พ้นประตูเข้าไปคือลานที่แผ่กว้าง ตรงกลางมีระฆังทองแดงขนาดมหึมา สลักด้วยอักขระจำนวนมาก ระฆังเหลยหยินในตำนาน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของอารามแห่งนี้
ทว่าอักขระเหล่านั้นกลับเลือนราง แผ่แสงออกมาแค่เบาบาง
ฉีเต้าจางก้าวออกมาจากห้องโถงใหญ่ ผมสีขาวราวหิมะพลิ้วไหว ดวงตาอ่อนเยาว์เป็นประกาย รัศมีของขั้นเซียนโลการะดับเก้าแผ่ไปทั่ว เขาโค้งด้วยความเคารพ
“เฉินผิง เจ้ามาถึงแล้ว” ฉีเต้าจางกล่าว ยิ้มกว้างเมื่อได้กลับมาพบกันอีกครั้ง “ข้ารอมานาน”
ฉีเต้าจางรู้ว่าเฉินผิงคงไม่อยู่ที่ชั้นห้าตลอดไป แม้ความวุ่นวายที่นั่นจะสงบลงแล้วก็ตาม
“นักพรตฉีเต้าจาง ท่านแน่ใจได้ยังไงว่าผมจะขึ้นมาถึงชั้นหกได้” เฉินผิงถามพร้อมกับแนบฝ่ามือคำนับ
“ตำหนักทวยเทพตั้งตำหนักลำดับหกไว้ที่นี่” ฉีเต้าจางตอบด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “เจ้าถูกกำหนดให้มาที่ชั้นนี้ ยิ่งไต่เต้าขึ้นไปมากเท่าไหร่ ทรัพยากรก็ยิ่งอุดมสมบูรณ์มากขึ้นเท่านั้น และเจ้าจำเป็นต้องใช้บำเพ็ญเพียร อีกอย่างเจ้าไม่อยากรู้หรือว่าพ่อของเจ้าเป็นใคร? จนกว่าจะถึงวันที่เจ้ายืนอยู่บนจุดสูงสุดของอาณาจักรแดนสรวง ความลับในอดีตของเขาและศึกแห่งทวยเทพเมื่อครั้งโบราณจะยังคงถูกปิดผนึกไว้”
มีน้อยคนนักที่จะเข้าใจเฉินผิงมากไปกว่าฉีเต้าจาง เขารู้ว่าชายหนุ่มจะไม่มีวันหยุดหากยังมีบันไดให้ไต่ขึ้นไป
เฉินผิงแหยๆ “ท่านอ่านใจผมออกตลอด นักพรตฉีเต้าจาง”
“แน่นอน” ฉีเต้าจางหัวเราะเบาๆ เสียงสะท้อนไปตามกำแพง “ไม่อย่างนั้นข้าจะยกหลินเข่อติ้งให้เจ้าหรือ ถึงกระนั้นเจ้าก็ควรเพลาๆ ลงบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้ผู้หญิงคนอื่นดูดพลังหยางของเจ้าไป”
เขาพูดด้วยสายตาเย้าหยอก ให้ความรู้สึกเหมือนแนะนำและเตือนในเวลาเดียวกัน
เฉินผิงผงะไปและพูดอะไรไม่ออก
ฉีเต้าจางโบกมือเรียกพวกเขาไปยังห้องโถงใหญ่ คนรับใช้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับชาวิญญาณ แขกทั้งสองนั่งลง เฉินผิงอยากรู้ว่าระฆังที่ใหญ่เท่ากระท่อมหายไปอย่างไร้ร่องรอยได้อย่างไร
ฉีเต้าจางยกถ้วยชาขึ้นแตะริมฝีปาก ไอน้ำลอยฟุ้งเหนือเคราขาวก่อนจะวางถ้วยลง “เขาเหลยหยินอาจดูธรรมดาเหมือนยอดเขาทั่วไป” เขาเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “แต่แท้จริงแล้วสถานที่แห่งนี้ผนึกบางสิ่งไว้ข้างใต้ วิญญาณมารนับแสนดวง หลายร้อยปีก่อนวิญญาณเหล่านั้นอาละวาดทำลายล้างไปทั่ว จนกระทั่งผู้อาวุโสของอารามเหลยหยินปิดผนึกพวกมันไว้ที่นี่ ระฆังเหลยหยินคือสิ่งที่ใช้สะกดวิญญาณ ทุกๆ ร้อยปี เสียงระฆังซึ่งเต็มไปด้วยพลังวิญญาณสายฟ้าจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับผนึก เพื่อไม่ให้วิญญาณมารแม้แต่ดวงเดียวหลุดรอดไปได้
เฉินผิงและหูหม่าซือมองหน้ากัน ทั้งสองต่างตกตะลึงกับความจริงนั้น วิญญาณมารแสนดวง มีเพียงระฆังใบเดียวที่สะกดพวกมันเอาไว้
หากวิญญาณทุกดวงหลุดออกไป ทั่วทั้งชั้นหกจะจมอยู่ในเปลวเพลิงและเสียงกรีดร้อง
“แล้วมีเบาะแสไหมว่าใครขโมยระฆังไป ท่านนักพรต? ท่านพอรู้อะไรบ้าง?” เฉินผิงถามพลางขมวดคิ้ว กล้ามเนื้อเกร็งขณะรอคำตอบ
ฉีเต้าจางส่ายหัวด้วยความกังวล “สามคืนก่อน นักบวชที่เฝ้ายามได้ยินเสียงลม แต่มันผิดธรรมชาติ เสียงนั้นราวกับมีชีวิต ทันใดนั้นระฆังเหลยหยินก็สั่นไหวและเปล่งแสงวาบ พอถึงหอเก็บระฆัง ระฆังทั้งใบก็หายไป เหลือเพียงรอยเท้าประหลาด รอยเท้าสัตว์อสูรที่ปนเปื้อนรัศมีมาร เราตามรอยเท้าจนกระทั่งรุ่งสาง แต่ก็ไม่พบอะไร”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัตถ์เทวะราชันมังกร
กดอ่านไม่ได้แก่ไขให้ด้วยนะคับ...
กดอ่านไม่ได้อะคับ...
ปลดล็อคอ่านไม่ได้...
กดอ่านไม่ได...
กดอ่านไม่ได้เลย...
ชอบกดปลดล็อคไม่ได้ แก้ไขที...
ปลดล็อคอ่านไม่ได้...
อ่านไม่ได้แอดมินช่วยดูที .... {code: 4, message: 'Cannot buy chapter, contact admin for the details.'}...
รออ่านไม่ได้เลย ปลดล็อคไม่ได้ แอดมินช่วยดูที่ {code: 4, message: "Cannot buy chapter, contact admin for the details."}...
ปลดล็อคแล้วอ่านไม่ได้...