หลังจากรอมาประมาณครึ่งชั่วโมง รถบรรทุกก็มาถึงพร้อมกับรถลากเล็กๆ อีกหลายคัน
ชายวัยกลางคนลงมาจากรถคันแรก นิ้วของเขาสวมแหวนเพชร และยังมีสร้อยทองเส้นหนาเท่านิ้วหัวแม่มืออยู่บนคอ ส่วนในมือของเขานั้นถือซิการ์อยู่
ผู้อารักขามากมายออกมาจากรถคันอื่นๆ และกรูกันเข้ามาหาชายคนนั้น พวกเขาแต่งกายด้วยชุดสูทและสวมแว่นตาเหมือนกัน ทำให้ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก
“นี่คุณต้องพาคนอารักขามาส่งสินค้ามากมายขนาดนี้เลยเหรอ เถ้าแก่เฟิง คุณไม่ไว้ใจผม หรือไม่ไว้ใจครอบครัวผมกันล่ะ?” อู่ตงกล่าวพร้อมรอยยิ้มเมื่อเขาจับมือกับเถ้าแก่เฟิง
“ผมทราบดีถึงอิทธิพลของตระกูลอู่ในเสิ่งเฉิง แต่รถนี่บรรทุกของล้ำค่าอย่างศิลาเหิงชานมาเชียวนะ! ของนี่ราคาสูงลิ่ว ผมจะชดใช้ด้วยอะไรกันล่ะถ้าเกิดปัญหาระหว่างขนส่ง!” เถ้าแก่เฟิงตอบพลางหัวเราะ เผยให้เห็นฟันทองสองซี่ในปากของเขา
“ฮ่าๆ! ด้วยทรัพย์สินทั้งหมดของคุณเลยดีไหมล่ะ เถ้าแก่เฟิง แต่ถึงจะซื้อเขาเหิงชานทั้งหมดแล้ว คุณก็น่าจะยังเหลือเงินอยู่เลยนี่!”
อู่ตงยังคงประจบเขาต่อ
“คุณก็ว่าเกินไปแล้ว คุณอู่!”
เถ้าแก่เฟิงยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูเมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้น
โอ้โห… อู่ตงนี่อาจจะไม่ช่ำชองในศิลปะการต่อสู้ แต่เขามีหัวทางด้านการค้าไม่น้อยเลย! เฉินผิงคิดในใจขณะมองพวกเขาจากด้านข้าง
หลังจากทักทายกันสักพัก เถ้าแก่เฟิงเดินตรงไปยังเก้าอี้ที่เป่ยเลานั่งอยู่และกล่าวอย่างสุภาพว่า “สวัสดีครับ คุณเป่ย! ผมดีใจที่ได้เจอคุณจริงๆ สักทีในวันนี้”
“ศิลาเหิงชานพวกนี้มีมูลค่ามาก อู่ตงก็เลยเชิญผมมาประเมินดู” เป่ยเลาตอบขณะที่ยังหลับตาอยู่
“เราทำการค้ากันมานานหลายปีแล้วนะ คุณอู่ คุณยังไม่ไว้ใจผมอีกเหรอ? ทำไมต้องเชิญคุณเป่ยมาถึงนี่ด้วยล่ะ?” เถ้าแก่เฟิงถามอย่างติดตลก
“ถ้าเราระวังให้มาก เราก็จะไม่เจ็บตัวเยอะ เถ้าแก่เฟิง! อีกอย่าง ศิลาเหิงชานพวกนี้ก็ล้ำค่ามากจริงๆ” อู่ตงตอบพร้อมใบหน้าที่เจือรอยยิ้มจางๆ
“ก็ได้ มาประเมินสินค้ากันเถอะ อย่างที่คุณทราบกันดี ผมรับรองไม่ได้หรอกนะว่าจะมีอัญมณีอยู่ในศิลาเหล่านี้ทุกก้อน เราจะไม่รับเปลี่ยนหรือคืนเงินหลังจากประเมินและปิดการขายกันเรียบร้อยแล้วนะครับ!” เถ้าแก่เฟิงกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
อู่ตงพยักหน้า “ผมเข้าใจดี เถ้าแก่เฟิง!”
จากนั้นพวกเขาก็ขนศิลาลงมาจากรถบรรทุกและนำไปในพื้นที่สำหรับการตรวจประเมิน ศิลาเหล่านั้นมีหลายรูปร่างและหลายขนาด ด้วยสายตาคนธรรมดาที่ไม่เคยได้ฝึกฝนมาก่อน ศิลาพวกนี้ก็ดูไม่ได้แตกต่างไปจากหินทั่วๆ ไปเท่าไร
“เชิญคุณก่อนครับ คุณเป่ย…”
อู่ตงก้าวนำเป่ยเลาเพื่อจะช่วยเขาลุกขึ้น
เป่ยเลาพยักหน้าพร้อมกับดึงแว่นขยายและค้อนเล็กๆ ของเขาออกมา
ถ้าหากจะตรวจสอบศิลาทุกก้อนคงต้องใช้เวลาชั่วนิรันดร์ เป่ยเลาจึงเลือกศิลามาตรวจสอบได้เพียงเกือบสิบกว่าก้อนเท่านั้น
แต่กระนั้น ด้วยตัวอย่างจำนวนน้อยนิด จึงไม่สามารถจะเอาผลการตรวจสอบนี้ไปรับประกันศิลาที่เหลือได้ มันก็เหมือนกับการเดิมพันทั่วไป ผู้เล่นที่มีโชคเท่านั้นที่จะเป็นใหญ่ในวงการเดิมพันศิลา
ทันใดนั้น เฉินผิงก็ขมวดคิ้วเมื่อเห็นเป่ยเลาเริ่มตรวจสอบศิลา เฉินผิงเดินไปยังกองศิลาเหล่านั้นและโน้มตัวลงไปดูใกล้ๆ
ด้วยเข้าใจว่าเฉินผิงเป็นผู้ติดตามที่อู่ตงพามาด้วย เถ้าแก่เฟิงจึงไม่ได้ห้ามเขา
หลังจากหยิบศิลาสองสามก้อนออกไป เฉินผิงก็ได้พบศิลารูปวงรีที่เป็นเงาแวววาว ขนาดของมันใกล้เคียงกับไข่ไก่
ดวงตาเขาเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้นขณะที่หยิบมันขึ้นมาจากพื้นดิน วินาทีที่มือของเฉินผิงแตะศิลาก้อนนั้น เขารับรู้ถึงพลังจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ไหลผ่านเขาไปทั่วร่าง
ศิลารูปวงรีก้อนนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์มากกว่าหยก ซึ่งมันยิ่งใหญ่เป็นสิบเท่าเมื่อเทียบกับขนาดของมัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัตถ์เทวะราชันมังกร
ไม่เด็ดขาดสักที เวลาสู้กัน รอดตลอดทั้งที่พลังว่าแกร่งดาบก็เทพ แต่ฟาดออกไปไม่เด็ดขาดสักครั้ง...
น่าจะฝึกให้แกร่งขึ้นตั้งแต่แรกแล้วมาช่วยร่างน้ำแข็ง เอาแก่นมังกรให้ครบสองอัน น่าจะมีคนบอกวิธีการบำเพ็นเพรียรที่เก่ง เฉินเป่ยซานน่าจะช่วยได้อิอิ อ่อคนละเรื่อง...
ติดตามอ่านทุกวันเลย ขอบคุณที่อัพเดตให้ได้อ่านทุกวันนะครับ สนุกมากๆเลย แต่อยากให้อัพเดตเพิ่มขึ้นอีกนิดจะขอบคุณมากเลยครับ...
ยังไปได้อีกไกล ตอนนี้ยังเทียบได้แค่ฝุ่นในจักรวาล อยากอ่านต่อเร็วๆแล้วสิ...
เรื่องนี้มันมีหนังสือหรือป่าวอ่านแล้วรู้สึกว่านี้แค่เริ่มต้นเรื่องช่วงเก็บเกี่ยววิชาอยู่เลย...
สนุกและติ่นเต้นมากขึ้นๆทุกวันเลยครับ ขอบคุณที่คอยอัพเดตเนื้อหาให้ได้อ่านทุกวันครับ...
สนุกทุกตอนครับ...
รออ่านตอนต่อไป...
ขอบคุณมากครับที่คอยอัพเดตให้ได้อ่านทุๆวัน เป็นกำลังใจให้เสมอครับ...
รออ่านตอนต่อไปไม่ไหวแล้ว สนุกมากๆเลย ยิ่งอ่านยิ่งสนุกยิ่งตื่นเต้น...