หลงอู่โผเข้ากอดเฉินผิงอย่างตื่นเต้น “คุณทำได้ดีมาก เฉินผิง! ตราบใดที่คุณฝึกวิชาได้แบบนี้ต่อไป นายหญิงต้าเฉียวคงจะได้ออกมาเจอแสงสว่างในเร็ววัน”
“คุณหลง เราจะอยู่ที่นี่อีกต่อไปไม่ได้แล้วนะครับ เราต้องย้ายไปที่อื่น”
เพราะตระกูลหลงหาที่นี่เจอแล้ว เฉินผิงจึงรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่หลงอู่จะใช้ชีวิตหลังเกษียนอย่างสันโดษที่หงเฉิงต่อไป พวกเขาต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เราจะไปที่ไหน?” หลงอู่ถาม
“หุบเขายาครับ”
ในตอนนั้นเฉินผิงคิดว่าหุบเขายาน่าจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด
หลังจากให้หลินเทียนหู่กับชือเฟิ่งจัดการธุระประปังที่หงเฉิง เฉินผิงก็พาหลงอู่ ซูอวี่ฉีกับคนที่เหลือไปที่หุบเขายา
เพราะซูอวี่ฉี กู่หลิงเอ๋อร์กับเสี่ยวหลานได้รับบาดเจ็บ จึงควรให้พวกเขาพักรักษาตัวที่หุบเขายาโดยไม่ต้องมีอะไรมากวนใจ
ตอนที่เฉินผิงกับคนของเขามาถึงหุบเขายา ซูฉางเซิงก็รีบเตรียมการรักษาไว้ให้ซูอวี่ฉีกับคนที่เหลือ
ในขณะเดียวกัน หลงอู่ที่ได้รับบัตรเชิญงานประลองก็เอามาให้เฉินผิง
“เฉินผิง งานประลองครั้งนี้อันตรายยิ่งกว่าครั้งก่อนหน้า เพราะฉะนั้นจงระวังตัวด้วย”
หลงอู่มองเฉินผิงอย่างเป็นกังวล
“ไม่ต้องห่วงครับ คุณหลง ผมแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ไม่มีคนหนุ่มที่ไหนโค่นผมได้หรอก อีกอย่าง ตัวตนของผมถูกเผยแพร่ไปแล้ว พวกเขาคงไม่กล้าท้าชนผมตรงๆ แน่” เฉินผิงเอื้อมมือหยิบบัตรเชิญพลางรับปากอย่างมั่นใจ
หลงอู่ถอนหายใจแล้วตอบ “คุณยังอ่อนต่อโลกอยู่มาก ยุทธภพนั้นซับซ้อนกว่าที่คุณคิดนัก ยังไงก็เถอะ แค่ระวังตัวไว้ก็พอ”
จากนั้นเขาก็ตบไหล่เฉินผิงสองสามที
“เข้าใจแล้วครับ ผมฝากซูอวี่ฉีกับคนอื่นให้คุณดูแลด้วย”
หลังจากนั้น เฉินผิงก็ออกจากหุบเขายาและมุ่งหน้าไปที่จิงตูอย่างรีบเร่ง
เหลืออีกวันเดียวก็จะถึงวันจัดงานประลองแล้ว เฉินผิงจึงต้องรีบทำเวลาเพื่อไปถึงให้ทัน
ในระหว่างนั้นที่บ้านตระกูลหลง
หนึ่งวันก่อนถึงงานประลอง ทุกสำนักและตระกูลในจิงตูกำลังเตรียมการขั้นสุดท้าย สถานที่จัดการประลองในครั้งนี้คือสุสานจักรพรรดิที่เก่าแก่นับพันปี ไม่มีใครรู้ว่ามีของวิเศษหรืออันตรายอะไรอยู่ในนั้น
อย่างไรก็ตาม เป็นที่รู้กันว่าในสุสานจักรพรรดิต้องมีการติดตั้งกับดักเอาไว้จำนวนมาก ทุกคนต่างรู้ว่ายิ่งเสี่ยงมากเท่าไหร่ ผลตอบแทนก็ยิ่งสูงตาม
“หลงเซียว ฝีมือแกพัฒนาไปไม่น้อยนับแต่ครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน”
หลงจิ้งกั๋วมองหลงเซียวอย่างภาคภูมิใจ
“เรื่องนั้นต้องยกความชอบให้อาจารย์ของผมครับพ่อ เขาวางแผนไว้ให้ผมมุ่งมั่นกับการฝึกวิชา เพื่อที่ผมจะได้ขึ้นเป็นปรมาจารย์ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสูงสุดหลังงานวันขึ้นปีใหม่ แต่การที่ผมกลับมาอาจทำให้แผนนั้นล่าช้าไปบ้าง” หลงเซียวอธิบาย
“ลูกชายซื่อบื้อของพ่อ การประลองหนนี้จะจัดขึ้นที่สุสานจักรพรรดิที่มีอายุกว่าพันปี ในนั้นจะมีของวิเศษและสมบัติมากมายมหาศาล ถ้าตระกูลเราครอบครองทั้งหมดนั้นได้ ฉันจะใช้ของทั้งหมดยกระดับฝีมือให้แกจนขึ้นเป็นปรมาจารย์ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสูงสุดให้ได้โดยเร็ว ไม่แน่ว่าแกอาจจะได้เป็นถึงเจ้ายุทธภพ ลองนึกภาพเจ้ายุทธภพที่อายุเท่าแกดูสิ แกจะได้เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์” หลงจิ้งกั๋วให้สัญญากับหลงเซียว
“ไม่ต้องห่วงครับพ่อ ตาบใดที่ผมเข้าร่วมการประลอง ของวิเศษกับสมบัติทั้งหมดต้องอยู่ในกำมือตระกูลหลงแน่นอน” หลงเซียวตอบอย่างมั่นใจระคนโอหัง
เขามีสิทธิที่จะทำตัวโอหัง เพราะเขาเป็นปรมาจารย์ผู้ฝึกยุทธ์ระดับเจ็ดได้ทั้งที่อายุยังน้อย มีผู้บำเพ็ญเพียรไม่มากนักที่จะขึ้นมาถึงระดับนี้ได้ต่อให้ฝึกวิชาอยู่หลายสิบปีก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้น ความสามารถของเขายังอยู่ในระดับเดียวกันกับประมุขของสำนักหรือของตระกูลบางคนอีกด้วย
“ถ้าแกว่าอย่างนั้น พ่อจะปล่อยให้แกจัดการทุกอย่างเองเลยก็แล้วกัน” หลงจิ้งกั๋วหัวเราะ
หลงซิงซูผู้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ค้อมหัวลงเล็กน้อย พลังของเขาในตอนนี้ยังต่ำกว่าหลงเซียวอยู่มาก แม้เขาจะมีความสามารถ แต่ก็ขาดตัวช่วยที่จำเป็น เหมือนกับมีดที่ไร้หินลับคม
อีกอย่างหลงเซียวยังได้รับทรัพยากรทุกอย่างของตระกูลหลงด้วย เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้เพิ่มระดับฝีมือได้ไวนัก
“หลงซิงซู นี่เรายังติดต่อต้าฮู่ฝากับผู้พิทักษ์คนอื่นไม่ได้อีกเหรอ?” หลงจิ้งกั๋วหันไปหาหลงซิงซูแล้วถาม
“ยังเลยครับ คุณหลง” หลงซิงซูตอบเสียงเบา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัตถ์เทวะราชันมังกร