เช้าวันรุ่งขึ้น เฉิงปู้ฉีเข้ามาหาเฉินผิงเพื่อชวนเขาออกไปข้างนอก แต่ก็ต้องพบกับเฉิงเจียฮุ่ยที่ใบหน้าแดงก่ำกำลังเดินออกมาจากห้องของเฉินผิง เมื่อเห็นลูกสาวของตน เฉิงปู้ฉีก็อดหัวเราะไม่ได้ เฉินผิงได้แสดงความเมตตาอันยิ่งใหญ่ต่อตระกูลเฉิง และเขาเองก็รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณต่อชายหนุ่มผู้นี้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือปล่อยให้ลูกสาวได้ร่วมกลุ่มของเฉินผิง อีกทั้งเฉิงปู้ฉีเองก็สัมผัสได้ว่าเฉิงเจียฮุ่ยมีความรู้สึกชอบพอในตัวของเฉินผิงเช่นกัน ดังนั้น เฉิงปู้ฉีจึงเป็นผู้จัดเตรียมการทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยเคี่ยวเข็ญให้เฉิงเจียฮุ่ยกระทำเช่นนั้น
หลังจากเฉินผิงแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย เขาก็เดินออกจากห้อง ทันทีที่เห็นเฉิงปู้ฉี เขาก็รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
“คุณเฉิน ไม่ทราบว่าคุณพอใจการบริการของลูกสาวของผมเมื่อคืนนี้หรือเปล่า?” เฉิงปู้ฉีถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฉินผิงก็รู้ทันทีว่าเป็นเฉิงปู้ฉีที่ส่งเฉิงเจียฮุ่ยมา เขาถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดว่า “คุณเฉิง ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณ แต่ชีวิตของผมนั้นมันเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ผมไม่สามารถรับประกันอะไรให้กับคุณเฉิงเจียฮุ่ยได้ทั้งสิ้น บางทีเมื่อเราแยกจากกัน พวกเราอาจไม่มีโอกาสได้พบกันอีก”
เฉินผิงรู้สึกทำอะไรไม่ถูก สถานการณ์ตอนนี้มันเริ่มคล้ายกับประสบการณ์ของเขากับจี้เหม่ยหลิงและจี้เหม่ยเหยียน แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะได้แต่งงานกันและทำทุกอย่างแล้ว แต่เฉินผิงก็ไม่อาจมั่นใจว่าจะมีโอกาสได้พบกับพวกเธออีกครั้งหรือไม่ อีกทั้งในตอนนั้น เฉินผิงถูกบังคับให้ผูกสัมพันธ์กับสองพี่น้องฝาแฝดตระกูลจี้เพียงเพราะดรรชนีเซียนจากผู้อาวุโสตระกูลจี้เท่านั้น
“คุณเฉิน โปรดอย่ารู้สึกว่าเป็นภาระเลย” เฉิงปู้ฉีกล่าว “ถือว่าเป็นพรที่ลูกสาวของผมได้รับความเอื้อเฟื้อจากคุณ แม้เราจะไม่ได้พบกันอีก แต่ผมเชื่อว่าเธอจะจดจำค่ำคืนนี้ไปตลอดกาล หากเธอโชคดีพอที่จะตั้งครรภ์และให้กำเนิดลูกชายหรือลูกสาว ก็นับว่าเป็นพรอันยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับตระกูลเฉิงของเรา ด้วยความสามารถของคุณแล้ว ในภายภาคหน้า ลูกๆ ของคุณจะต้องเป็นผู้มีความสามารถอย่างไม่ต้องสงสัย”
เฉิงปู้ฉีไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าเฉินผิงจะสามารถแต่งงานกับเฉิงเจียฮุ่ยได้หรือไม่ ไม่ว่าจะได้พบกันอีกหรือไม่นั้นก็ไม่สำคัญ เขาหวังเพียงอย่างยิ่งให้เฉิงเจียฮุ่ยได้อุ้มท้องลูกของเฉินผิง เมื่อเวลานั้นมาถึง หากเด็กยังคงอยู่กับตระกูลเฉิง บางทีมันอาจจะเปลี่ยนชะตากรรมของตระกูลเฉิงของเขาก็ไปเป็นได้
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉิงปู้ฉี เฉินผิงก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ คำพูดหนึ่งแวบขึ้นมาในใจของเขาในทันที ‘พ่อพันธ์’ เฉินผิงไม่รู้ว่าจะตอบเฉิงปู้ฉีไปอย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่รู้เลยว่าเขาควรจะมีความสุขหรือรู้สึกโกรธดี
“นายท่าน เราควรออกเดินทางตอนนี้เลยมั้ย?” ทันใดนั้นหัวเฟิ่งก็เดินเข้ามาพร้อมอสูรญาณทิพย์ในอ้อมแขนของเธอ ตามมาด้วยไป๋เฉียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัตถ์เทวะราชันมังกร
ยิ่งอ่านตอนก็ยิ่งสั้นลงๆ ของฟรีไม่มีในโลกจริงๆ เลิกอ่านกันเถอะเสียอารม...
เริ่มตั้งแต่ตอนที่ 1886 ตอนเริ่มสั้นลงๆ ต้องทำไง...
ไม่มีระบบจ่ายเงินผ่านหักบัญชีธนาคารหรือจ่ายผ่านทรูฯ บ้างหรือผมไม่ได้ใช้บัตรเครดิต...
3065-3074 ไม่มี...
อ่านมาถึงตอนที่ 136 แล้วแต่ต้องอ่านแบบผ่านๆเพราะแต่ละฉากวนอยู่ที่พระเอกโดนดูถูกตลอด จากคนทั้งเรื่องรวมทั้งพ่อแม่ด้วยเลยมั้ง พระเอกต้องเป็นโรคจิตอ่อนๆแน่เลย ไม่ได้คิดจะทำอะไรให้ดีขึ้นนอกจากคิดในใจว่าฉันเก่ง รอให้เขาดูถูกก่อนแล้วนิ่งๆ ยอมรับแล้วผ่านไป พยายามหาเรื่องที่พระเอกเก่ง หรือสู้ชีวิตแล้วดีขึ้น แต่แบบเหมือนฉันเก่งอยู่ในใจคนเดียว มันน่าอึดอัดมาก...
ทำไมพระเอกเก่งต้องทนให้คนดูถูกตัวเองดูถูกพ่อแม่แบบไม่คิดจะทำอะไรเลย แบบตามน้ำไปวันทั้งที่มีฝีมือ ทนลำบากกันไป...
หน้าด้านจังอีกู่หลิงเอ๋อร์ หลงรักแฟนเพื่อน แล้วเสือกเสนอตัวออกนอกหน้าเกิ๊น นิสัยแบบนี้เขาเรียกดอกทอง คนเขียนไม่เข้าใจหรอว่านิสัย ผู้หญิงสันดานแบบนี่ น่าขยะแขยง...
ชักจะเบื่อ หายอีกแล้ว หมดไปเกือบ 2 พัน แล้วนะ...
มีเรื่องอื่นที่จบแล้วบ้างไหมจะหาซื้ออ่าน...
มีหนังสือขายมั้ยครับ รอวันละ 20 ตอน ไมทันใจ...