หัตถ์เทวะราชันมังกร นิยาย บท 3855

สรุปบท ตอนที่ 3855 มุสิกโง่งม: หัตถ์เทวะราชันมังกร

สรุปตอน ตอนที่ 3855 มุสิกโง่งม – จากเรื่อง หัตถ์เทวะราชันมังกร โดย อาร์ม

ตอน ตอนที่ 3855 มุสิกโง่งม ของนิยายนิยาย ประวัติศาสตร์เรื่องดัง หัตถ์เทวะราชันมังกร โดยนักเขียน อาร์ม เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

เฉินผิงก้มหน้ามองมู่เย่า สายตาเปี่ยมไปด้วยแววดูหมิ่นเหยียดหยัน

เมื่อสบตากับเฉินผิง มู่เย่าก็กระดูกสันหลังเย็นวาบ

ในฐานที่อยู่ในระดับผู้ทุกข์ยากขั้นเก้า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเฉินผิงที่เพิ่งจะเลื่อนขึ้นสู่ระดับผู้ทุกข์ยากขั้นสี่ เขาก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นสะท้าน

พลังที่เฉินผิงแผ่ออกมาไม่ใช่สิ่งที่จะมีได้ในชั่วเวลาอันสั้น

มู่เย่าไม่เคยเผชิญกับความหวาดกลัวและแรงกดดันขนาดนั้นมาก่อน แม้แต่ยามที่เผชิญหน้ากับประมุขตระกูลมู่ก็ไม่เคยรู้สึกเช่นนั้นเสียด้วยซ้ำไป

“มุสิกโง่งม” เฉินผิงโบกมือแล้วพลังปราณระลอกหนึ่งก็ถูกปลดปล่อยออกมาทันที

มู่เย่าหน้าเปลี่ยนสีไปทันที

ตู้ม!

พลังดังกล่าวทำให้มู่เย่าถูกซัดกระเด็นออกไปทันที พลางกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่งอยู่กลางอากาศ หลังจากลอยกระเด็นออกไปหลายสิบฟุต มู่ไน่อี๋ก็ใช้พลังวิญญาณมารองรับเขาไม่ให้ร่วงหล่นลงไป

ขณะที่มู่เย่ายืนอยู่ข้างมู่ไน่อี๋ด้วยสีหน้าอับอาย แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“คุณเฉิน!” เมื่อปิงลู่และพรรคพวกของเธอเห็นเฉินผิง พวกเธอก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

แม้แต่โอวหยางเจิ้นฮว๋าและกลุ่มคนของเขาที่มาจากทางด้านหลังก็รู้สึกประหลาดใจ เมื่อพวกเขาเห็นเฉินผิงที่ลอยอยู่กลางอากาศราวกับเทพเซียนองค์หนึ่ง

การเลื่อนระดับพลังฝึกบำเพ็ญฌานเพียงน้อยนิดทำให้เฉินผิงเปลี่ยนแปลงไปมากทีเดียว ราวกับว่าเขาเลื่อนขั้นแบบก้าวกระโดดอย่างไรอย่างนั้น

“คนตระกูลมู่ของเจ้าล้วนเป็นพวกขี้ขลาดตาขาวทั้งนั้นเลยรึไง? พวกเจ้าคิดว่าตัวเองลงไม้ลงมือกับข้าไม่ได้ ฉะนั้นเจ้าจึงจับตัวธิดาเทพพวกนี้มาข่มขู่ข้าใช่หรือเปล่าล่ะ?” เมื่อเฉินผิงเห็นปิงลู่และเหล่าธิดาเทพคนอื่นๆ ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของมู่ไน่อี๋ เขาก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เจ้าจะแสดงท่าทีสูงส่งน่าเกรงขามไปเพื่ออะไรกัน? ถ้าหากเจ้าไม่รีบหนีไปหลบซ่อนตัวอยู่ในคฤหาสน์ ข้าจะต้องข่มขู่เจ้าด้วยหรือ? ถ้าเจ้าแน่จริงก็อย่าหนีสิ ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นเองว่าข้าทำอะไรได้บ้าง!” มู่ไน่อี๋แค่นเสียงเย็นชา

ถึงแม้ว่าเฉินผิงจะเลื่อนขึ้นสู่ระดับผู้ทุกข์ยากขั้นสี่ แต่เธอก็ยังกัดเขาไม่ปล่อย

ระหว่างระดับผู้ทุกข์ยากขั้นสี่กับระดับผู้ทุกข์ยากขั้นสูงสุดมีความแตกต่างอันมหาศาล

มู่ไน่อี๋เพียงแค่ต้องการโฮกาสเดียวเพื่อเลื่อนขึ้นสู่ระดับมหายาน

ทุกคนสัมผัสได้ว่าการต่อสู้อันดุเดือดกำลังจะอุบัติขึ้นแล้ว

พลังปราณที่เพิ่มทวีขึ้นระหว่างคนทั้งสองทำให้ทุกคนรู้สึกหายใจติดขัด จนพวกเขาต้องถอยร่นไป

มีเพียงโอวหยางเจิ้นฮว๋าเท่านั้นที่ยังคงไม่ขยับเขยื้อน ทั้งยังตั้งใจจ้องมองไปที่คนทั้งสอง

ระดับผู้ทุกข์ยากขั้นสี่สู้กับระดับผู้ทุกข์ยากขั้นสูงสุดงั้นรึ?ถ้ามีใครมาเล่าให้เขาฟังว่าเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เขาก็คงไม่มีทางเชื่อหรอก ในเมื่อพวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน แล้วจะสู้กันได้อย่างไรเล่า? การต่อสู้น่าจะสิ้นสุดลงด้วยพลังตบเพียงฉาดเดียวแล้ว!

แต่ในยามนี้เอง เขาก็เห็นด้วยตาตนเองว่าพลังในระดับผู้ทุกข์ยากขั้นสี่อย่างเฉินผิงไม่มีทางด้อยไปกว่าพลังในระดับผู้ทุกข์ยากขั้นสูงสุดเลย

“คุณเฉิน คุณต้องระวังให้มากๆ นะ! มู่ไน่อี๋ผู้นี้มากเล่ห์ยิ่งนัก!” ปิงลู่เอ่ยเตือน

เธอคือนังมารร้าย!ทีแรกเธอก็อาศัยสถานะของผู้อาวุโสแห่งตำหนักก่วงหาน ทำให้พวกเราผ่อนการระวังป้องกันแล้วสังหารพวกเราทิ้งไปตั้งมากมาย!

“อย่าห่วงไปเลย วันนี้ถึงเธอไม่ตายก็ต้องตาย...” เฉินผิงค่อยๆ ร่อนลงมาจากกลางอากาศ

ปิงลู่ตะลึงงันไปชั่วขณะ เพราะนึกว่าเฉินผิงพูดผิด เขาจะพูดว่าไม่เธอตายก็ข้าม้วย ใช่หรือไม่?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัตถ์เทวะราชันมังกร