หัตถ์เทวะราชันมังกร นิยาย บท 964

“บ้าเอ้ย! ทำไมไอ้สวะพวกนี้ถึงได้ใช้เวลาจับตัวเฉินผิงนานนัก? พนันเลยว่าพวกมันคงเอาแต่ขลุกอยู่ในร้านเหล้ากับหลีสาวไปวันๆ ถ้าพวกมันกลับมาเมื่อไหร่ฉันคงต้องกวดขันหน่อยแล้ว” หลงจิ้งกั๋วสบถพลางนิ่วหน้า

เขายังคงคิดว่าปรมาจารย์ผู้ฝึกยุทธ์ห้าคนต้องจับตัวเฉินผิงได้อย่างไม่ต้องสงสัย ที่จริงการส่งทั้งห้าไปก็นับได้ว่าเขาระวังมากไปจนใช้คนเกินความจำเป็นแล้ว

ที่กระทรวงยุติธรรมแห่งจิงตู เฉินผิงกับจ้าวอู๋ฉีกำลังนั่งอยู่ที่ลานกว้าง

“คุณเฉิน นี่คุณข้ามระดับพลังไปได้แล้วเหรอครับ?”

จ้าวอู๋ฉีถามเฉินผิงด้วยความสงสัย

“ทำไมเหรอครับ? หรือคุณจะสัมผัสได้ แต่ผมก็ซ่อนรัศมีตัวเองเอาไว้อยู่นะ” เฉินผิงถามอย่างแปลกใจ

ฉันซ่อนรัศมีเอาไว้แล้ว ถ้าแม้แต่จ้าวอู๋ฉียังจับสัมผัสได้ ฉันก็คงอำพรางได้ไม่เก่งเอาเสียเลย

“ก็ไม่หรอกครับ ผมสัมผัสไม่ได้ ผมแค่รู้สึกได้ตอนเห็นกิริยาท่าทางของคุณ ไม่ได้ดูจากรัศมีของคุณ ตอนนี้ร่างกายของคุณดูแข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก” จ้าวอู๋ฉีอธิบาย

เฉินผิงรู้สึกปลงตกเมื่อได้ยินที่เขาพูด ฉันคงเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกของตัวเองไม่ได้ ยิ่งระดับพลังสูงมากเท่าไหร่ร่างกายของฉันมีแต่จะแกร่งขึ้น ไม่มีทางเลยที่ฉันจะซ่อนท่าทางที่เปลี่ยนไปจากการเพิ่มระดับพลังและการเพิ่มประสิทธิภาพทางกาย

“ผมเพิ่มระดับได้เมื่อสองวันก่อน” เฉินผิงตอบพลางยิ้มน้อยๆ

“ยินดีด้วยครับคุณเฉิน ตอนนี้คุณขึ้นมาถึงระดับปรมาจารย์ผู้ฝึกยุทธ์แล้ว คุณไม่มีอะไรให้กลัวอีกแม้ว่าจะเจอคู่ต่อสู้ที่เป็นปรมาจารย์ผู้ฝึกยุทธ์ระดับห้าก็ตาม”

จ้าวอู๋ฉียินดีที่เฉินผิงเพิ่มระดับพลังได้

เขาไม่ได้รู้เลยว่าที่จริงเฉินผิงข้ามไปได้แล้วหลายระดับ ไม่ใช่แค่ขั้นเดียว

การที่ขึ้นเป็นปรมาจารย์ผู้ฝึกยุทธ์ ทำให้เฉินผิงคิดว่าเขาสามารถปราบปรมาจารย์ผู้ฝึกยุทธ์ระดับห้าได้ในหนึ่งกระบวนท่าและเอาชนะได้แม้แต่ปรมาจารย์ผู้ฝึกยุทธ์ระดับเจ็ด อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะชนะหรือไม่ถ้าต้องเจอกับคู่ต่อสู้ที่เป็นปรมาจารย์ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงสุด เพราะถึงระดับจะเพิ่มขึ้นแค่นิดเดียวก็ทำให้ฝีมือห่างกันมากโข

“จิงตูคือเมืองที่ยอดฝีมือมากมายเก็บงำเขี้ยวเล็บเอาไว้ พลังของผมยังไม่มีอะไรไปเทียบได้” เฉินผิงยอมรับ

เพราะเฉินผิงเริ่มต้นช้า เขาจึงถูกยกให้เป็นอัจฉริยะที่ขึ้นมาถึงระดับนี้ได้ภายในไม่กี่ปี แต่ที่จริงเขาทำได้เพราะอาศัยวิชาจิตตวิสุทธิ

พอนึกถึงจิตวิสุทธิ ภาพของชายคนหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวเฉินผิง ถึงแม้จะมองเห็นใบหน้าไม่ชัด ชายคนนั้นก็ปรากฏขึ้นในความทรงจำของเขาอยู่หลายต่อหลายครั้ง

เฉินผิงรู้ว่าชายคนนั้นคือพ่อของเขาที่ไม่เคยพบมาก่อน เขาสงสัยบ่อยครั้งว่าพ่อของตัวเองเป็นใครกันแน่

เขาต้องมีความสามารถแบบไหนกัน ถึงมีวิชาที่น่าทึ่งอย่างจิตตวิสุทธิและก่อตั้งองค์กรอย่างตำหนักมังกรฟ้าขึ้นมาได้?

“คุณเฉิน คุณเฉินครับ?”

เมื่อเห็นว่าเฉินผิงใจลอย จ้าวอู๋ฉีก็เรียกความสนใจของเขากลับมา

พอเขย่าเบาๆ เฉินผิงก็หลุดจากความคิดฟุ้งซ่าน “ครับ นายพลจ้าว? มีอะไรเหรอ?”

พอดูจากสีหน้าเฉินผิงก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่ผิดปกติ จ้าวอู๋ฉีจึงพูด “คุณเฉิน คุณชี่ฝากมาบอกเมื่อสองวันก่อนว่า ตระกูลวาตานาเบะจากต่าวกั๋วได้ส่งยอดฝีมือเข้าแทรกซึมประเทศของเราเพื่อตั้งใจจะสังหารคุณ แต่คุณชี่อยากให้คุณรู้ไว้ว่าเขาจะทำให้พวกมันหายไปถ้ากล้ามาเหยียบประเทศนี้”

“ครับ เข้าใจแล้ว” เฉินผิงพยักหน้า

เฉินผิงไม่กังขาในคำพูดของคุณชี่ เพราะเขาเห็นความสามารถขององค์กรนั้นและหัวหน้าซิงแล้ว พวกเขาไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าเฉินผิงเลย การที่หัวหน้าซิงเป็นเพียงลูกน้องระดับล่างบอกได้ว่าคุณชี่กับพวกระดับสูงในองค์กรนั้นน่ากลัวขนาดไหน

“ตามนั้นแหละครับ คุณชี่กำชับมาว่าไม่ควรให้คุณออกนอกประเทศ ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่อาจรับประกันความปลอดภัยของคุณ” จ้าวอู๋ฉีเสริม

เฉินผิงพยักหน้าเข้าใจ เวลาทุกวินาทีของเขามีค่า เขาควรใช้เวลาที่มีอยู่ไปฝึกวิชาเท่าที่จะทำได้ เพราะงั้นเขาคงไม่ออกนอกประเทศเป็นแน่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัตถ์เทวะราชันมังกร