"ช่วงปีใหม่มานี้เจ้าผอมลงมากเลย กินเนื้อเยอะ ๆ หน่อย" พอเห็นถูซินเยว่คีบเนื้อคืนมาให้ตัวเอง ซูจื่อหังก็คีบกลับไปให้อีกฝ่ายอีกหน
สายตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความรักใคร่ ในขณะที่พูดเขาก็ลูบหัวของถูซินเยว่ไปด้วย
บะหมี่ชามนี้ราคาแค่แปดอีแปะ เดิมทีในชามบะหมี่ก็มีเนื้อไม่มากนัก ตอนนี้ซูจื่อหังเอามาให้ตัวเองหมดแล้ว ตอนนี้ชามบะหมี่ของอีกฝ่ายดูไม่เหมือนบะหมี่เนื้ออีกแล้ว แต่เหมือนบะหมี่มังเจเสียมากกว่า
ซูจื่อหังเองก็เรียนหนักในสำนักบัณฑิตเหมือนกัน ปกติก็ไม่ค่อยได้กินเนื้อสักเท่าไหร่ ผู้ชายคนนี้มักคิดแต่จะเอาของดี ๆ ให้เธออยู่เสมอ แต่เขากลับไม่เหลืออะไรไว้ให้ตัวเองเลย
ถูซินเยว่กำลังจะคีบเนื้อกลับไปอีกหน แต่หลี่เม่าที่อยู่ข้าง ๆ ทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว
เขาเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า "พวกท่านสองผัวเมียหยุดให้กันไปให้กันมาได้แล้ว บะหมี่น้ำจะเย็นหมดอยู่แล้ว อาซ้อ ในเมื่อท่านพี่ซูเอาให้เนื้อท่าน ท่านก็กินเถอะ"
"นั่นสิ รีบกินซะเถอะ บะหมี่ผัดถ้าเย็นแล้วจะไม่อร่อยนะ" ซูจื่อหังพยักหน้าพลางพูด
ถูซินเยว่ไม่มีทางเลือกจึงต้องเก็บเนื้อซอยไว้ แต่ในใจของเธอกลับกำลังคิดว่าเดี๋ยวตอนเย็นกลับบ้านไปเธอจะต้องทำอาหารอร่อย ๆ ให้ซูจื่อหังแล้วล่ะ
จะว่าไป ปีที่แล้วนางหยูเป็นคนทำกับข้าวตลอด ต่อไปเธอต้องตั้งใจเรียนทำอาหารแล้ว แบบนี้เวลาท่านพี่กลับบ้านมาตัวเองจะได้ทำกับข้าวให้อีกฝ่ายกินได้
ถูซินเยว่คิดในใจอย่างมีความสุข
ในฤดูหนาวแบบนี้ได้กินบะหมี่น้ำร้อน ๆ สักชามเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก ในท้องก็เริ่มอุ่นขึ้น หลังจากถูซินเยว่กินผัดบะหมี่จนหมดชามแล้ว ซูจื่อหังก็สั่งซุปหม้อดินให้อีกฝ่ายเพิ่มแล้วใช้กล่องข้าวห่อไว้ เก็บไว้กินเล่นระหว่างทาง
"เถ้าแก่คิดเงินด้วย" สามคนวางชามและตะเกียบแล้วซูจื่อหังก็ส่งเสียงพูดขึ้นมา
ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะไม่ได้เสียงดังมากแต่ก็พูดจาฉะฉาน เถ้าแก่ขานรับแล้วก็รีบเดินออกมาทันที
"บะหมี่เนื้อซอยสองชาม 16 อีแปะ ผัดบะหมี่เนื้อซอยหนึ่งชาม 10 อีแปะและเพิ่มซุปหนึ่งชามสามอีแปะ รวมเป็นทั้งหมดยี่สิบเก้าอีแปะ" เถ้าแก่พูดด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเช้าหลังจากซื้อเสื้อผ้าให้ซูจื่อหังเสร็จยังมีเงินเหลืออยู่สามสิบอีแปะพอดี ถูซินเยว่เทเงินออกจากกระเป๋าเงินของเธอ จากนั้นหยิบออกไปหนึ่งอีแปะ แล้วชี้ไปที่ส่วนที่เหลือบอกกับเถ้าแก่ว่า "ลองนับดูก่อนนะ"
"ขอรับ" เถ้าแก่รีบพยักหน้ารับ พอนับเสร็จก็ยิ้มบอกว่า "ยี่สิบเก้าอีแปะไม่ขาดไม่เกิน ขอบคุณนายท่าน"
"ไม่เป็นไร ๆ" ถูซินเยว่ลุกขึ้นยืน
หลี่เม่ารีบพูดขึ้นว่า "จะให้พวกท่านจ่ายได้อย่างไร คราวก่อนที่อาซ้อช่วยข้าไว้ ข้ายังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณเลย มื้อนี้ให้ข้าเลี้ยงเถอะ"
"ไม่ต้องหรอก" ถูซินเยว่ส่ายหน้าพลางพูดว่า "เรื่องเมื่อคราวก่อนเจ้าไม่ต้องใส่ใจนักหรอก ที่ข้าไปช่วยเจ้าเพราะว่าเมื่อก่อนหัวหน้าหมูบ้านค่อยดูแลบ้านข้า เรื่องหลางฮุยหัวหน้าหมู่บ้านก็เป็นคนปิดข่าวให้ อีกอย่างคราวนี้เจ้าก็ให้เราติดเกวียนมาแถมจะรับกลับไปด้วยอีกไม่ใช่หรือไง?"
"นี่นับได้ที่ไหนกันล่ะ..." หลี่เม่าหน้าแดง คิดไม่ถึงว่าออกมากินข้าวข้างนอกยังต้องให้ท่านพี่ซูกับอาซ้อมาเลี้ยงอีก
"เอาล่ะ ซินเยว่บอกว่าไม่ต้องก็ไม่ต้อง เรากลับกันได้แล้ว ดูท่าทางเหมือนฝนจะตก" ซูจื่อหังตบไหล่อีกฝ่าย
สามคนเดินออกมาจากเพิง เป็นจริงอย่างว่าไม่รู้แสงแดดหายไปตั้งแต่ตอนไหน ทั้งที่เป็นตอนเที่ยงแท้ ๆ แต่ท้องฟ้ากลับมืดครื้มมาก ๆ
"ดูท่าเหมือนฝนจะตกแล้วจริง ๆ เรารีบกลับกันเถอะ เดี๋ยวตอนเย็นต้องไปเก็บอวนอีก" ถูซินเยว่นึกถึงตาข่ายดักกุ้งที่อยู่ในอ่างเก็บน้ำขึ้นมาได้ก็รีบพูดขึ้นมาอย่าร้อนใจ



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง
รออยู่นะคะ...
รอ.....,....
รอ.........
แอดจ๋า...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ น่าสนุกมาก😭😭😭...
กำลังสนุกเลย ช่วยมาเพิ่มตอนให้ทีนะคะแอดมิน...
สนุกดี ไม่อัพต่อแล้วหรอค่ะ...