หัตถ์เทวะราชันมังกร นิยาย บท 642

คำว่า “ปรมาจารย์ยุทธ์” สร้างความตื่นตะลึงให้แก่ทุกคน ยกเว้นซูเหวินจงและผู้ที่มิใช่ผู้ฝึกยุทธ์ โดยเฉพาะหลินเทียนหู่กับชื่อเฟิ่งที่รู้ว่าปรมาจารย์ยุทธ์แข็งแกร่งจนน่าตกใจสักเพียงใด

เมื่อสักครู่ที่หลินเทียนหู่บอกว่าไม่กลัวก็เพราะมีคนนับพันอยู่ด้วย ตอนนี้เขาจึงอดมิได้ที่จะรู้สึกอับอาย ไม่ว่าเขาจะมีคนเยอะสักแค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าปรมาจารย์ยุทธ์ พวกเขาก็เป็นได้แค่เพียงมดปลวกเท่านั้น

เฉินผิงมองอู่เม่ยเอ๋อร์ที่กำลังจากไป เขารู้สึกอยากจะไล่ตามเธอไปแล้วถามเรื่องตัวตนที่แท้จริงของหลงอู่ ทั้งยังอยากรู้เรื่องสาเหตุที่ทำให้หลงอู่ช่วยเขา สุดท้ายเขาก็ไม่ขยับตัวสักนิ้วเพราะเขารู้ว่าอู่เม่ยเอ๋อร์คงไม่มีทางบอกอะไรแน่

ซูอวี่ฉีเองก็มองมาที่แผ่นหลังของอู่เม่ยเอ๋อร์พลางมีสีหน้าเก้อกระดากพาดผ่านใบหน้า เธอมาที่นี่เพื่อมอบของบางอย่างที่จะช่วยเฉินผิง แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกอิจฉากันนะ?

เธอนึกถึงคำพูดของอู่เม่ยเอ๋อร์ก็พลันรู้สึกได้ว่าฝ่ายหลังกล่าวไม่ผิดเลย นอกจากหน้าตาสวยแล้ว ฉันก็ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง ทั้งยังอาจจะเป็นภาระให้แก่เฉินผิงในภายภาคหน้าอีกด้วย...

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซูอวี่ฉีก็รู้สึกหดหู่ใจ

“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?” เฉินผิงเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้งหลังจากกวาดสายตามองดูผู้คน

“คุณเฉิน ดูตรงนี้สิครับ”

หลินเทียนหู่ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดกระทู้ ก่อนที่จะแสดงโพสต์ให้เฉินผิงดู

หลังจากเฉินผิงได้อ่านสาส์นท้าประลองที่ฉินเซียวหลินโพสต์เอาไว้บนกระทู้ก็พลันเข้าใจขึ้นมาทันที

ดูเหมือนฉินเซียวหลินจะออกจากด่านเก็บตัวฝึกบำเพ็ญฌานมาแล้ว หลังจากรู้ว่าลูกหลานของตนถูกเขาสังหาร เขาถึงได้ยื่นสาส์นท้าประลองฉบับนี้

“อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด พวกนายก็อย่ากังวลไปเลย” เมื่อเห็นทุกคนดูสิ้นหวัง ดังนั้นเฉินผิงจึงเผยรอยยิ้มออกมา “แค่ฉินเซียวหลิน ฉันสามารถเอาชนะเขาได้อยู่แล้ว”

ชื่อเฟิ่งเอ่ยอย่างหวาดกลัวว่า “คุณเฉินคะ หลังจากออกจากด่านเก็บตัวฝึกบำเพ็ญฌาน ตอนนี้ฉินเซียวหลินเป็นปรมาจารย์ยุทธ์แล้ว ฉันเชื่อว่าเขาน่าจะมีพลังที่สามารถเทียบได้กับเทพเซียน”

ในฐานะที่เป็นปรมาจารย์ขั้นที่สิบเอ็ด เธอไม่ได้เฉียดใกล้กับการเป็นปรมาจารย์ใหญ่เลย แต่ศัตรูของพวกตนกลับเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ไปเสียแล้ว เธอไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าเขาจะแข็งแกร่งสักเพียงใด

“อย่ากังวลไปเลย ดูสิ มีคนมอบเครื่องป้องกันตัวมาให้ฉันด้วย ฉินเซียวหลินสังหารฉันไม่ได้หรอก ผู้ใดจะรู้เล่า บางทีฉันอาจจะชนะการประลองก็ได้! พวกนายอย่ากังวลไปเลย” เฉินผิงเอ่ยขึ้นอย่างไม่แยแส

ที่จริงแล้วเฉินผิงก็ไม่มีความมั่นใจนักหรอก เขาเพียงแค่พยายามที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้คนเพื่อมิให้พวกเขาต้องเป็นห่วงตน เขาไม่เคยต่อสู้กับปรมาจารย์ยุทธ์มาก่อนเลย เมื่อก่อนหน้านี้เขาใช้พลังของตนเองเพื่อเอาชนะสี่เพชรพยัคฆ์ไปจนหมดเกลี้ยงและเกือบตายในเงื้อมมือของพวกมัน ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าจะสามารถรอดชีวิตจากการต่อสู้กับปรมาจารย์ยุทธ์หรือไม่

ทั้งๆ ที่เฉินผิงมิได้กำลังหลบเลี่ยง แต่เขาก็ยอมรับสาส์นท้าประลองที่ฉินเซียวหลินยื่นคำท้ามา เช่นนั้นก็ทำให้เขาสบายใจที่ได้รู้ว่าตระกูลฉินมิได้พุ่งเป้ามาที่สหายและครอบครัวของเขา ตอนนี้เขาเป็นห่วงเรื่องซูอวี่ฉีมากที่สุด ถ้าหากตระกูลฉินแอบลงมือกับเธอ เขาก็คงไม่สามารถปกป้องเธอได้

เมื่อเห็นเฉินผิงดูมีท่าทีไม่แยแส คนที่เหลือก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไม่มีใครล่วงรู้ถึงความสามารถของเฉินผิง

หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็เดินออกจากคฤหาสน์ไป หลินเทียนหู่กับชื่อเฟิ่งเฝ้ายามอยู่ด้านนอกเพื่อคอยอารักขาเฉินผิงอยู่ตลอดเวลา

ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ยุทธ์จะทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวจนขวัญกระเจิง แต่พวกเขาก็มิได้ทอดทิ้งเฉินผิงเอาไว้ตามลำพัง

ซูอวี่ฉีกับกู่หลิงเอ๋อร์ยังอยู่ด้านใน ทั้งยังมีท่าทางเศร้าซึมอีกต่างหาก

“เฉินผิง ฉันขอโทษด้วย เป็นความผิดของฉันเอง ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณล่ะก็ ฉันจะไม่ยกโทษให้ตัวเองเลย” กู่หลิงเอ๋อร์เอ่ยอย่างขอลุแก่โทษ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัตถ์เทวะราชันมังกร