ่ม แต่เขาน่าเกรงขามและโหดเหี้ยมมาก!”
ขณะที่กำลังพูดถึงเย่เฟิงชิง โจวไท่มีท่าทีที่กังวลอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากกลัวว่าเย่เฟิงชิงจะได้ยินเข้า
เฉินผิงตกอยู่ในห้วงความคิดอีกครั้ง ดูเหมือนว่าระดับการฝึกบำเพ็ญฌานของเย่เฟิงชิงจะต้องเหนือกว่าระดับกึ่งเซียนไปอย่างแน่นอน ถ้าเขาเป็นถึงระดับผู้ทุกข์ยากขั้นที่หนึ่งหรือสอง ฉันอาจจะยังพอเทียบเคียงกับเขาได้ ต่อให้ฉันจะสู้เขาไม่ได้ แต่อย่างน้อยฉันก็ยังพอสามารถหลบหนีได้ แต่ถ้าเขาแข็งแกร่งมากกว่านั้น มันคงเป็นเรื่องยากที่จะจัดการกับเขา แถมฉันยังมีเกาฉี่หลานและจี้อวิ๋นอยู่ด้วย ฉันคงไม่สามารถหนีไปและปล่อยให้พวกเขาอยู่ตามลำพังได้หรอก จริงมั้ย?
ขณะที่เฉินผิงกำลังครุ่นคิด เย่เฟิงชิงก็มาถึงหัวเรือ ร่องรอยของความอิจฉาสะท้อนเข้ามาในดวงตาทันทีที่เขาเห็นผู้อาวุโสปีศาจโหมวซานขี่เต่าศักดิ์สิทธิ์ได้
“คุณนี่เอง คุณเย่ คุณไม่คิดจะลองฝึกมันให้เชื่องและสนุกไปกับมันสักหน่อยเหรอ?” ผู้อาวุโสปีศาจโหมวซานกล่าวทักทายเย่เฟิงชิงด้วยรอยยิ้มราวกับว่าพวกเขาคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
“แน่นอน แต่ผมตั้งใจจะฝึกสักตัวที่ใหญ่กว่าของคุณ” หลังจากมองไปรอบๆ เย่เฟิงชิงก็กระโดดไปหาเต่าศักดิ์สิทธิ์ตัวที่ใหญ่ที่สุดขณะนั้น
ยิ่งขนาดของเต่าศักดิ์สิทธิ์ใหญ่เท่าไร มันก็ยิ่งมีพลังมากขึ้นเท่านั้น ในทางกลับกันมันก็ยิ่งทำให้เชื่อฟังได้ยากขึ้นด้วยเช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัตถ์เทวะราชันมังกร
จะลงแดงแล้ว...
หายไปหลายวัน ไม่สบายหรือเปล่าครับ...
ยิ่งอ่านตอนก็ยิ่งสั้นลงๆ ของฟรีไม่มีในโลกจริงๆ เลิกอ่านกันเถอะเสียอารม...
เริ่มตั้งแต่ตอนที่ 1886 ตอนเริ่มสั้นลงๆ ต้องทำไง...
ไม่มีระบบจ่ายเงินผ่านหักบัญชีธนาคารหรือจ่ายผ่านทรูฯ บ้างหรือผมไม่ได้ใช้บัตรเครดิต...
3065-3074 ไม่มี...
อ่านมาถึงตอนที่ 136 แล้วแต่ต้องอ่านแบบผ่านๆเพราะแต่ละฉากวนอยู่ที่พระเอกโดนดูถูกตลอด จากคนทั้งเรื่องรวมทั้งพ่อแม่ด้วยเลยมั้ง พระเอกต้องเป็นโรคจิตอ่อนๆแน่เลย ไม่ได้คิดจะทำอะไรให้ดีขึ้นนอกจากคิดในใจว่าฉันเก่ง รอให้เขาดูถูกก่อนแล้วนิ่งๆ ยอมรับแล้วผ่านไป พยายามหาเรื่องที่พระเอกเก่ง หรือสู้ชีวิตแล้วดีขึ้น แต่แบบเหมือนฉันเก่งอยู่ในใจคนเดียว มันน่าอึดอัดมาก...
ทำไมพระเอกเก่งต้องทนให้คนดูถูกตัวเองดูถูกพ่อแม่แบบไม่คิดจะทำอะไรเลย แบบตามน้ำไปวันทั้งที่มีฝีมือ ทนลำบากกันไป...
หน้าด้านจังอีกู่หลิงเอ๋อร์ หลงรักแฟนเพื่อน แล้วเสือกเสนอตัวออกนอกหน้าเกิ๊น นิสัยแบบนี้เขาเรียกดอกทอง คนเขียนไม่เข้าใจหรอว่านิสัย ผู้หญิงสันดานแบบนี่ น่าขยะแขยง...
ชักจะเบื่อ หายอีกแล้ว หมดไปเกือบ 2 พัน แล้วนะ...