“หยุดนะ ห้ามลงมือเด็ดขาด...” เสียงของเฉิงปู้ฉีดังขึ้นอย่างเร่งรีบท่ามกลางบรรยากาศความขัดแย้งอันตึงเครียด โดยหวังจะคลี่คลายสถานการณ์ที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ
เขารีบเดินไปตรงกึ่งกลางระหว่างทั้งสองฝ่ายอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันความสนใจไปที่ไห่ต้าฟู่ เฉิงปู้ฉีพูดด้วยน้ำเสียงอย่างมีชั้นเชิงว่า “ท่านเจ้าสำนักไห่ เรามาจัดการเรื่องนี้กันอย่างสงบเถอะ คุณช่วยอธิบายหน่อยได้มั้ยว่าทำไมคุณถึงมีท่าทีแข็งกร้าวกับคุณเฉินทันทีที่เขามาถึง คุณเฉินเป็นคนแปลกหน้าสำหรับพวกคุณทุกคนไม่ใช่หรือ?”
“ไร้สาระสิ้นดี” ไห่ต้าฟู่ตะคอกกลับ “แปลกหน้าอะไร เขาเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบต่อการตายของเบญจเอกอุ ตอนนี้เขากล้าที่มาปรากฏตัวถึงหน้าประตูของห้าสำนักใหญ่ เขากำลังเย้ยหยันเราใช่หรือเปล่า เขาคิดว่าห้าสำนักใหญ่ไร้การป้องกันอย่างนั้นสินะ?”
คำพูดของไห่ต้าฟู่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดรุนแรง ความโกรธของเขาปรากฏชัดในอากาศ
เฉิงปู้ฉีรู้สึกตกใจอย่างเห็นได้ชัดกับข้อกล่าวหาเหล่านี้ เขาอดไม่ได้ที่จะแสดงความประหลาดใจออกมา “พวกเบญจเอกอุถูกเขาสังหารอย่างงั้นรึ?”
ท่ามกลางการสนทนาอันร้อนแรง ใบหน้าของไป๋เฉียนบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ ก่อนที่เธอจะพูดออกมาอย่างโกรธเคืองว่า “นี่มันช่างไรเหตุผลสิ้นดี เจ้าคิดว่าใครกันที่ต้องรับผิดชอบต่อการตายของเบญจเอกอุ?”
“ถ้าเจ้าต้องการการต่อสู้ ก็พูดมาเลย แต่จงอย่าได้กล่าวอ้างสิ่งที่ไม่มีมูลความจริง” เธอกล่าวต่อ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความคับแค้นใจและขุ่นเคือง
ไห่ต้าฟู่ชี้นิ้วไปที่ไป๋เฉียนพร้อมกล่าวหาอย่างไม่ลดละ “ราชินีจิ้งจอก อย่าสร้างปัญหาหน่อยเลย คุณเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของเบญจเอกอุเหมือนกัน…”
ความคับแค้นใจของไป๋เฉียนยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นความร้อนรน “เจ้าพูดไร้สาระอะไร! ไหนล่ะหลักฐาน?”
บรรยากาศความตึงเครียดภายในห้องยิ่งทวีคูณ เฉิงปู้ฉีพยายามทำความเข้าใจสถานการณ์ก่อนจะหันไปหาเจ้าสำนักหลัว “ท่านเจ้าสำนักหลัว คุณช่วยให้ความกระจ่างเรื่องนี้หน่อยได้หรือไม่ ผมอยู่กับคุณเฉินมาโดยตลอด และผมสามารถพูดได้เต็มปากว่าเขาไม่ได้เป็นคนทำร้ายลูกชายของคุณ และด้วยความสัตย์จริง หากพิจารณาถึงความสามารถของคุณเฉินในตอนนี้ ดูเหมือนว่า มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่เขาจะสามารถเอาชนะเบญจเอกอุได้ จริงหรือไม่?”
“ลำพังเขาเพียงคนเดียวคงไม่สามารถฆ่าพวกเขาได้ เว้นแต่สามราชาและสี่ประมุขจะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย นั่นคงจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง” เจ้าสำนักหลัวผู้ซึ่งเฝ้าดูอย่างเงียบๆ พูดขึ้น ตอนนี้สีหน้าของเขาเคร่งขรึม น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อและความวิตกกังวล
“ทำไมคุณเฉินจะต้องมุ่งเป้าไปที่เบญจเอกอุด้วยล่ะ ท่านเจ้าสำนักหลัว คุณไม่ใช่คนที่กล่าวหาใครโดยไม่มีข้อพิสูจน์ที่เป็นรูปธรรมใช่มั้ย?”
เฉิงปู้ฉีพยายามโตแย้งโดยเชื่อว่าเฉินผิงไม่ใช่ผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว
“คุณต้องการหลักฐานงั้นรึ?” เจ้าสำนักหลัวตอบโต้ด้วยน้ำเสียงเฉียบคมพร้อมทั้งหยิบถุงใส่สิ่งของออกมา “ลองดูนี่สิ ถุงใส่ของนี้เป็นของเบญจเอกอุ และหล่นมาจากตัวของเฉินผิง เราทุกคนเป็นพยานได้ มันสามารถถูกปลอมขึ้นมาได้อย่างงั้นรึ?”
เฉิงปู้ฉียังคงต่อสู้กับความไม่เชื่อและหันไปหาเฉินผิง “ของสิ่งนี้หล่นมาจากตัวคุณเฉินจริงๆ หรือเปล่า?”
เฉินผิงซึ่งเฝ้ามองเหตุการณ์กำลังเกิดขึ้นอยู่อย่างเงียบๆ เขาขมวดคิ้วและมองดูถุงใส่ของนี้อย่างพินิจพิเคราะห์ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดกับเจ้าสำนักหลัวว่า “ใครเป็นคนบอกคุณว่าผมฆ่าเบญจเอกอุ ใช่ฉีเป่ยเจี๋ยหรือเปล่า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัตถ์เทวะราชันมังกร
ยิ่งอ่านตอนก็ยิ่งสั้นลงๆ ของฟรีไม่มีในโลกจริงๆ เลิกอ่านกันเถอะเสียอารม...
เริ่มตั้งแต่ตอนที่ 1886 ตอนเริ่มสั้นลงๆ ต้องทำไง...
ไม่มีระบบจ่ายเงินผ่านหักบัญชีธนาคารหรือจ่ายผ่านทรูฯ บ้างหรือผมไม่ได้ใช้บัตรเครดิต...
3065-3074 ไม่มี...
อ่านมาถึงตอนที่ 136 แล้วแต่ต้องอ่านแบบผ่านๆเพราะแต่ละฉากวนอยู่ที่พระเอกโดนดูถูกตลอด จากคนทั้งเรื่องรวมทั้งพ่อแม่ด้วยเลยมั้ง พระเอกต้องเป็นโรคจิตอ่อนๆแน่เลย ไม่ได้คิดจะทำอะไรให้ดีขึ้นนอกจากคิดในใจว่าฉันเก่ง รอให้เขาดูถูกก่อนแล้วนิ่งๆ ยอมรับแล้วผ่านไป พยายามหาเรื่องที่พระเอกเก่ง หรือสู้ชีวิตแล้วดีขึ้น แต่แบบเหมือนฉันเก่งอยู่ในใจคนเดียว มันน่าอึดอัดมาก...
ทำไมพระเอกเก่งต้องทนให้คนดูถูกตัวเองดูถูกพ่อแม่แบบไม่คิดจะทำอะไรเลย แบบตามน้ำไปวันทั้งที่มีฝีมือ ทนลำบากกันไป...
หน้าด้านจังอีกู่หลิงเอ๋อร์ หลงรักแฟนเพื่อน แล้วเสือกเสนอตัวออกนอกหน้าเกิ๊น นิสัยแบบนี้เขาเรียกดอกทอง คนเขียนไม่เข้าใจหรอว่านิสัย ผู้หญิงสันดานแบบนี่ น่าขยะแขยง...
ชักจะเบื่อ หายอีกแล้ว หมดไปเกือบ 2 พัน แล้วนะ...
มีเรื่องอื่นที่จบแล้วบ้างไหมจะหาซื้ออ่าน...
มีหนังสือขายมั้ยครับ รอวันละ 20 ตอน ไมทันใจ...