“ไปกันเถอะ ไม่รู้ว่าตระกูลมู่ค้นพบเหมืองศิลาขั้วโลกแล้วหรือยัง” หลังจากฟื้นพลังแล้ว เฉินผิง พร้อมด้วยปิงลู่และคนอื่น ๆ ก็เริ่มเดินขึ้นไปบนภูเขา
ตลอดการเดินทาง พวกเขาเห็นศิลาขั้วโลกกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้น ซึ่งไม่มีใครหยิบไปเลย
ผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่นไม่รู้จักศิลาขั้วโลก และสำหรับพวกเขาศิลาขั้วโลกไม่ใช่ของมีค่าอะไร
ในขณะที่ฝ่ายปิงลู่ตามเก็บอย่างขะมักเขม้น แต่กลับทำให้เดินทางได้ช้าลง
“ตอนนี้ยังไม่ต้องเก็บ พบเหมืองศิลาขั้วโลกเมื่อไหร่เราจะเก็บได้มากเท่าที่ต้องการ” เฉินผิงไม่ต้องการให้พวกปิงลู่เก็บศิลาขั้วโลกเพราะมันจะทำให้ช้าเกินไป
เมื่อพวกเขาพบเหมืองศิลาขั้วโลก พวกปิงลู่จะเก็บศิลาขั้วโลกมากเท่าไหร่ก็ได้ตามใจอยาก
ทันใดนั้น เสียงของจ้าวมารชาดก็ดังก้องในหัวของเฉินผิง “อย่าเพิ่งไปต่อ!”
เฉินผิงหยุดชั่วคราวและถามด้วยความสับสน “ทำไม?”
ดูเหมือนจ้าวมารสีชาดจะนึกถึงความทรงจำอันเจ็บปวดขณะที่เขาเริ่มพูดช้าๆ “ข้าคิดว่าน่าจะมีถ้ำอยู่ใกล้ไหล่เขานี้ มันนำไปสู่มิติโกลาหล จำได้ว่ามีสำนักหนึ่งในมิติโกลาหล”
“ถ้ำที่พาไปสู่มิติโกลาหล?” เฉินผิงชะงัก
แท้จริงแล้วครึ่งหนึ่งของภูเขาถูกห่อหุ้มไว้ด้วยมิติโกลาหล
เฉินผิงและพรรคพวกขึ้นมาบนภูเขาจากอีกด้านหนึ่ง พวกเขาจึงไม่ได้รับผลกระทบจากมิติโกลาหล
อย่างไรก็ตาม เฉินผิงไม่เชื่อว่าจะมีสำนักอยู่ในมิติโกลาหล เพราะพายุแห่งมิติเวลาจะทำลายทุกสิ่ง ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะมีสิ่งใดอยู่ภายใน
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าเขาจะละเลยคำพูดของจ้าวมารสีชาดได้
ท้ายที่สุดแล้ว จ้าวมารสีชาดมาเยือนที่แห่งนี้เมื่อหลายพันปีก่อน รอยแยกใหญ่เกิดจากการโจมตีด้วยดาบของเขา
“ถ้ำนั้นอยู่ที่ไหน?” เฉินผิงอยากรู้ตำแหน่งที่แน่นอนของถ้ำ
“ข้าจะไปรู้ได้ยังไง? จำได้มากขนาดนี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว” หลังจากพูดจบจ้าวมารสีชาดก็เงียบไป
ในขณะนั้น เฉินผิงไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัตถ์เทวะราชันมังกร
จะลงแดงแล้ว...
หายไปหลายวัน ไม่สบายหรือเปล่าครับ...
ยิ่งอ่านตอนก็ยิ่งสั้นลงๆ ของฟรีไม่มีในโลกจริงๆ เลิกอ่านกันเถอะเสียอารม...
เริ่มตั้งแต่ตอนที่ 1886 ตอนเริ่มสั้นลงๆ ต้องทำไง...
ไม่มีระบบจ่ายเงินผ่านหักบัญชีธนาคารหรือจ่ายผ่านทรูฯ บ้างหรือผมไม่ได้ใช้บัตรเครดิต...
3065-3074 ไม่มี...
อ่านมาถึงตอนที่ 136 แล้วแต่ต้องอ่านแบบผ่านๆเพราะแต่ละฉากวนอยู่ที่พระเอกโดนดูถูกตลอด จากคนทั้งเรื่องรวมทั้งพ่อแม่ด้วยเลยมั้ง พระเอกต้องเป็นโรคจิตอ่อนๆแน่เลย ไม่ได้คิดจะทำอะไรให้ดีขึ้นนอกจากคิดในใจว่าฉันเก่ง รอให้เขาดูถูกก่อนแล้วนิ่งๆ ยอมรับแล้วผ่านไป พยายามหาเรื่องที่พระเอกเก่ง หรือสู้ชีวิตแล้วดีขึ้น แต่แบบเหมือนฉันเก่งอยู่ในใจคนเดียว มันน่าอึดอัดมาก...
ทำไมพระเอกเก่งต้องทนให้คนดูถูกตัวเองดูถูกพ่อแม่แบบไม่คิดจะทำอะไรเลย แบบตามน้ำไปวันทั้งที่มีฝีมือ ทนลำบากกันไป...
หน้าด้านจังอีกู่หลิงเอ๋อร์ หลงรักแฟนเพื่อน แล้วเสือกเสนอตัวออกนอกหน้าเกิ๊น นิสัยแบบนี้เขาเรียกดอกทอง คนเขียนไม่เข้าใจหรอว่านิสัย ผู้หญิงสันดานแบบนี่ น่าขยะแขยง...
ชักจะเบื่อ หายอีกแล้ว หมดไปเกือบ 2 พัน แล้วนะ...