ทันใดนั้นก็มีเงาร่างสองสายเดินออกมาจากป่า ขณะที่พวกเขาใกล้เข้ามาทุกที ๆ เฉินผิงก็จำเงาร่างสายหนึ่งได้และหาใช่ใครอื่นนอกเสียจากลี่ซิงแห่งนครหมิงลี่
เมื่อลี่ซิงเห็นใบหน้าของเฉินผิงชัด ๆ แล้ว เขาก็ยิ้มเยาะขึ้นมา “อืม ที่แท้ก็เป็นแกนี่เอง ฉันนึกว่าแกจะหนีไปแล้วไม่กล้ากลับมาแล้วเสียอีก”
ผู้อาวุโสฉีที่ยืนอยู่ข้างลี่ซิงมองสำรวจเฉินผิงกับจี้อวิ๋นแล้วใบหน้าก็ปรากฏแววผ่อนคลาย เพราะเขาไม่คิดว่าผู้บำเพ็ญเพียรระดับกึ่งเซียนจะเป็นภัยคุกคามได้เลย
เมื่อลี่ซิงเห็นเฉินผิงก็รู้สึกโล่งอก เพราะเขาล่วงรู้ถึงพลังของเฉินผิงเป็นอย่างดี
ถึงช่วงนี้พลังของเฉินผิงอาจจะรุดหน้า แต่อย่างมากก็น่าจะเป็นแค่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับกึ่งเซียน
อย่างไรเสียผู้อาวุโสฉีที่ยืนอยู่ข้างลี่ซิงก็เป็นถึงผู้บำเพ็ญเพียรระดับผู้ทุกข์ยากขั้นสาม เรื่องจัดการกับผู้บำเพ็ญเพียรระดับกึ่งเซียนสักคนใช่เรื่องยากสำหรับเขาเลย
“ตอนที่พวกแกมาที่นี่กันกลางดึกไม่กลัวว่าจะถูกจับตัวบ้างเลยหรือไง?” เฉินผิงรู้สึกแปลกใจที่ลี่ซิงพร้อมผู้ติดตามเพียงคนเดียวกล้าบุกเข้ามาในนครแห่งจักรวรรดิอสูร มันโอหังเกินไปแล้ว!
“จับตัว?” ลี่ซิงยิ้มเยาะ “ใครกันล่ะ? นอกเหนือไปจากราชายี่เหอแล้ว ยังมียอดฝีมือคนอื่นหลงเหลืออยู่ในนครแห่งจักรวรรดิอสูรอีกงั้นเหรอ? คนที่ฉันพามาด้วยเป็นถึงผู้อาวุโสแห่งนครหมิงลี่และเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับผู้ทุกข์ยากขั้นสาม ตราบใดที่เขาอยู่กับฉันก็ไม่มีใครจากนครแห่งจักรวรรดิอสูรจับตัวฉันได้หรอก!”
“ระดับผู้ทุกข์ยากขั้นสาม? ช่างน่ากลัวเสียจริงเชียว! น่าประทับใจอะไรอย่างนี้นะ...” เมื่อจี้อวิ๋นสังเกตเห็นสีหน้าพึงพอใจในตนเองของลี่ซิง เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ลำพังแค่พลังของเฉินผิงในตอนนี้ เรื่องจัดการกับผู้บำเพ็ญเพียรระดับผู้ทุกข์ยากขั้นสามนับเป็นการละเล่นของเด็กน้อยเสียด้วยซ้ำไป! ลี่ซิงช่างบังอาจนักที่คิดจะมาโอ้อวดพลังของตัวเองต่อหน้าพวกเรา!
ลี่ซิงมองจี้อวิ๋นแล้วถามว่า “แกเป็นใครกัน?”
“ฉันชื่อจี้อวิ๋น สำนักเฟ่ยเทียนเป็นของตระกูลฉันเอง” จี้อวิ๋นตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ฉันรู้แล้ว แกมาจากสำนักเฟ่ยเทียนนี่เอง มิน่าล่ะถึงได้มีเรือเหาะ แต่แทนที่จะไปทำธุระของตัวเอง แกมาที่นครแห่งจักรวรรดิอสูรทำไมกัน? แกคิดจะสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องของพวกเราเหมือนกันเหรอ?” ลี่ซิงเอ่ยถาม
จากนั้นเขาก็เอ่ยวาจาข่มขู่จี้อวิ๋นโดยไม่อ้อมค้อม “ฟังให้ดี ๆ ล่ะ เรื่องระหว่างพวกเรากับนครแห่งจักรวรรดิอสูรไม่เกี่ยวกับสำนักเฟ่ยเทียน ฉันขอแนะนำให้แกขี่เรือเหาะของตัวเองแล้วไสหัวกลับไปซะ ไม่งั้นฉันก็ไม่ถือสาที่จะลงมือกับสำนักเฟ่ยเทียนไปด้วยกันเสียเลย”
ลี่ซิงไม่เห็นสำนักเฟ่ยเทียนอยู่ในสายตา เพราะเชื่อว่าแค่ส่งกองกำลังไปส่ง ๆ พวกเขาก็ทำลายสำนักเฟ่ยเทียนจนสิ้นซากได้ง่าย ๆ แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัตถ์เทวะราชันมังกร
จะลงแดงแล้ว...
หายไปหลายวัน ไม่สบายหรือเปล่าครับ...
ยิ่งอ่านตอนก็ยิ่งสั้นลงๆ ของฟรีไม่มีในโลกจริงๆ เลิกอ่านกันเถอะเสียอารม...
เริ่มตั้งแต่ตอนที่ 1886 ตอนเริ่มสั้นลงๆ ต้องทำไง...
ไม่มีระบบจ่ายเงินผ่านหักบัญชีธนาคารหรือจ่ายผ่านทรูฯ บ้างหรือผมไม่ได้ใช้บัตรเครดิต...
3065-3074 ไม่มี...
อ่านมาถึงตอนที่ 136 แล้วแต่ต้องอ่านแบบผ่านๆเพราะแต่ละฉากวนอยู่ที่พระเอกโดนดูถูกตลอด จากคนทั้งเรื่องรวมทั้งพ่อแม่ด้วยเลยมั้ง พระเอกต้องเป็นโรคจิตอ่อนๆแน่เลย ไม่ได้คิดจะทำอะไรให้ดีขึ้นนอกจากคิดในใจว่าฉันเก่ง รอให้เขาดูถูกก่อนแล้วนิ่งๆ ยอมรับแล้วผ่านไป พยายามหาเรื่องที่พระเอกเก่ง หรือสู้ชีวิตแล้วดีขึ้น แต่แบบเหมือนฉันเก่งอยู่ในใจคนเดียว มันน่าอึดอัดมาก...
ทำไมพระเอกเก่งต้องทนให้คนดูถูกตัวเองดูถูกพ่อแม่แบบไม่คิดจะทำอะไรเลย แบบตามน้ำไปวันทั้งที่มีฝีมือ ทนลำบากกันไป...
หน้าด้านจังอีกู่หลิงเอ๋อร์ หลงรักแฟนเพื่อน แล้วเสือกเสนอตัวออกนอกหน้าเกิ๊น นิสัยแบบนี้เขาเรียกดอกทอง คนเขียนไม่เข้าใจหรอว่านิสัย ผู้หญิงสันดานแบบนี่ น่าขยะแขยง...
ชักจะเบื่อ หายอีกแล้ว หมดไปเกือบ 2 พัน แล้วนะ...