เฉินผิงขมวดคิ้วหลังจากอ่านข้อความ จำนวนของยาอายุวัฒนะและศิลาวิญญาณกำลังลดลง ด้วยความสามารถที่เพิ่มขึ้นของเขา เขาจึงต้องการพลังที่มากขึ้น
หลังจากฉีกกระดาษโน้ตออกเป็นชิ้นๆ เฉินผิงก็เดินเข้าไปในบ้าน เขาตั้งใจที่จะอาบน้ำและพักผ่อน แต่แล้วซูอวี่ฉีก็โทรเข้ามา
เฉินผิงรับสายในทันที “ซูอวี่ฉีเหรอ? ทำไมเธอถึงโทรมาเอาป่านนี้?”
มันเริ่มมืดแล้ว ซูอวี่ฉีไม่เคยโทรหาเขาค่ำขนาดนี้
“ถ้าฉันไม่โทรหาคุณ คุณก็คงจะไม่บอกฉันสินะว่ากลับมาแล้ว คุณไม่อยากจะเจอฉันสินะ ฮึ? หรือว่าคุณแอบซ่อนผู้หญิงคนอื่นเอาไว้ในบ้านและคุณก็ไม่อยากให้ฉันรู้เรื่องนี้ใช่มั้ย?” ซูอวี่ฉีโวยวาย
“เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันกลับมาแล้ว?” เฉินผิงประหลาดใจ เขาไม่ได้บอกเธอว่าเขากลับมาแล้วเพราะเขาต้องการพักผ่อน ศึกครั้งล่าสุดกับสี่เพชรพยัคฆ์ทำให้เขาสูญเสียพลังไปมาก
“ฮ่า! คุณคิดว่าฉันจะไม่รู้ถึงแม้ว่าคุณไม่พูดอะไรอย่างนั้นเหรอ? ฉันมีสายสืบอยู่ทั่วอ่าวพันหลง! คุณไม่มีทางปิดบังฉันได้หรอกนะ!” ซูอวี่ฉีเย้ย
เฉินผิงยิ้มอย่างยอมจำนน ต้องมีคนเห็นการกลับมาของฉันและแจ้งเรื่องนี้กับซูอวี่ฉีเป็นแน่
“ไม่หรอก ทำไมฉันต้องปิดบังเธอด้วย? ฉันแค่อาบน้ำเสร็จก่อนแล้วแค่โทรหาเธอ ฉันไม่สามารถไปหาเธอได้ทั้งที่ตัวเหม็นแบบนี้ จริงมั้ย?”
“ฉันไม่เชื่อคุณหรอก!” ซูอวี่ฉีพูดกึ่งติดตลก “คุณต้องไปเจอกับผู้หญิงอื่นที่จิงตูและลืมฉันไปแล้วสินะ”
“ถ้าเธอไม่เชื่อฉัน งั้นฉันวางสายแล้วนะ ฉันจะไปนอน ฉันเหนื่อยมาก...”
เฉินผิงไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับซูอวี่ฉี เขารู้ดีว่าเธอล้อเล่น
“ห้ามวางสายนะ! ฉันจะไปหาคุณที่บ้านตอนนี้ อย่าเพิ่งรีบนอนนะ!”
ซูอวี่ฉีมุ่งหน้าไปอ่าวพันหลง โดยไม่ยอมวางสาย
เมื่อรู้เช่นนั้น เฉินผิงจึงไม่สามารถนอนได้ เขาชงกาแฟให้ตัวเองแล้วไปนั่งที่โซฟาเพื่อรอซูอวี่ฉี
เพียงไม่นาน ประตูได้ถูกปลดล็อก ซูอวี่ฉีมาถึงบ้านพร้อมกับลากกู่หลิงเอ๋อร์มาด้วย
เฉินผิงลุกขึ้นหวังจะเข้าไปกอดซูอวี่ฉีเพื่อเป็นการขอโทษเธอ แต่เธอกลับต่อยใส่เขาแทน
เฉินผิงก็ขยับไปด้านข้างเล็กน้อยเพื่อหลบหมัดของเธอ ซูอวี่ฉียังไม่ยอมแพ้เหวี่ยงหมัดตรงเข้าใส่เขาอีกครั้ง ทำให้เขาต้องถอย
“ซูอวี่ฉี เธอทำอะไรของเธอน่ะ?” เฉินผิงรู้สึกงุนงง เขาไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงโจมตีเขาหลังจากที่พบกัน
ซูอวี่ฉียิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้น หลังจากไม่สามารถแตะต้องตัวของเฉินผิงได้เลย เธอหยุดแล้วหันไปหากู่หลิงเอ๋อร์ “กู่หลิงเอ๋อร์ ที่เธอสอนฉันมามันไม่ได้ผลเลย ฉันไม่สามารถแม้แต่จะแตะโดนตัวเขาด้วยซ้ำ”
กู่หลิงเอ๋อร์รู้สึกขบขันเมื่อได้ยินเธอบ่น “ซูอวี่ฉี เธอรู้หรือเปล่าว่าเฉินผิงเก่งกาจขนาดไหน? ขนาดฉันเองยังทำไม่ได้ นับประสาอะไรกับเธอ”
“ฉันไม่สนหรอก สอนฉันที ฉันจะได้เป็นยอดฝีมือ...” ซูอวี่ฉีตอบด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“พวกเธอสองคนเป็นอะไร?” เฉินผิงเอ่ยถาม
เขายิ่งรู้สึกสับสนมากขึ้นหลังจากได้ยินบทสนทนาของซูอวี่ฉีและกู่หลิงเอ๋อร์
กู่หลิงเอ๋อร์เริ่มอธิบายทุกอย่างให้เขาฟัง เฉินผิงจึงรู้ว่าซูอวี่ฉีขอให้กู่หลิงเอ๋อร์สอนศิลปะการต่อสู้ให้เธอ หลังจากที่เขากลับมาจากจิงตู เพราะเธอไม่ต้องการจะเป็นภาระของเขา
ซูอวี่ฉีรู้ว่าเฉินผิงจะต้องยอมให้เธอไปจิงตูถ้าเธอเป็นยอดฝีมือ นั่นก็เพราะว่าเขาไม่อยากให้เธอตกอยู่ในอันตราย ท้ายที่สุด เธอรู้ดีว่าเขาไม่สามารถปกป้องเธอได้ตลอดเวลา
เมื่อได้ฟังคำอธิบายของกู่หลิงเอ๋อร์ เฉินผิงขยับไปด้านหน้าแล้วจับไปที่มือของซูอวี่ฉี เขามองเธอด้วยความรักและเอาใจใส่ “การฝึกศิลปะการต่อสู้เป็นหนทางที่ยากลำบาก คุณไม่จำเป็นต้องทนทุกข์หรอกนะ ผมจะคอยปกป้องคุณเอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัตถ์เทวะราชันมังกร
ไม่เด็ดขาดสักที เวลาสู้กัน รอดตลอดทั้งที่พลังว่าแกร่งดาบก็เทพ แต่ฟาดออกไปไม่เด็ดขาดสักครั้ง...
น่าจะฝึกให้แกร่งขึ้นตั้งแต่แรกแล้วมาช่วยร่างน้ำแข็ง เอาแก่นมังกรให้ครบสองอัน น่าจะมีคนบอกวิธีการบำเพ็นเพรียรที่เก่ง เฉินเป่ยซานน่าจะช่วยได้อิอิ อ่อคนละเรื่อง...
ติดตามอ่านทุกวันเลย ขอบคุณที่อัพเดตให้ได้อ่านทุกวันนะครับ สนุกมากๆเลย แต่อยากให้อัพเดตเพิ่มขึ้นอีกนิดจะขอบคุณมากเลยครับ...
ยังไปได้อีกไกล ตอนนี้ยังเทียบได้แค่ฝุ่นในจักรวาล อยากอ่านต่อเร็วๆแล้วสิ...
เรื่องนี้มันมีหนังสือหรือป่าวอ่านแล้วรู้สึกว่านี้แค่เริ่มต้นเรื่องช่วงเก็บเกี่ยววิชาอยู่เลย...
สนุกและติ่นเต้นมากขึ้นๆทุกวันเลยครับ ขอบคุณที่คอยอัพเดตเนื้อหาให้ได้อ่านทุกวันครับ...
สนุกทุกตอนครับ...
รออ่านตอนต่อไป...
ขอบคุณมากครับที่คอยอัพเดตให้ได้อ่านทุๆวัน เป็นกำลังใจให้เสมอครับ...
รออ่านตอนต่อไปไม่ไหวแล้ว สนุกมากๆเลย ยิ่งอ่านยิ่งสนุกยิ่งตื่นเต้น...