หัตถ์เทวะราชันมังกร นิยาย บท 3872

“ส่วนเรื่องนี้...”

เสินจี้จื่อลังเลแล้วผุดยิ้มน้อยๆ ให้เฉินผิง

เฉินผิงพลันเข้าใจขึ้นมาทันทีว่าเขากำลังขอเงินอยู่

เขาหยิบเหรียญวิญญาณสีทองอมม่วงออกมาแล้วโยนให้เสินจี้จื่อ

เมื่อได้เงินแล้ว เสินจี้จื่อก็ยิ้มด้วยท่าทีตื่นเต้นพลางกล่าวว่า “เจ้าก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าการเดินทางไปแดนขั้วโลกหนนี้เต็มไปด้วยอันตราย? มีหลายคนที่ไม่ได้กลับมาอีก เหล่าศิษย์ชั้นนอกแห่งตำหนักก่วงหานตายไปเกือบหมด ส่วนเหล่าผู้บำเพ็ญเพียรบุรษที่มาพร้อมกับพวกนางก็สิ้นชีพลงเช่นกัน ที่สำคัญที่สุดก็คือ คุณหนูใหญ่ตระกูลมู่เองก็ต้องจบชีวิตลงในแดนขั้วโลกด้วย”

“แล้วอย่างไรเล่า?” เฉินผิงมองเสินจี้จื่อ

“แล้วอย่างไรงั้นรึ?” เสินจี้จื่อยิ้มพลางกล่าวว่า “การสิ้นชีพของคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่ในแดนขั้วโลกเป็นฝีมือของตำหนักก่วงหาน ควรทราบว่านางเป็นถึงผู้อาวุโสแห่งตำหนักก่วงหานเชียวนะ เดิมทีตำหนักก่วงหานคอยติดตามตระกูลมู่ ทว่ายามนี้แตกหักกันไปแล้ว เช่นนั้นก็มารอดูซิว่าจะมีการแสดงอะไรให้ชมดูกันต่อไป! ตระกูลมู่ย่อมต้องแก้แค้นโดยไม่ต้องสงสัยเลย ประมุขตระกูลมู่น่าจะออกจากด่านเก็บตัวฝึกบำเพ็ญฌานในอีกสองสามวัน ถึงตอนนั้นย่อมต้องเกิดการต่อสู้อันดุเดือดอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ข้าขอแนะนำให้เจ้าจากไปแต่โดยเร็วไวและอยู่ให้ห่างๆ จากตำหนักก่วงหานเข้าไว้ เจ้าเองก็มีความแค้นกับตระกูลมู่ ถ้าประมุขตระกูลมู่ออกมาจริงๆ เจ้าอาจจะโชคร้ายเอาได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเหรียญวิญญาณของเจ้าล่ะก็ ข้าคงไม่เล่าเรื่องนี้ให้ฟังหรอกนะ”

“เจ้ารู้เรื่องพวกนี้มาได้ยังไงกัน?” เฉินผิงเอ่ยถามพลางขมวดคิ้ว

“ข้าก็มีแหล่งข่าวของตัวเองสิ มิฉะนั้นเจ้าคิดว่าข้าดำรงชีพอยู่ด้วยอะไรเล่า? ดื่มลมตะวันตกเฉียงเหนือรึไงกัน?”

หลังจากพูดจบ เสินจี้จื่อก็หันหลังจากไปทันที

ตอนนี้เฉินผิงรู้สึกลังเลขึ้นมาแล้ว ถ้าหากเขาจากไปแล้วประมุขตระกูลมู่ออกมาจากด่านเก็บตัวฝึกวิชาจริงๆ จากนั้นก็ยกกำลังพลทั้งตระกูลมาต่อกรกับตำหนักก่วงหาน เขาเชื่อว่าตำหนักก่วงหานคงต้านทานไม่ไหวเป็นแน่

อย่างไรเสียตำหนักก่วงหานก็เพิ่งจะเริ่มก่อตั้งขึ้น และความสูญเสียจากการเดินทางไปแดนขั้วโลกก็มากมายนัก อาศัยเจ้าตำหนักก่วงหานเพียงผู้เดียวย่อมไม่มีทางรับมือไหวแน่

แต่ถ้าหากเขาอยู่ต่อ ลำพังด้วยพลังของเขาในยามนี้ ย่อมไม่ใช่คู่ประมือของประมุขตระกูลมู่

หลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เฉินผิงก็ตัดสินใจว่ากลับไปหุบเขาวิญญาณโลหิตเสียก่อนเป็นดีที่สุด พอไปถึงที่นั่นเขาจะมอบศิลาเทียนโหมวให้แก่มารวายุแล้วรอคอยให้อีกฝ่ายหล่อหลอมร่างกายขึ้นมาใหม่และฟื้นฟูพลังขั้นสูงสุด

เฉินผิงก็ไม่ต้องหวาดกลัวอีกต่อไปแล้ว เขาเชื่อมั่นแน่วแน่ว่ามารวายุย่อมต้องช่วยเขาแน่

เฉินผิงพยักหน้า

ซุนเจิ้นซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก “คุณจากมาเสียแต่ตอนนี้ได้เป็นดีที่สุด ข้าเกรงว่าอีกไม่นานตำหนักก่วงหานจะต้องเผชิญกับมหันตภัย ตำหนักก่วงหานอยู่ดีไม่ว่าดี ดันไปล่วงเกินตระกูลมู่เสียได้ ยามนี้ตระกูลมู่เรียกลูกหลานทั้งตระกูลมาทั้งหมดแล้ว คาดว่าพวกเขาจะลงมือกับตำหนักก่วงหานเป็นแน่”

เฉินผิงหันไปถามซุนเจิ้นซีว่า “ผู้อาวุโสซุน คุณรู้เรื่องตระกูลมู่มากแค่ไหนงั้นเหรอ?”

“ข้าไม่รู้เรื่องของพวกเขานักหรอก แต่ข้าคิดว่าคุณซิงน่าจะรู้ ยิ่งไปกว่านั้น ก็น่าจะมีข้อมูลเรื่องตระกูลมู่อยู่ที่นี่ แต่กฎของสำนักว่านถงก็คือ ถ้าคุณอยากได้ข้อมูลก็ต้องจ่ายด้วยเหรียญวิญญาณ ต่อให้คุณจะช่วยเซี่ยเสี่ยวหนี่และมีตราบัญชาของผู้อาวุโสเซี่ย อย่างไรเสียที่นี่ก็คือเมืองหนานจิงที่คุณซิงเป็นผู้ดูแล ดังนั้น...”

ความหมายของซุนเจิ้นซีชัดเจนยิ่ง ถ้าหากเฉินผิงอยากได้ข้อมูลของตระกูลมู่ เขาก็ต้องจ่ายเงิน ต่อให้มีตราบัญชาของเซี่ยซิ่งเซียก็เปล่าประโยชน์

“ผู้อาวุโสซุนวางใจได้เลย ผมจะต้องจ่ายเงินเต็มจำนวนแน่ๆ”

อย่างไรเสียสำนักว่านถงก็เป็นกิจการหนึ่ง ถ้าไม่มีเงินพวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัตถ์เทวะราชันมังกร