เมื่อเห็นว่าถูซินเยว่พูดจาชัดถ้อยชัดคำ ความตกใจก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของนางหยู
เป็นเพราะเมื่อก่อนทุกคนต่างก็รู้ดีว่าถูซินเยว่เคยเป็นคนสติไม่ดีคนหนึ่งในหมู่บ้าน แต่ตอนนี้เมื่อเห็นนางกลายเป็นปกติแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่แปลกใจ
หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง รอยยิ้มที่จริงใจก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของนางหยู
ก่อนหน้านี้นางกังวลว่าถูซินเยว่เป็นคนสติไม่ดี หากแต่งงานกับจื่อหัง ด้วยสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวของนางคงดูแลถูซินเยว่ไม่ไหว
แต่ตอนนี้นางไม่ต้องกังวลเรื่องนี้แล้ว
“ดี ดีมาก ๆ” นางหยูจับมือถูซินเยว่แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ในที่สุดสวรรค์ก็มีตา จากนี้ไปครอบครัวของเราทั้งสามคนต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกันเพื่อให้มีชีวิตที่ดีขึ้น"
หลังจากฟังคำพูดของซูจื่อหังแล้ว นางหยูก็ไม่มีความหวังใด ๆ เกี่ยวกับแม่เฒ่าสกุลซูหลงเหลืออีกต่อไป
กลับรู้สึกโกรธอยู่ในใจด้วยซ้ำ ทั้ง ๆ ที่นางหยูอยู่ดูแลตระกูลซูมาครึ่งชีวิต ผู้ชายในตระกูลซูอ่อนแอ ไม่ว่าจะเป็นงานในไร่นา ดูแลปรนนิบัติแม่เฒ่า หุงหาอาหาร หรือซักเสื้อผ้า ไม่มีงานไหนเลยที่นางไม่ได้ทำด้วยตนเอง หลังจากดูแลพวกเขาอย่างขยันขันแข็งมาเป็นเวลานาน ไม่คาดคิดว่าในช่วงเวลาวิกฤติ พวกเขากลับยอมปล่อยให้นางตายเพียงเพราะเงิน นางหยูจะไม่รู้สึกเจ็บปวดได้อย่างไร
นางถอนหายใจและพูดอย่างจนใจ "การแยกครอบครัวครั้งนี้ ข้าได้แต่หวังว่าพ่อเจ้าที่อยู่ปรโลกจะไม่ตำหนิข้า"
“ท่านแม่วางใจเถอะ พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิด" ซู่จื่อหังพูดอย่างสงบ ไม่แสดงท่าทีใด ๆ
พูดให้ฟังดูดีหน่อยก็คือการแยกครอบครัว แต่ถ้าจะให้พูดตรง ๆ ก็คือพวกเขาถูกขับไล่ไสส่งออกมาจากตระกูลซู
ถูซินเยว่ดีใจมากที่เห็นว่านางหยูสามารถคิดได้เช่นนี้ ในตอนแรกเธอกลัวว่าเมื่อนางหยูตื่นขึ้นมานางจะรีบกลับไปรับใช้แม่เฒ่าตระกูลซูเพราะความกตัญญูที่โง่เขลาอีก
แม้จะดูเหมือนว่านางหยูเป็นคนใจดี แต่นางก็ไม่ใช่คนที่จะถูกรังแกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พวกเขาทั้งสองพูดคุยกันอยู่รอบเตียงกับนางหยูอยู่พักหนึ่ง ถูซินเยว่และซูจื่อหังต่างก็มีเหตุผลพอที่จะไม่เอ่ยถึงค่ายาของนางหยู มิฉะนั้นถ้านางหยูรู้เรื่องเข้าก็คงจะรู้สึกไม่สบายใจอย่างแน่นอน
“ท่านแม่ไม่ได้กินอะไรมานานแล้ว คงหิวแล้วใช่ไหม พอดีที่บ้านมีข้าวต้มอยู่ ข้าจะไปตักมาให้" เมื่อเห็นว่านางหยูลังเลที่จะพูดอะไร ถูซินเยว่ก็เดินออกไปเตรียมข้าวต้มให้นางหยูอย่างรู้งาน
“ซินเยว่ เจ้าระวังหน่อยนะ” นางหยูกำชับ จากนั้นก็เห็นหญิงสาวเปิดประตูและพาร่างอ้วนเดินออกจากห้องไป
ในห้องเหลือแม่เพียงสองแม่ลูก นางหยูมองไปรอบ ๆ และเห็นว่าผนังหลุดล่อน และแผ่นไม้ตามมุมห้องก็ชื้นแฉะ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
“เดิมทีที่นี่เป็นห้องที่ตระกูลซูใช้เก็บสิ่งของ แม้แต่ลูกพี่ลูกน้องของเจ้าก็ไม่อยากมาอยู่ ไม่คิดว่าย่าของเจ้าจะใจร้ายขนาดนี้" เมื่อครู่นางรู้สึกอายต่อหน้าถูซินเยว่ ในตอนนี้จึงยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตา
“ท่านแม่ อย่าเสียใจไปเลย เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อไปก็ใช้ชีวิตของเราก็พอ" ซู่จื่อหังกล่าวต่อว่า “ต่อไปลูกจะพยายามให้มาก จะประหยัดกินประหยัดใช้ที่สำนักบัณฑิต ข้าจะตั้งใจเรียนและสอบเป็นขุนนางให้ได้โดยเร็วที่สุด"
“จื่อหัง เจ้าเป็นคนมีความรับผิดชอบ แม่รู้สึกวางใจต่อเจ้าเสมอ” นางหยูมองออกไปข้างนอกและเห็นว่าถูซินเยว่ยังไม่ได้เข้ามา เธออดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า "เรื่องของหมิงซวน....วันนั้นป้าเจ้ากลับมาก็ไม่พูดอะไรสักคำ ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าสกุลถูหมายความว่าอย่างไรกันแน่ แม่ไม่อยากบังคับเจ้า หากเจ้าไม่ได้ชอบถูซินเยว่ก็...."
ด้านนอกประตู ถูซินเยว่บังเอิญได้ยินคำพูดเหล่านี้ขณะที่กำลังเดินถือชามข้าวไปที่ประตู เธอขยับริมฝีปากและมองดูอาหารในมือ หลังจากนั้นครู่หนึ่งเธอก็ตัดสินใจหันกลับเอาอาหารมาวางลงบนโต๊ะแล้วเดินออกไปนั่งข้างนอกบ้าน


 ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง
รออยู่นะคะ...
รอ.....,....
รอ.........
แอดจ๋า...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ น่าสนุกมาก😭😭😭...
กำลังสนุกเลย ช่วยมาเพิ่มตอนให้ทีนะคะแอดมิน...
สนุกดี ไม่อัพต่อแล้วหรอค่ะ...