หัตถ์เทวะราชันมังกร นิยาย บท 3866

แต่ทันใดนั้น หมอกโลหิตเย็นเฉียบที่แผ่ซ่านก็สลายไปโดยไร้ซึ่งร่องรอย

ทุกสิ่งทุกอย่างต่างโดนดูดเข้าไปในตราบัญชาอู๋จี๋

ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือนอกจากโลหิตแดงฉานที่ค่อยๆ ลอยลงมาจากกลางอากาศ

นั่นคือโลหิตของมู่ไน่อี๋ แล้วทุกคนก็ชุ่มโชกไปด้วยโลหิตของนาง

ตอนนี้ทุกคนต่างตะลึงงัน

พวกเขาเฝ้ามองดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูกคนแล้วคนเล่า

พวกเขาล้วนอยากจะรู้ว่าเฉินผิงมีสมบัติแบบไหนอยู่ในมือกันแน่ จึงสามารถซึมซับพลังปราณทุกรูปแบบเอาไว้ได้

ที่จริงตอนนี้เฉินผิงเองก็สับวนไปชั่วขณะ

เขาไม่นึกว่าตราบัญชาอู๋จี๋จะมีประโยชน์ขนาดนั้น

เดิมทีเขาก็คิดว่าตราบัญชาอู๋จี๋เป็นเพียงแค่บันทึกมรดกของสำนักเซียนอู๋จี๋เท่านั้น

“หรือว่าสิ่งที่สหายเต๋าเฉินพบที่นี่คือศาสตราวุธเทพงั้นรึ?”

“มีความเป็นไปได้มากทีเดียวเลยว่าเดิมทีสถานที่แห่งนี้จะเป็นสำนักเซียน ย่อมมีเหตุผลให้ที่นี่มีศาสตราวุธเทพอยู่มากมาย”

“ศาสตราวุธเทพ! ชั่วชีวิตข้ายังไม่เคยเห็นสักชิ้นเลย”

ทุกคนต่างมองเฉินผิงด้วยสายตาอิจฉา

“จบสิ้นกันแล้ว...” เมื่อเห็นเรื่องทั้งหมดนั้น มู่ไน่อี๋ก็ตะลึงงันไปโดยสิ้นเชิง

นางคิดว่าถ้าหากนางสละทุกอย่าง นางก็จะสังหารเฉินผิงได้ แต่เรื่องราวกลับต่างไปจากที่นางคิด

เดิมทีเฉินผิงกำลังจะตาย นางจึงเข้าต่อตีกับเขาอย่างโหดเหี้ยมแล้ว แต่กลับมีศาสตราวุธเทพโผล่ขึ้นมาทำลายแผนการของนางเอาในวินาทีสุดท้าย

“ไม่ ไม่ยุติธรรม ไม่ยุติธรรมเลย!” มู่ไน่อี๋แผดเสียงร้อง

จากนั้นมู่ไน่อี๋กพุ่งใส่เฉินผิง ราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว

เพียงแต่ว่าในยามนี้เอง มู่ไน่อี๋ไม่มีพลังในระดับมหายานอีกต่อไปแล้ว อันที่จริงแล้ว ระดับพลังฝึกบำเพ็ญฌานของนางถึงขนาดต่ำกว่าผู้บำเพ็ญเพียรในระดับผู้ทุกข์ยากเสียอีก

พลังปราณและแก่นโลหิตของนางเหือดแห้งไปหมดแล้ว

ตู้ม!

วิญญาณของมู่ไน่อี๋ค่อยๆ ลอยขึ้นไป

ตอนนี้นางเหลือเพียงเสี้ยววิญญาณแค่หยิบมือหนึ่ง ต่อให้หล่อหลอมร่างกายขึ้นมาใหม่ นางก็ยังเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ไม่สามารถฝึกบำเพ็ญฌานได้อีกต่อไป

นั่นคือมูลค่าที่นางต้องจ่ายสำหรับการระเบิดพลังอันมหาศาล นางเป็นคนเลือกเส้นทางนี้ด้วยตนเอง ฉะนั้นนางจึงต้องแบกรับผลลัพธ์ที่ตามมา

มู่เย่าถ่ายพลังวิญญาณเพื่อปกป้องเสี้ยววิญญาณของมู่ไน่อี๋ จากนั้นเขาก็หันไปทางเฉินผิง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก “เฉินผิง พวกเราแพ้แล้ว นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป พวกเราจะไม่มารบกวนเจ้าอีก”

หลังจากมู่เย่าพูดจบ เขาก็เตรียมจะจากไปพร้อมเสี้ยววิญญาณของมู่ไน่อี๋

“ฉันบอกให้พวกแกไปได้แล้วเหรอ?” เฉินผิงน้ำเสียงเย็นชา ทันใดนั้นเขาก็มายืนอยู่ตรงหน้ามู่เย่า

มู่เย่าถามว่า “เฉินผิง เจ้าคิดจะสังหารพวกเราไม่หมดเกลี้ยงจริงๆ งั้นรึ? ขืนเจ้าทำแบบนี้ รังแต่จะทำให้ตระกูลมู่ต่อสู้กับเจ้าชนิดไม่ตายไม่เลิกรา”

“ทำไมฉันต้องฝืนใจทำเรื่องพรรค์นั้นด้วยเล่า?” เฉินผิงยิ้มเยาะ “ตอนที่แกไล่ล่าสังหารเหล่าธิดาเทพแห่งตำหนักก่วงหาน แกก็คิดจะสังหารพวกเธอให้หมดเลยไม่ใช่รึไง? ตอนที่แกกระทำเรื่องอัปยศอดสูกับศพของธิดาเทพพวกนี้แล้วเปลื้องอาภรณ์ของพวกนาง แกเคยนึกว่าตนเองจะมีวันนี้หรือเปล่าล่ะ? วันนี้ตระกูลมู่ของพวกแกอย่าคิดว่าจะหนีรอดไปได้เลย”

เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินผิง มู่เย่าก็หน้าตาซีดขาว แต่เขารู้ว่าตนเองไม่อาจนั่งเฉยรอคอยความตายได้

“ประมุขโอวหยางตลอดจนเหล่าสหายเต๋าทุกคนที่นี่ พวกท่านทราบหรือไม่ว่าเฉินผิงผู้นี้ก็คือคนที่สมาพันธ์ผนึกมารกำลังตามล่าอย่างไม่ลดละ? พวกเขาถึงขนาดยินดีมอบบรรณาการร้อยปีให้เป็นรางวัลแด่ผู้ใดก็ตามที่สังหารมันได้! พวกท่านไม่อยากได้หรอกหรือ?” มู่เย่าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเฉินผิง ด้วยหวังว่าคนพวกนั้นจะหันมาลงมือกับเฉินผิงเพราะเห็นแก่บรรณาการร้อยปีของสมาพันธ์ผนึกมาร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัตถ์เทวะราชันมังกร