หูปาฉีที่เดินนำหน้ารีบสั่งให้ศิษย์ตระกูลหูจุดคบไฟที่เตรียมเอาไว้แล้ว
แต่พอถึงตอนที่เขากำลังจะจุดคบไฟ เทียนหลายเล่มที่อยู่ทั้งสองด้านของอุโมงค์ก็เริ่มลุกไหม้
เกิดแสงสว่างจ้าขึ้นทั่วทั้งอุโมงค์อย่างฉับพลัน แต่ภาพของเทียนสองแถวที่ลุกไหม้จนเป็นสีแดงยิ่งขับให้ทุกอย่างดูน่าพิศวง
หลายคนจึงเริ่มตกใจเมื่อเห็นดังนั้น “ไม่ต้องตื่นตกใจไปครับ คุณกั๋ว” หูปาฉีปลอบขวัญ “อ็อกซิเจนไหลเข้ามาตอนที่เราเปิดสุสาน มันแค่ทำปฏิกิริยากับฟอสฟอรัสในอากาศจนเทียนไหม้”
กั๋วเว่ยพยักหน้าแล้วหันไปที่กลุ่มคนด้านหลัง “อย่าตื่นตกใจครับทุกคน ไปกันต่อ มีอันตรายอยู่ทุกที่ เพราะฉะนั้นโปรดระวังให้ดี!”
พอพูดดังนั้นกั๋วเว่ยก็มุ่งหน้าเข้าไปในสุสานพร้อมกับหูปาฉี ตอนนี้มีแสงไฟในสุสานแล้ว พวกเขาทุกคนจึงไปต่อได้อย่างไม่มีสะดุด
ผ่านไปเกินกว่าสิบนาที แต่พวกเขาก็ยังเดินเข้าไปในอุโมงค์ที่ดูเหมือนจะไม่สิ้นสุด เมื่อไม่เห็นว่าจะมีอันตรายใดๆ อยู่พักใหญ่ ความเครียดของทุกคนจึงลดลงทีละน้อยจนเริ่มพูดคุยกัน
เฉินผิงกับจ้าวฉวางอยู่รั้งท้าย แต่น่าแปลกที่สีหน้าของเฉินผิงเคร่งเครียด ไม่ดูผ่อนคลายเหมือนกับคนอื่น
“สุสานโบราณนี่ใหญ่จริง เฉินผิง เราเดินเข้ามาลึกแล้ว แต่ก็ยังไปไม่ถึงห้องใต้ดินสักที!” จ้าวฉวางตั้งข้อสังเกต
เฉินผิงขมวดคิ้วแล้วไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง “ยังมีโอกาสที่ตรงนี้อาจจะไม่ใช่สุสานโบราณ..”
“ไม่ใช่เหรอ?” จ้าวฉวางอุทานอย่างตกตะลึง “เฉินผิง คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าที่นี่คือสุสานจักรพรรดิ? มันจะเป็นอะไรไปได้อีกถ้าไม่ใช่สุสานโบราณ?”
“ผมก็ไม่แน่ใจ แต่ที่นี่ให้ความรู้สึกถึงอันตรายที่คืบคลานเข้ามา คุณระวังตัวไว้จะดีกว่า” เฉินผิงเตือน
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาสลัดความรู้สึกว่ามีภัยร้างที่แฝงกายอยู่ออกไปไม่ได้ จนเขาเผลอใช้จิตตวิสุทธิและแผ่พลังวิญญาณไปทั่วกายของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ
พอเห็นว่าร่างกายของเขาเตรียมพร้อมต่อสู้เต็มที่ เฉินผิงก็อดตะลึงไม่ได้
ฉันเคยผ่านอันตรายมามากในอดีต แต่ร่างกายของฉันไม่เคยมีปฏิกิริยาแบบนี้มาก่อน ทำไมถึงมาเป็นเอาตอนนี้? เกิดอะไรขึ้น?
เมื่อไม่มีคำตอบให้คำถามนั้น เฉินผิงจึงระแวดระวังรอบกายยิ่งกว่าเดิม
หลายนาทีผ่านไป ในที่สุดอุโมงค์ก็พาไปยังห้องโถงที่กว้างขวางหลายร้อยตารางเมตร ไม่ต้องบอกเลยว่าทุกคนยินดีขนาดไหน พอคิดว่าพวกเขามาถึงห้องใต้ดินที่เอาไว้เก็บสมบัติแล้ว
ครู่ต่อมาฝูงชนก็พากันแห่เข้าไปในสุสาน แต่กลับพบเพียงห้องว่างที่ไม่มีอะไรนอกจากม้านั่งหิน ไม่มีอย่างอื่นเลย ที่น่าฉงนที่สุดคือไม่มีกระทั่งโลงศพ
ถึงคราวนี้ทุกคนต่างมึนงง ถ้ากลายเป็นว่าพวกเขาเข้ามาในสุสานที่ว่างเปล่า ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาจะถูกหัวเราะเยาะ
“หูปาฉี เกิดอะไรขึ้นที่นี่? ไปตรวจดูให้ทั่ว!”
หูปาฉีพยักหน้าแล้วรีบพาศิษย์ตระกูลหูไปตรวจตราดูห้องใต้ดิน ในระหว่างที่คนอื่นๆ นั่งลงที่ม้านั่งหิน
พวกคนของตระกูลและสำนักต่างๆ ส่วนมากไปรวมตัวกันที่หลงเซียว ปล่อยให้เฉินผิงนั่งกับจ้าวฉวางและคนของแดนไร้เงาอีกสองคน
ในขณะเดียวกัน หนิงจื้อกับต่งเจียห่าวนั่งอยู่ที่อีกด้านพร้อมคนของพวกเขา เพราะไม่อยากคบค้าสมาคมกับใครก็ตามจากสมาพันธ์ศิลปะการต่อสู้
ตอนนั้นเอง หลงเซียวที่จำคำสั่งของหลงจิ้งกั๋วได้ก็เรียกหลงซิงซู “นี่ ซิงซู ฉันอยากให้นายไปหาเฉินผิงแล้วสั่งสอนเขาเสียหน่อย ไปหักขาของเขาทั้งสองข้างซะ”
พอได้ยินแบบนั้น หลงซิงซูก็หน้าซีด “คุณหลงเซียว ผะ ผมเกรงว่าผมจะสู้เฉินผิงไม่ได้”
ความจริงก็คือ ทันทีที่เฉินผิงมาถึงการประลอง หลงซิงซูก็คาดไว้แล้วว่าผู้พิทักษ์ทั้งห้าที่ หลงจิ้งกั๋วส่งไปคงตายหมดแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัตถ์เทวะราชันมังกร
ไม่เด็ดขาดสักที เวลาสู้กัน รอดตลอดทั้งที่พลังว่าแกร่งดาบก็เทพ แต่ฟาดออกไปไม่เด็ดขาดสักครั้ง...
น่าจะฝึกให้แกร่งขึ้นตั้งแต่แรกแล้วมาช่วยร่างน้ำแข็ง เอาแก่นมังกรให้ครบสองอัน น่าจะมีคนบอกวิธีการบำเพ็นเพรียรที่เก่ง เฉินเป่ยซานน่าจะช่วยได้อิอิ อ่อคนละเรื่อง...
ติดตามอ่านทุกวันเลย ขอบคุณที่อัพเดตให้ได้อ่านทุกวันนะครับ สนุกมากๆเลย แต่อยากให้อัพเดตเพิ่มขึ้นอีกนิดจะขอบคุณมากเลยครับ...
ยังไปได้อีกไกล ตอนนี้ยังเทียบได้แค่ฝุ่นในจักรวาล อยากอ่านต่อเร็วๆแล้วสิ...
เรื่องนี้มันมีหนังสือหรือป่าวอ่านแล้วรู้สึกว่านี้แค่เริ่มต้นเรื่องช่วงเก็บเกี่ยววิชาอยู่เลย...
สนุกและติ่นเต้นมากขึ้นๆทุกวันเลยครับ ขอบคุณที่คอยอัพเดตเนื้อหาให้ได้อ่านทุกวันครับ...
สนุกทุกตอนครับ...
รออ่านตอนต่อไป...
ขอบคุณมากครับที่คอยอัพเดตให้ได้อ่านทุๆวัน เป็นกำลังใจให้เสมอครับ...
รออ่านตอนต่อไปไม่ไหวแล้ว สนุกมากๆเลย ยิ่งอ่านยิ่งสนุกยิ่งตื่นเต้น...