แต่การวิเคราะห์ของเขาก็ถูกต้องจริงๆ นั่นแหละ พลังที่มู่ไน่อี๋มีอยู่ในตอนนี้ไม่ยั่งยืน และน่าจะคงอยู่ได้ไม่นานก่อนที่มันจะค่อยๆ สลายไป
“ตายเสียเถอะ!”
มู่ไน่อี๋แผดเสียงร้องแล้วหายตัวไปทันที
เฉินผิงขมวดคิ้วแน่น รูม่านตาของเขาพลันหดวูบพลางเอ่ยพึมพำขึ้นมาว่า “ช่างว่องไวนัก... พลังของระดับมหายานช่างน่าเกรงขามจริงๆ”
ถึงแม้ว่าเฉินผิงจะสามารถต่อกรกับผู้บำเพ็ญเพียรในระดับผู้ทุกข์ยากขั้นสูงสุดได้ แต่หากเขาต้องประจันหน้ากับผู้บำเพ็ญเพียรในระดับมหายานซึ่งๆ หน้า ก็คงจะเป็นการทำสิ่งที่เกินตัว
ควรทราบว่าการเลื่อนระดับพลังในขอบเขตใหญ่ทุกครั้ง พลังของคนผู้นั้นก็จะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
โดยเฉพาะการก้าวกระโดดจากระดับผู้ทุกข์ยากไปสู่ระดับมหายาน ซึ่งเป็นระยะห่างที่แตกต่างกันมาก
ยิ่งระดับสูงขึ้นมากเท่าไหร่ กลับยิ่งยากจะฝ่าทะลวงมากขึ้นเท่านั้น บางคนจึงได้แต่ติดแหง็กอยู่ในระดับผู้ทุกข์ยากไปชั่วชีวิตและไม่มีทางเลื่อนขึ้นสู่ระดับมหายานได้
หลังจากฝ่าทะลวงระดับผู้ทุกข์ยากแล้ว ก็จะได้ร่างกึ่งเซียนทำให้ใกล้เคียงกับการได้เป็นเซียนแท้ยิ่งขึ้น บ่อยครั้งที่เมื่อเลื่อนขึ้นสู่ระดับมหายาน ไม่เพียงแต่สภาพจิตใจเท่านั้น ทว่าความคิดก็เปลี่ยนไปมาก
เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรที่เลื่อนขึ้นสู่ระดับมหายานจะให้ความสนใจเรื่องการฝึกบำเพ็ญฌาน อย่างไรเสียพวกเขาก็อยู่ห่างจากการเป็นเซียนเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น
ความล่อตาล่อใจและความปรารถนาที่จะกลายเป็นเซียนอาจจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
นี่ก็คือสาเหตุที่ทำให้ยากจะพบเห็นเหล่าผู้บำเพ็ญเพียรในระดับมหายานเตร็ดเตร่อยู่บริเวณอาณาจักรนิรันดร์ เพราะพวกเขาส่วนใหญ่จะเก็บตัวฝึกบำเพ็ญฌาน
การที่ผู้ฝึกบำเพ็ญเพียรในระดับมหายานไม่ได้เตร็ดเตร่อย่างไร้จุดมุ่งหมายจึงไม่มีเหตุผลใดเป็นพิเศษ
ถึงเจ้าตำหนักก่วงหานจะเป็นข้อยกเว้น แต่อย่างไรเสียนางก็แบกรับภาระหนักในการสร้างตำหนักก่วงหานขึ้นมาใหม่ ทำให้นางไม่มีโอกาสได้ไปเก็บตัวฝึกบำเพ็ญฌาน
เฉินผิงล่าถอยทันที ไม่กล้าปะทะกับมู่ไน่อี๋ซึ่งๆ หน้าอีกต่อไป
นางบรรลุพลังของระดับมหายานแล้ว เฉินผิงก็ตระหนักในพลังของตนเองดี
เมื่อเห็นว่าเฉินผิงไม่กล้าลงมือและเอาแต่ถอยร่นไม่หยุดหย่อน มู่ไน่อี๋เอ่ยเหน็บแนมด้วยด้วยเสียงเย็นชา “มาดูกันซิว่าเจ้าจะหนีไปได้ไกลสักแค่ไหนเชียว!”
คำพูดประชดของนางมาพร้อมกับเสียงดังปัง
ปราณเย็นสีขาวระลอกหนึ่งผุดขึ้นมารอบตัวมู่ไน่อี๋ทันที พลางมุ่งหน้าตรงเข้ามาหาเฉินผิง
ครืน...
หลังจากเสียงดังสนั่น กำแพงอัคคีที่เฉินผิงพยายามสร้างขึ้นมาก็แหลกสลายไปอย่างน่าตกใจไปภายใต้หมอกอันเหน็บหนาวทันที
ร่างของเฉินผิงลอยกระเด็น แล้วกระแทกเข้ากับพื้นดินอย่างแรง
เฉินผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะเขาสัมผัสได้ถึงพลังอันน่าคร้ามเกรงที่แผ่ออกมาจากตัวมู่ไน่อี๋
ในยามนี้เอง จ้าวมารสีชาดก็เอ่ยขึ้นในจิตของเฉินผิงว่า “อย่าปะทะกับนางซึ่งๆ หน้า นางใช้กำลังภายนอกฝืนเพิ่มพลังของตนเอง แต่น่าจะคงอยู่ได้ไม่นานนักหรอก จงใช้พลังของเจ้าแล้วพยายามถ่วงเวลาของนางเอาไว้”
เขาเองก็เกรงว่าหากเฉินผิงตายไป ตนเองก็คงจบเห่แล้ว
ตอนนี้พวกเขาเป็นตั๊กแตนสองตัวถูกมัดบนเชือกเดียวกัน ไม่มีใครสามารถหนีพ้นได้
เมื่อเฉินผิงได้ยิเช่นนี้ ขณะที่เขาร่อนลงสู่พื้น เขาก็ปลุกกระตุ้นท่าเท้าประกายไฟแล้วร่างของเขาก็หายวับไปในชั่วพริบตา จากนั้นเขาก็ปรากฎตัวห่างออกไปหลายร้อยเมตรอีกครั้ง
เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ มู่ไน่อี๋ที่ควบคุมหมอกอันเหน็บหนาวหลากสีสันได้อีกครั้งก้พุ่งเข้าใส่เฉินผิงทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัตถ์เทวะราชันมังกร
8เหรียญเท่ากับกี่บาท...
ไม่มีบีตรเครดิตก็ต้องรออ่านแบบฟรี รอนานหน่อย...
กำลังสนุกเลย ไปไหนแล้ว รีบกลับมานะคะรับ...
รอจะอาทิตย์แล้วที่ไม่ได้อ่าน แต่ไม่เป็นไรครับเราไม่ได้อ่านคุณก็ไม่ได้รายได้...
ไม่มีตอน 3867-3871 ครับ...
เกินเดือนละ...
รออยู่นะครับ...
จะลงแดงแล้ว...
หายไปหลายวัน ไม่สบายหรือเปล่าครับ...
ยิ่งอ่านตอนก็ยิ่งสั้นลงๆ ของฟรีไม่มีในโลกจริงๆ เลิกอ่านกันเถอะเสียอารม...