หัตถ์เทวะราชันมังกร นิยาย บท 3845

สรุปบท ตอนที่ 3845 เจ้าจะหวาดกลัวไปทำไม: หัตถ์เทวะราชันมังกร

ตอนที่ 3845 เจ้าจะหวาดกลัวไปทำไม – ตอนที่ต้องอ่านของ หัตถ์เทวะราชันมังกร

ตอนนี้ของ หัตถ์เทวะราชันมังกร โดย อาร์ม ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยาย ประวัติศาสตร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 3845 เจ้าจะหวาดกลัวไปทำไม จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

“เจ้าหนุ่ม เจ้าหนีไม่พ้นหรอก สวรรค์มีทางกลับไม่ไป นรกไร้ทางกลับบุกเข้ามา วันนี้ดูเหมือนจะเป็นวันดีของตระกูลมู่เราแล้วแท้ๆ แค่สังหารเจ้าเสีย พวกเราก็จะได้บรรณาการร้อยปีจากสมาพันธ์ผนึกมาร ยิ่งไปกว่านั้น พวกเราก็ยังได้มรดกแห่งบัญญัติเซียนด้วย” ยามนี้มู่ไน่อี๋รู้สึกดีใจเหลือล้น

เฉินผิงที่อยู่ระหว่างการหลบหนีพลันหยุดฝีเท้าลง จากนั้นเขาก็มองมู่ไน่อี๋ด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยแววยิ้มเยาะ

มู่ไน่อี๋ตะลึงงันไปชั่วขณะ จากนั้นก็หยุดเดินแล้วหันไปมองเฉินผิงด้วยสีหน้าสับสน “เจ้าหนุ่ม เจ้าหัวเราะอะไรอยู่?”

“ข้ากำลังหัวเราะให้กับความโง่ของเจ้าที่ยังคิดว่าจะได้มรดกแห่งบัญญัติเซียนอยู่น่ะสิ ช่างเหลวไหลสิ้นดี” เฉินผิงยิ้มเจิดจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ

จากนั้นเงาร่างของเขาก็ค่อยๆ หายไปต่อหน้าต่อตาของมู่ไน่อี๋

เมื่อมู่ไน่อี๋เห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ เธอก็พลันตกตะลึ

“ข้าหลงกลเข้าแล้ว!” เมื่อตระหนักได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น มู่ไน่อี๋ก็รีบกลับไป

ในยามนั้นเอง มู่เย่าก็พาคนไล่ตามเฉินผิงอย่างไม่ลดละ

การมาถึงของเฉินผิงทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของเขาจนสิ้น

ถ้าหากมู่เย่าได้รับมรดกแห่งบัญญัติเซียนล่ะก็ สถานะของเขาในตระกูลมู่ก็เรียกได้ว่าพุ่งทะยานฟ้าแล้ว

แต่เฉินผิงกลับขโมยรูปสลักดังกล่าวไปจากเขา

“มู่เย่า เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เมื่อมู่ไน่อี๋ที่รีบกลับมาเห็นว่ามู่เย่าวิ่งออกมานอกคฤหาสน์อย่างไม่คาดคิด เธอก็รู้สึกสังหรณ์ไม่ดีอยู่ในใจ

“คุณหนูใหญ่ เฉินผิงชิงเอารูปสลักไปและบีบให้การเรียนรู้ของข้าต้องหยุดชะงัก” หลังจากมู่เย่าพูดจบ เขาก็กระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง ดวงตาเปี่ยมไปด้วยแววโทสะ

“อะไรนะ?” มู่ไน่อี๋เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แล้วหันไปมองคนตระกูลมู่หลายคนพลางกล่าวว่า “ข้าเลี้ยงพวกเจ้าเสียข้าวสุกใช่ไหม? ทำไมพวกเจ้าถึงไม่สกัดเฉินผิงเอาไว้เล่า?”

“คุณหนูใหญ่ ตอนที่พวกเราหาตัวเฉินผิงเจอ พวกเราได้พยายามสกัดมันเอาไว้แล้ว แต่พวกเรากลับพบว่าเป็นเพียงแค่ร่างเงา” คนตระกูลมู่หลายคนรีบอธิบาย

“ไล่ตามมันไปเดี๋ยวนี้! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเราต้องเอารูปสลักกลับมาให้ได้ มรดกแห่งบัญญัติเซียนนั้นเป็นของตระกูลเรา!” มู่ไน่อี๋ตะโกนลั่นแล้วพาคนเริ่มออกไล่ตามเฉินผิง

ช่างไร้ยางอายสิ้นดี!พอนึกว่ามู่ไน่อี๋กล่าวอ้างว่ามรดกแห่งบัญญัติเซียนของสำนักเซียนอู๋จี๋เป็นของพวกเขา! เฉินผิงที่กำลังถือรูปสลักเอาไว้ในมือก็ใช้ท่าเท้าประกายไฟแล้วรีบวิ่งหนีไป

“ท่านจะบอกว่าคนผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ? มิเท่ากับว่าเขามีชีวิตอยู่มาเป็นพันๆ ปีหรอกรึ?” เฉินผิงเหลือบมองรูปสลักด้วยสายตาเหลือเชื่อ

ในยามนี้เอง เฉินผิงเกรงว่ารูปสลักจะเปิดออกจนเผยให้เห็นเทพเซียนผู้บ้าระห่ำที่ตีอกชกหัวตนเอง

อย่างไรเสีย เมื่อเทียบกับเหล่าศิษย์สำนักเซียนอู๋จี๋ซึ่งเป็นสำนักใหญ่ที่แข็งแกร่ง พลังของเฉินผิงก็อ่อนแอพอๆ กับมดตัวหนึ่ง

ยิ่งไปกว่านั้น การที่รูปสลักปรากฎขึ้นชั้นในของคฤหาสน์สำนักก็บ่งบอกว่าคนที่อยู่ข้างในย่อมต้องเป็นผู้มีตำแหน่งสูงในสำนัก

ที่จริงคนที่อยู่ภายในรูปสลักอาจจะเป็นเจ้าสำนักก็ได้

ยิ่งเฉินผิงนึกถึงเรื่องนั้น เขาก็ยิ่งหวาดกลัว

“เจ้าจะหวาดกลัวไปทำไม? ต่อให้คนที่อยู่ข้างในยังมีชีวิตอยู่ เขาก็เหมือนกับตายไปแล้ว ถ้าหากรูปสลักเปิดออก วิญญาณของคนที่อยู่ข้างในก็จะแหลกสลาย ข้าคิดว่าคนผู้นี้เปลี่ยนร่างเนื้อของตนเองให้เป็นรูปสลักก็เพื่อคงร่องรอยของปราณสัมผัสเศษเสี้ยวสุดท้ายเอาไว้ บางทีเขาอาจหวังว่าจะหาผู้สืบทอดของสำนักเซียนอู๋จี๋ได้ในหลายปีให้หลัง อย่างไรเสีย สำนักใหญ่เช่นนั้นคงคิดจะทิ้งเมล็ดพันธุ์ของตนเองไว้ เพราะไม่อยากจะจมหายไปกับสายธาราแห่งประวัติศาสตร์แล้วอันตรธานหายไป” จ้าวมารสีชาดอธิบายให้ฟัง

เมื่อเฉินผิงได้ยินเช่นนั้น เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกได้ในที่สุด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัตถ์เทวะราชันมังกร