“คุณไม่ทราบเรื่องนั้นหรอกเหรอ?” อู่ลิ่วอีรู้สึกฉงน
เฉินผิงส่ายหน้า “ผมไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ ดังนั้นผมจึงไม่ค่อยทราบเรื่องนั้นมากนักหรอก”
เมื่อนึกถึงการต่อสู้ระหว่างเฉินผิงกับปรมาจารย์ปู๋ฮั่ว อู่ลิวอีก็ประจักษ์แจ้งว่าเฉินผิงคือจอมขมังเวทแทนที่จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์
“ผู้ฝึกยุทธ์อย่างเราๆ มีระบบการจัดจำแนกที่เข้มงวดยิ่ง ผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญกำลังภายในไม่อาจเรียกว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้ ส่วนผู้ที่เชียวชาญกำลังภายในก็จะถูกจัดให้เป็นมือใหม่ ผู้อาวุโส อาจารย์และปรมาจารย์ โดยทั้งสี่จำพวกนี้มีอยู่เก้าระดับ นี่คือสาเหตุที่ทำให้ชื่อเฟิ่ง ซุนเย่าปัง เจี่ยงเจิ้งจงและตัวผมมีระดับพลังที่แตกต่างกันไป แม้พวกเราจะล้วนแล้วแต่เป็นปรมาจารย์กำลังภายใน มิหนำซ้ำผมก็เป็นปรมาจารย์ขั้นที่สอง แต่ชื่อเฟิ่งกับเจี่ยงเจิ้งจงน่าจะถึงขั้นที่สี่แล้ว นอกจากปรมาจารย์กำลังภายใน พวกเราก็ยังมีวีรยุทธ ปรมาจารย์ยุทธ ราชันยุทธ์และจักรพรรดิยุทธ แต่เรื่องพวกนั้นก็เป็นเพียงแค่ข่าวลือที่ผมเคยได้ยินมาเท่านั้น ผมเองยังไม่เคยเห็นคนระดับนั้นมาก่อน!” อู่ลิ่วอีอธิบาย
ในที่สุดเฉินผิงก็พอเข้าใจเรื่องราวในโลกแห่งศิลปะการต่อสู้หลังจากฟังคำอธิบายอันยาวเหยียดถึงขนาดนั้น เช่นนั้นก็ค่อนข้างคล้ายคลึงกับการฝึกพลังจิตในแง่ที่ว่าทั้งคู่ต่างมีกฎในการจัดจำแนกอันเคร่งครัด อืมม... ฉันล่ะข้องใจเสียจริงว่าโลกแห่งศิลปะการต่อสู้ที่สอดคล้องกับขั้นพื้นฐานของตัวเองจะเป็นแบบใดกัน...
กระบวนความคิดของเขาถูกขัดจังหวะเอาเมื่อตอนที่อู่ลิ่วอีพูดต่อไปอีกว่า “นั่นก็คือสาเหตุที่ทำให้ผมต้องส่งลูกชายคนรองไปฝึกฝนอยู่ในโรงยิมปาจี๋ตั้งแต่ยังเล็ก ผมหวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะมีความสามารถเหนือล้ำกว่าผม”
หลังจากนั้นก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาทางประตูหน้าพลางกล่าวว่า “เฮ้ พ่อ! ตอนนี้ผมกำลังยุ่งกับการฝึกอยู่นะ! คราวนี้ผมจะแสดงในงานชุมนุมเพื่อศิลปะการต่อสู้ให้ดีแล้วนำชื่อเสียงมาให้โรงยิมปาจี๋ให้ได้!”
เฉินผิงมองไปยังทิศทางของเสียง ว่าได้แต่ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงเมื่อเขาได้เห็นชายหนุ่มที่แลดูเหมือนอู่ตงทุกกระเบียดนิ้ว หากตอนนั้นอู่ตงไม่ได้นั่งอยู่ข้างๆ เฉินผิงก็คงเข้าใจผิดคิดว่าชายหนุ่มคนนั้นเป็นเขาไปแล้ว
“คุณเฉิน นี่คือ อู่ซี ลูกชายคนรองของผมเอง พวกเขาเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน!” อู่ลิ่วอีกล่าว
เฉินผิงยิ้มพลางผงกศีรษะให้อู่ซี
ฮะ... ทำไมพ่อถึงได้เคารพเจ้าคนๆ นี้มากขนาดนั้นนะ? พวกเราต่างมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่พ่อกลับเรียกเขาเสียเป็นทางการ... เมื่อนึกได้เช่นนั้น อู่ซีก็ขมวดคิ้วนิ่วหน้าด้วยความสับสนแล้วเอ่ยถามขึ้นว่า “พ่อ นี่คือแขกพิเศษที่พ่อเล่าให้ฟังใช่หรือเปล่า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัตถ์เทวะราชันมังกร
ยิ่งอ่านตอนก็ยิ่งสั้นลงๆ ของฟรีไม่มีในโลกจริงๆ เลิกอ่านกันเถอะเสียอารม...
เริ่มตั้งแต่ตอนที่ 1886 ตอนเริ่มสั้นลงๆ ต้องทำไง...
ไม่มีระบบจ่ายเงินผ่านหักบัญชีธนาคารหรือจ่ายผ่านทรูฯ บ้างหรือผมไม่ได้ใช้บัตรเครดิต...
3065-3074 ไม่มี...
อ่านมาถึงตอนที่ 136 แล้วแต่ต้องอ่านแบบผ่านๆเพราะแต่ละฉากวนอยู่ที่พระเอกโดนดูถูกตลอด จากคนทั้งเรื่องรวมทั้งพ่อแม่ด้วยเลยมั้ง พระเอกต้องเป็นโรคจิตอ่อนๆแน่เลย ไม่ได้คิดจะทำอะไรให้ดีขึ้นนอกจากคิดในใจว่าฉันเก่ง รอให้เขาดูถูกก่อนแล้วนิ่งๆ ยอมรับแล้วผ่านไป พยายามหาเรื่องที่พระเอกเก่ง หรือสู้ชีวิตแล้วดีขึ้น แต่แบบเหมือนฉันเก่งอยู่ในใจคนเดียว มันน่าอึดอัดมาก...
ทำไมพระเอกเก่งต้องทนให้คนดูถูกตัวเองดูถูกพ่อแม่แบบไม่คิดจะทำอะไรเลย แบบตามน้ำไปวันทั้งที่มีฝีมือ ทนลำบากกันไป...
หน้าด้านจังอีกู่หลิงเอ๋อร์ หลงรักแฟนเพื่อน แล้วเสือกเสนอตัวออกนอกหน้าเกิ๊น นิสัยแบบนี้เขาเรียกดอกทอง คนเขียนไม่เข้าใจหรอว่านิสัย ผู้หญิงสันดานแบบนี่ น่าขยะแขยง...
ชักจะเบื่อ หายอีกแล้ว หมดไปเกือบ 2 พัน แล้วนะ...
มีเรื่องอื่นที่จบแล้วบ้างไหมจะหาซื้ออ่าน...
มีหนังสือขายมั้ยครับ รอวันละ 20 ตอน ไมทันใจ...