นางยื่นมือออกมาคว้าไม้เท้าไว้ โดยไม่รอให้แม่เฒ่าตระกูลถูได้ทันตั้งตัว จากนั้นจึงออกแรงเหวี่ยงไม้เท้าไปด้านข้าง
แต่นึกไม่ถึงว่าแม่เฒ่าคนนี้กลับออกแรงจับไม้เท้าไว้แน่น
พอถูชิวหลานออกแรงเหวี่ยงไม้เท้าออกไป แม่เฒ่าก็กระเด็นตกร่องน้ำที่อยู่ด้านข้างลงไปทันที
"โอ๊ยย!" แม่เฒ่าถูตะโกนร้องขึ้นอย่างน่าเวทนา
นางหลินและถูซานที่ตามมาข้างหลังก็ตะลึงงันไปทันที ทำอะไรไม่ถูกยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อน จนกระทั่งเมื่อได้ยินเสียงเรียกของแม่เฒ่าจึงได้รีบวิ่งมาพยุงแม่เฒ่าตระกูลถูลุกขึ้นจากร่องน้ำ
ร่องน้ำร่องนี้เป็นร่องน้ำที่ใช้ระบายน้ำเสีย ดังนั้นจึงเต็มไปด้วยเศษอาหารบูดเน่าและดินโคลน ขณะที่แม่เฒ่าถูถูกดึงขึ้นมานั้น เสื้อผ้าที่เพิ่งจะเปลี่ยนใหม่ในวันนี้ก็เต็มไปด้วยเศษอาหาร ช่างน่าเวทนาอย่างยิ่ง
"นังลูกอตัญญู นังลูกอกตัญญูสมควรตาย!" แม่เฒ่าตระกูลถูที่ปกติเป็นคนรักความสะอาดอย่างมาก ผมเผ้าต้องหวีให้เรียบร้อยไม่เคยแตกเส้น ตอนนี้เมื่อได้กลิ่นเหม็นคละคลุ้งของตัวเอง ก็อยากจะฆ่าถูชิวหลานให้ตาย
แต่น่าเสียดาย เมื่อนางหลินพยุงนางขึ้นมาจากร่องน้ำแล้วนั้น ถูชิวหลานก็หายไปแล้ว
อีกฝ่ายวิ่งหนีไปตั้งนานแล้ว ทิ้งไว้แต่ไม้เท้าของแม่เฒ่าถูให้นอนเดียวดายอยู่บนพื้น
แม่เฒ่าถูโกรธจนแทบจะกระอักเลือด
ด้วยเหตุนี้ ผ่านไปกว่าครึ่งเดือนแล้วถูชิวหลานก็ยังไม่กลับบ้าน
แน่นอนว่านี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนี้
เมื่อเชิญคนตระกูลถูและตระกูลซูมารับประทานอาหารด้วยกัน ก็ถือว่าเป็นการขึ้นบ้านใหม่ที่เสร็จสมบูรณ์
ครั้งนี้ที่ซูจื่อหังและถูซินเยว่สร้างบ้านใหม่ ทัศนคติของแม่เฒ่าตระกูลซูและซูเฟิ่งอี๋ที่มีต่อซูจื่อหังก็เปลี่ยนไป
ในสายตาของพวกนาง ตอนนี้ซูจื่อหังก็คือคนหนึ่งที่จู่ ๆ ก็กลายเป็นเศรษฐี
ซูเฟิ่งอี๋ไม่ได้คิดอยากจะรังแกถูซินเยว่และนางหยูเพื่อแก้แค้นอีกต่อไป แต่กลับคิดว่าจะมาประจบประแจงเพื่อจะหาประโยชน์จากคนทั้งสองคนอย่างไรดี
เวลาผ่านไปครึ่งเดือน ในช่วงเวลาครึ่งเดือนนี้ก็ถือว่าเป็นช่วงที่คลื่นลมสงบ แม้ว่าจะสร้างบ้านใหม่ได้แล้ว แต่ถูซินเยว่และซูจื่อหังก็ยังคงขยันขันแข็งเหมือนเดิม พวกเขาไปเก็บตาข่ายดักปลาที่แม้น้ำทุกวัน
เดิมทีมีแค่อาซ้อของหยวนเป่าเท่านั้นที่ช่วยทำปลาอยู่ข้าง ๆ พอเวลาผ่านไปแรงงานคนไม่พอ แม้แต่หลิวชุนฮวากับอาซ้อต้าจู้ กระทั่งซูเฟิ่งอี๋ก็ยืนกรานรบเร้านางหยูอยากจะมาช่วยพวกเขาทำปลา
เพราะว่าการมาทำความสะอาดปลานั้นสามารถหาเงินได้
ผู้คนในหมู่บ้านก็รู้สึกอิจฉาตาร้อนที่เห็นพวกเขาจับปลาได้ แต่ทว่าประการที่หนึ่งคือพวกเขาไม่มีปัญญาทำตาข่ายดักกุ้ง ประการที่สองคือพวกเขาใช้ตาข่ายดักกุ้งไม่เป็น และประการที่สามคือพวกเขาไม่มีความรู้ในการทำปลาแห้งรมควันเลย ดังนั้นจึงได้แต่มองดูถูซินเยว่และซูจื่อหังหาเงินด้วยสายตาละห้อย
เมื่ออากาศเริ่มอุ่นขึ้น ก็ถึงเวลาที่ซูจื่อหังจะต้องกลับไปเรียนที่สำนักบัณฑิต
ต้องยอมรับว่าทั้งสองคนอาศัยอยู่ด้วยกันมาหลายเดือน ตอนนี้เมื่อจู่ ๆ ซูจื่อหังต้องจากไป ถูซินเยว่ก็รู้สึกไม่ชิน และรู้สึกอาวัยอาวรณ์อีกฝ่ายขึ้นมาเล็กน้อย
อาหารการกินที่สำนักบัณฑิตนั้นแย่มาก ถูซินเยว่กังวลว่าซูจื่อหังจะใช้ชีวิตลำบาก
ดีที่สองเดือนมานี้ เธอมักจะนำน้ำพุศักดิ์มาบำรุงให้กับซูจื่อหัง สุขภาพของซูจื่อหังก็แข็งแรงขึ้นทุกวัน แม้แต่สมองก็ยังเฉลียวฉลาดกว่าเดิม ถูซินเยว่เชื่อว่าสามีของตัวเองที่ฉลาดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จะต้องมีอนาคตไกลอย่างแน่นอน
ขณะที่ซูจื่อหังกำลังจะออกเดินทางไปสำนักบัณฑิตนั้น นางหยูก็ร้องไห้ออกมา เอามือเช็ดน้ำตาไปด้วยพลางพูดว่า "เมื่อก่อนตอนเจ้าไปเรียนหนังสือ แม่มักจะดีใจ แต่ครั้งนี้ไม่รู้เป็นเพราะอะไร"
ฉงเป่านั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ตัวเล็ก ๆ เคี้ยวมันเทศไปด้วย และมองดูพวกเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง เขาอาจเป็นคนเดียวที่นี่ที่หวังว่าซูจื่อหังจะจากไปอย่างรวดเร็ว
ซูจื่อหังอยู่ที่นี่ เขาไม่สามารถเข้าใกล้ถูซินเยว่ได้เลย พอคุยกับถูซินเยว่ได้ประโยคเดียวก็ต้องถูกชายหนุ่มกันตัวออกไป

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง
รออยู่นะคะ...
รอ.....,....
รอ.........
แอดจ๋า...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ น่าสนุกมาก😭😭😭...
กำลังสนุกเลย ช่วยมาเพิ่มตอนให้ทีนะคะแอดมิน...
สนุกดี ไม่อัพต่อแล้วหรอค่ะ...