หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ นิยาย บท 814

“ทาสคนนี้มาจากไหนกัน กล้าดีอย่างไรมาพูดจาไร้สาระ! โหลวจิ่นถังอายุเท่าใดเอง นางเป็นเด็กน้อยอายุ 7 ขวบจะเป็นหัวหน้าตระกูลได้อย่างไร!” ฮูหยินหลินไม่เชื่อแม้แต่น้อย และยังคิดว่าเป็นเรื่องน่าขันอีกด้วย

“โหลวจิ่นถังไม่เคยเรียนวิชากระบี่ นางจะไปเข้าใจอะไร!” ฮูหยินหลินตวาดเสียงดัง

เด็กรับใช้เดิมทีมาเพื่อรับเงินรางวัล แต่ตอนนี้กลับต้องคอตกอย่างน่าสงสาร “ทั้งใช่และไม่ใช่ ฮูหยินไปดูที่หน้าบ้านแล้วจะรู้เองขอรับ”

“โหลวซวี่เหยียนได้รับบาดเจ็บสาหัส ยังไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย”

ทันทีที่เขาพูดจบ เสียงฝีเท้าก็วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“ฮูหยินเจ้าคะ นายท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส กล้ามเนื้อและกระดูกแตกสลาย ท่านรีบไปดูเถิดเจ้าค่ะ” หัวหน้าสาวรับใช้ที่ยืนเฝ้าอยู่ลานด้านนอกรายงานทั้งน้ำตา

ฮูหยินหลินพลันตัวเซด้วยความไม่มั่นคง โชคดีที่สาวรับใช้ข้างๆ ประคองเอาไว้ได้ทัน

ใบหน้าของนางซีดขาวไร้สีเลือด

“ว่าอะไรนะ”

หัวหน้าสาวใช้พลางพูดอีกครั้งด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “เดิมทีนายท่านเป็นที่หนึ่งในสนามระดับสูงแล้ว ทว่าโหลวจิ่นถังกลับชนะและได้รับโอกาสท้าทาย สุดท้ายกระแทกนายท่านลงจากแท่นสูงด้วยกระบี่เพียงครั้งเดียว! พวกเราแพ้แล้วเจ้าค่ะ!”

“เชิญท่านหมอมาตรวจดูอาการแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่เจ้าค่ะ”

ฮูหยินหลินหมดเรี่ยวแรงในทันที นางรีบตรงไปที่ลานหน้าบ้านด้วยความตระหนกและหวาดกลัว

ในขณะที่ฮูหยินโหลวสติล่องลอยไปชั่วครู่หนึ่ง

“ถังเอ๋อร์กลายเป็นหัวหน้าครอบครัวอย่างนั้นหรือ”

เด็กรับใช้ยิ้มและพยักหน้า “ขอรับ เพลานี้แม่นางจิ่นถังถูกเชิญไปที่ศาลบรรพชนแล้ว”

“ฮูหยินไม่ต้องย้ายออกจากเรือนหลักแล้ว ที่นี่ยังเป็นของท่านขอรับ”

ฮูหยินโหลวจึงปล่อยโฮออกมาขณะที่ยังอุ้มหลานสาวไว้ในอ้อมแขน

บุตรสาววัย7ขวบของนางดูแลครอบครัวที่กำลังจะแตกสลาย

นางหันไปส่งหลานสาวให้กับสาวรับใช้ที่อยู่ด้านข้างพลางเช็ดน้ำตา “ข้าจะไปดูถังเอ๋อร์ที่ศาลบรรพชน ถังเอ๋อร์ยังเด็ก ข้าเกรงว่านางจะเสียเปรียบผู้อาวุโสเหล่านั้น”

โหลวจิ่นถังแทบจะกระโดดขึ้นด้วยความดีใจ

ลู่เจาเจาชื่นชมคนเก่งอยู่เสมอ

โดยเฉพาะศิษย์หญิงที่ขยันและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ

ตอนนี้มีผู้อาวุโสตระกูลโหลวทั้งหมดเจ็ดคนยืนอยู่ในศาลบรรพชนด้วยท่าทางสง่างาม

“จิ่นถัง สิ่งที่เจ้าเรียนรู้ไม่ใช่วิชากระบี่ของตระกูลโหลว?” ผู้อาวุโสที่เฝ้าสถานที่ต้องห้ามได้ยินข่าวจึงออกมา

โหลวจิ่นถังคุกเข่าในศาลบรรพชน และเผชิญหน้ากับบรรพบุรุษ “เจ้าค่ะ องค์หญิงเจาหยางเป็นคนสอนวิชากระบี่ให้กับถังเอ๋อร์ ทั้งหมดมีเก้ากระบวนท่า ตอนนี้ถังเอ๋อร์เรียนรู้ไปเพียงสี่กระบวนท่าเท่านั้น”

ผู้อาวุโสหลายคนต่างเห็นแววตาที่เคร่งขรึมในดวงตาของกันและกัน การเคลื่อนไหวเพียงสี่กระบวนท่าสามารถทำลายโหลวซวี่เหยียนได้

เห็นได้ว่าวิชากระบี่นี้แข็งแกร่งมากกว่าวิชากระบี่ของตระกูลโหลว

ผู้อาวุโสจึงหันไปถามลู่เจาเจาด้วยความสุภาพ “องค์หญิงเจาหยาง วิชากระบี่นี้มีชื่อหรือไม่”