ตอนที่คนเฝ้าประตูเรียกหนิงอวี้ออกมานั้น ถูซินเยว่ก็เรียกชื่ออีกฝ่ายมาแต่ไกล กลับเป็นหนิงอวี้ที่เห็นเธอแล้วอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นขมวดคิ้วถามขึ้นว่า "เจ้าคือ?"
สีหน้าของอีกฝ่ายดูมืดหมองยิ่งนัก เห็นได้ชัดว่าตอนนี้อารมณ์ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่
ถูซินเยว่ไม่อยากเสียเวลาจึงเปิดเผยตัวตนของตัวเอง "ข้าคือถูซินเยว่ เป็นเมียของซูจื่อหัง ที่มาหาเจ้าครั้งนี้ก็เพราะอยากจะขอร้องให้เจ้าช่วยตามหาท่านพี่ซูหน่อย"
หนิงอวี้เดิมทีก็ร้อนใจเรื่องซูจื่อหังอยู่แล้ว พอได้ยินคําพูดของถูซินเยว่ก็ตกใจทันที มองอีกฝ่ายอย่างสงสัยแล้วถามว่า "เจ้าคือเมียของจื่อหัง? ไม่ถูกนะ ข้าจําได้ว่าเคยเห็นเมียของจื่อหังมาก่อน นางรูปร่างอ้วนท้วมไม่เหมือนเจ้าเลยนี่นา"
เป็นเพราะถูซินเยว่ประสบความสําเร็จในการลดนํ้าหนัก ตอนนี้เธอจึงเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่มีเค้าโครงของหญิงอ้วนอัปลักษณ์คนเดิมหลงเหลือเลย มิน่าหนิงอวี้ถึงจําไม่ได้
ถูซินเยว่เองก็ขี้เกียจที่จะพัวพันกับเรื่องนี้จึงพูดตรง ๆ ว่า "ข้าลดนํ้าหนักน่ะ เจ้าช่วยข้าตามหาท่านพี่ซูหน่อย"
ขณะที่พูด หญิงสาวก็ยื่นมือไปดึงหนิงอวี้ลงมาจากบันได ทางด้านหนิงอวี้นั้นยังงุนงงอยู่ แต่เขาก็ยังจําเรื่องที่ซูจื่อหังถูกคนพาตัวไปได้จึงรีบพูดว่า "ได้ ๆ ๆ ข้าจะพาเจ้าไปเดี๋ยวนี้ เจ้าวางใจได้ ท่านเจ้าสำนักพอรู้ว่าจื่อหังถูกใต้เท้าชุยพาตัวไปก็ได้ไปเจรจาแล้ว ตอนนี้จื่อหังต้องอยู่ที่จวนตระกูลชุยแน่นอน ข้าจะพาพวกเจ้าไปเดี๋ยวนี้"
"ใต้เท้าชุย?"
"ก็คือพ่อบ้านของจวนนายอำเภอน่ะ" หนิงอวี้รีบอธิบาย
ถูซินเยว่กลับยิ้มเย็นแล้วพูดว่า "ถ้างั้น ก็หมายความว่าเป็นแค่สุนัขรับใช้ตัวหนึ่งก็เท่านั้น พ่อบ้านอะไรกันเล่า"
คําพูดของหญิงสาวถึงจะไม่น่าฟังแต่ก็สมเหตุสมผล หนิงอวี้ยืนอยู่ข้าง ๆ จึงได้แค่กระแอมไปทีหนึ่ง ไม่กล้าโต้แย้งอะไร จากนั้นก็รีบพาถูซินเยว่ไปหาซูจื่อหังทันที
ระหว่างทาง หนิงอวี้ก็ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ถูซินเยว่ฟังคร่าว ๆ
"ตอนนั้นพวกเรากําลังฝึกเขียนอักษรอยู่ จู่ ๆ คนกลุ่มนั้นก็บุกเข้ามา เนื่องจากพวกนั้นอ้างชื่อของใต้เท้าชุย ทุกคนเลยไม่กล้าเข้าไปห้าม หลังจากจื่อหังถูกคนพวกนั้นพาตัวไปอย่างอุกอาจแล้ว ท่านอาจารย์ที่สอนอยู่ก็รีบไปหาท่านเจ้าสำนัก โชคดีที่จื่อหังเป็นคนฉลาด ปกติก็ได้รับความเมตตาจากท่านเจ้าสำนักอยู่แล้ว หวังว่าเขาจะไม่เป็นอะไร"
พูดถึงตรงนี้ ที่จริงแล้วหนิงอวี้ก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย
เพราะยังไงซูจื่อหังก็ตกอยู่ในมือของคนตระกูลชุย และตระกูลชุยแต่ไหนแต่ไรมาก็ทำตัวอันธพาลเผด็จการมาโดยตลอด จนเป็นที่รู้ ๆ กันในเมืองชิงเฉิง
ถ้าถึงตอนนั้นใต้เท้าชุยไม่เห็นท่านเจ้าสำนักอยู่ในสายตาแล้วล่ะก็... ถุย ถุย ถุย! คิดอะไรเนี่ย คนดีอย่างจื่อหังสวรรค์ย่อมคุ้มครองอยู่แล้ว เขาต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน!
หนิงอวี้อดไม่ได้ที่จะตบหัวตัวเองไปทีหนึ่ง
พวกเขาเดินไปตามถนนอย่างรีบร้อน หลังจากเดินไปได้ระยะหนึ่ง หลี่เม่าก็วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนแล้วพูดด้วยสีหน้าตึงเครียดว่า "ข้าหาที่พักของหลางฮุยเจอแล้ว ก็คือจวนตระกูลชุยนี่แหละ เดี๋ยวพวกเราไปกันตอนนี้เลย"
"แล้วเกวียนวัวของเจ้าล่ะ?"
"จอดไว้ที่โรงเตี๊ยมเทียนเซียงน่ะ" หลี่เม่าพูดอย่างไม่ใส่ใจ
เมื่อพวกเขามาถึงนอกจวนตระกูลชุยและกําลังจะเข้าไปนั้น กลับถูกคนเฝ้าประตูขวางไว้ ถูซินเยว่ขมวดคิ้วพูด "แจ้งเจ้านายของพวกเจ้าซะ บอกว่าข้าเป็นศัตรูของหลางฮุย ให้เขาออกมาพบข้า"
พอถูซินเยว่พูดออกมาตรง ๆ แบบนี้ก็ทําให้คนเฝ้าประตูตกใจไม่น้อย หลางฮุยเป็นน้องชายของนายหญิงในจวนของพวกเขา ผู้หญิงคนนี้เอาแต่พูดว่านางเป็นศัตรูของหลางฮุย หรือว่าจะเป็นเพราะบาดหมางเรื่องรัก ๆ ไคร่ ๆ ?
ขณะที่กําลังคิดอยู่นั้น ถูซินเยว่ก็หมดความอดทนแล้ว เธอยื่นมือไปตบโต๊ะตรงหน้าคนเฝ้าประตูพลางขมวดคิ้วเอ่ยเสียงเย็นว่า "ข้าพูดกับเจ้าอยู่ ไม่ได้ยินหรือไงกัน? รีบไปเรียกหลางฮุยออกมาพบข้าเดี๋ยวนี้!"
เธอเป็นห่วงความปลอดภัยของซูจื่อหังเหลือเกิน ถ้าไม่ได้เห็นซูจื่อหังกับตาล่ะก็ ใจเธอก็ไม่อาจจะสงบลงได้เลย

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง
รออยู่นะคะ...
รอ.....,....
รอ.........
แอดจ๋า...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ น่าสนุกมาก😭😭😭...
กำลังสนุกเลย ช่วยมาเพิ่มตอนให้ทีนะคะแอดมิน...
สนุกดี ไม่อัพต่อแล้วหรอค่ะ...