ความทรงจำของเจ้าของร่างสับสนมาก ทำให้เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับตระกูลถูที่เธอจำได้ ไม่ได้มีความทรงจำที่พิเศษอะไรมากนัก
แต่ที่จดจำอยู่ในหัวของเธอได้อย่างไม่ลืมเลือนเลยก็คือ เรื่องที่วันนั้นตระกูลซูต้องการจะส่งตัวของเธอกลับไปยังตระกูลถู แต่แม่เฒ่าตระกูลถูไม่ยอมให้เธอเข้าไป แถมยังด่าทอเธออย่างรุนแรงอีกด้วย
ตอนนี้เธอก็อาศัยอยู่ที่ตระกูลซูมาได้หลายวันแล้ว แต่ทางตระกูลถูกลับไม่มีความเป็นห่วงเป็นใยใดๆ ขนาดแค่จะส่งคนมาดูว่าเธอเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่มี คิดแล้วก็น่าเศร้าใจจริงๆ
ถูซินเยว่ลอบมองไปที่ซูจื่อหังหนึ่งที คิดอยากที่จะถามเขาว่าพ่อแม่ของเจ้าของร่างเป็นคนนิสัยยังไง แต่คิดๆ ไป ซูจื่อหังเองก็คงจะไม่รู้เรื่องอะไร เธอจึงได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้กับตัวเองต่อ
เธอตักข้าวขึ้นมาคำหนึ่ง แล้วคีบเอาผัดมะระเข้าปาก ครู่เดียวรสชาติความขมประแล่มๆ ก็เริ่มแพร่กระจายอยู่ในปากของเธอ
ถูซินเยว่อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ซูจื่อหัง แล้วพูดออกมาด้วยความหงุดหงิดว่า "นี่ยังเรียกว่ากินข้าวเหรอเนี่ย ทรมานกันชัดๆ"
ซูจื่อหังเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ จากนั้นก็กล่าวว่า "เดี๋ยววันหลังเราค่อยออกไปดูกันว่ามีผักป่าชนิดอื่นอีกหรือไม่นะ"
"อืม" ถูซินเยว่พยักหน้าอย่างตกลง
เมื่อทั้งสองกินข้าวเสร็จ ถูซินเยว่ก็รับหน้าที่เอาจานชามไปล้าง ส่วนซูจื่อหังก็ไปเปลี่ยนยาให้กับนางหยู
เหนื่อยมาทั้งวัน ในที่สุดก็ได้นอนพักสักที ถูซินเยว่รีบสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม แล้วก็หลับตานอนลงอย่างพอใจ
ผ่านไปครู่เดียว เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของหญิงสาวก็ดังขึ้นมาเป็นระยะ
เมื่อซูจื่อหังเดินเข้ามา เห็นเขาเดินไปปูที่นอนตรงทางอีกฟากหนึ่ง นางหยูก็อดถามออกมาเสียงเบาไม่ได้ว่า "จื่อหัง เหตุใดจึงไม่นอนร่วมเตียงกับซินเยว่เล่า?"
ทั้งคู่ต่างก็เข้าพิธีแต่งงานกันแล้ว เหตุใดจึงยังนอนแยกเตียงกันอยู่อีก?
ซูจื่อหังนึกไม่ถึงว่านางหยูจะถามออกมาโต้งๆ เช่นนั้น เขากระแอมไอออกไปครั้งหนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองที่ถูซินเยว่อย่างไม่ได้ตั้งใจ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวหลับสนิทไปแล้ว และไม่ได้ยินสิ่งที่นางหยูกล่าว เขาก็ลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
"ท่านแม่ ท่านนอนเถิด"
ซูจื่อหังไม่รู้ว่าเขาควรจะตอบคำถามของนางหยูเช่นไร ไม่รอให้นางหยูได้เอ่ยสิ่งใดต่อ เขาก็รีบชิงดับไฟและปิดตาล้มตัวลงนอนก่อน
เดิมทีห้องนี้ก็เล็กอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อทั้งซูจื่อหังและถูซินเยว่ต่างก็นอนบนพื้นกันหมดแบบนี้ ห้องทั้งห้องก็เลยแทบไม่เหลือพื้นที่ให้เดินผ่านไปมาได้อีก
ท่ามกลางแสงไฟที่มืดสลัว นางหยูมองไปยังชายหญิงสองคนที่นอนหลับอยู่บนพื้นแล้วก็ได้แต่ลอบถอนหายใจ
ก็จริง ตอนนี้มีนางที่เป็นแม่นอนอยู่ด้วย ต่อให้ลูกชายนางกับซินเยว่จะนอนร่วมเตียงกันในตอนนี้ แล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นได้?
ความรู้สึกอ่อนล้าเอ่อขึ้นมาจนล้นอกของนางหยู ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตที่ลำบากยากเข็ญเช่นนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อไรกันแน่
แต่ซูจื่อหังกลับไม่ได้คิดมากมายเช่นนั้น
เดิมทีทั้งเขาและถูซินเยว่เองต่างก็ไม่ได้แต่งงานกันเพราะรักใคร่ชอบพอกันมาก่อน แล้วจะให้พวกเขามาเข้าหอกันตอนนี้ อย่าว่าแต่ซูจื่อหังทำไม่ได้เลย ถูซินเยว่เองก็จะต้องต่อต้านเป็นแน่
เขาหลับตาลง แล้วพยายามสลัดเรื่องนี้ออกไปจากหัว
เช้าตรู่วันต่อมา เนื่องจากได้รับบทเรียนจากเมื่อวานมาแล้ว ครั้งนี้เมื่อถูซินเยว่ตื่นขึ้น เธอจึงไม่ได้ออกไปวิ่ง แต่กลับเปลี่ยนมาขุดดินในมิติแทน
ขุดไปได้สักประมาณครึ่งชั่วโมง ได้ที่ว่างมาประมาณหนึ่ง ถูซินเยว่ที่กำลังเหนื่อยหอบ ตะโกนถามฉงเป่าออกไปด้วยเสียงอันดังว่า "ฉันขุดดินเสร็จแล้ว แล้วจะเอาเมล็ดพืชมาจากไหน?"
ฉงเป่าโผล่หัวเล็กๆ ขึ้นมาจากน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ แล้วใช้เขาบนหัวชี้ไปทางกระท่อมไม้หลังเล็ก แล้วกล่าวต่อว่า "มีเมล็ดพืชอยู่ในลิ้นชักกระท่อมไม้หลังนั้น"
ถูซินเยว่รีบลุกขึ้นมาดูอย่างรวดเร็ว รู้จักมิติแห่งน้ำพุศักดิ์สิทธิ์มาก็นาน แต่นางก็สนใจศึกษาแค่น้ำพุศักดิ์สิทธิ์อย่างเดียวเท่านั้น เลยไม่ทันสังเกตว่าในมิติแห่งนี้จะมีกระท่อมไม้อยู่ด้วย


 ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง
รออยู่นะคะ...
รอ.....,....
รอ.........
แอดจ๋า...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ น่าสนุกมาก😭😭😭...
กำลังสนุกเลย ช่วยมาเพิ่มตอนให้ทีนะคะแอดมิน...
สนุกดี ไม่อัพต่อแล้วหรอค่ะ...