เมื่อเห็นคนทั้งสองหนีไป ถูซินเยว่ซึ่งยืนอยู่ที่ประตูด้วยสีหน้าดุร้ายก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
เธอหันศีรษะและมองไปที่ซูจื่อหังและนางหยู กระพริบตาปริบ ๆ เลิกคิ้วแล้วพูดว่า "ข้าเก่งเปล่า?"
วินาทีที่แล้วยังดุร้ายราวกับปีศาจจากนรกอเวจี วินาทีต่อมากลับกลายเป็นหญิงสาวข้างบ้านที่น่ารักมีชีวิตชีวา
ซูจื่อหังพยักหน้า ในที่สุดก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ ยกนิ้วโป้งให้อีกฝ่าย
นางหยูรู้สึกหวาดกลัวกับความแข็งแกร่งของถูซินเยว่มากเสียจนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
นับตั้งแต่นางแต่งงานเข้ามาที่ตระกูลซู ไม่มีวันไหนที่เธอไม่ถูกพี่สามีคนนี้รังแก
อาจกล่าวได้ว่านางหยูมีความกลัวซูเฟิ่งอี๋อยู่ในจิตใต้สำนึกไปแล้ว
แต่คนที่เธอกลัวมากที่สุดกลับคุกเข่าลงและร้องขอความเมตตาจากถูซินเยว่
เมื่อนึกถึงท่าทางราวกับสุนัขจนตรอกของซูเฟิ่งอี๋นั้น นางหยูก็รู้สึกเหลือเชื่อ
ภรรยาที่กล้าหาญชาญชัยขนาดนี้ ขอมาเป็นสะใภ้ไม่รู้ว่าผิดหรือถูกกันแน่
ทันทีที่ความคิดนี้เข้ามาในหัว ถูซินเยว่ก็จับมือนางขึ้นมา ยิ้มแล้วพูดว่า "ได้รับบทเรียนวันนี้ไป ต่อไปต่อให้ข้าและท่านพี่ซูไม่อยู่บ้าน ท่านป้าตัวดีนั่นก็ไม่กล้ามารังแกท่านแม่แล้ว ข้ากับท่านพี่ซูก็จะได้วางใจ"
เธอและซูจื่อหังไม่สามารถอยู่บ้านได้ตลอดเวลา
อีกไม่กี่วัน ซูจื่อหังจะไปสำนักบัณฑิตในเมือง ส่วนตนก็ต้องออกไปหาเลี้ยงชีพ หาเงินมาดูแลครอบครัว
นางหยูกำลังพักฟื้นอยู่ที่บ้านคนเดียว หากวันนี้ไม่เกิดขึ้น ไม่แน่ว่าซูเฟิ่งอี๋อาจฉวยโอกาสเข้ามารังแกนางอีก
รอยยิ้มของถูซินเยว่นั้นจริงใจ และดวงตาเล็ก ๆ ของเธอก็สดใสราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า เป็นประกายระยิบระยับ
นางหยูมองดูเธอ ความกังวลทั้งหมดเมื่อครู่หายวับไป เกิดความรู้สึกผิดขึ้นในใจอย่างไม่มีเหตุผล นางพยักหน้าแล้วพูดว่า "ซินเยว่ ขอบใจเจ้ามาก"
นางรู้สึกซาบซึ้ง
ถูซินเยว่หัวเราะหึ ๆ สองทีแล้วพูดว่า "ท่านแม่ ท่านยังไม่ได้กินข้าวกลางวันใช่ไหม ข้าเอาของกินจากบ้านตระกูลถูมาฝากท่าน ข้ากับท่านพี่ซูก็ยังกินไม่อิ่มพอดี เรามาหุงข้าวกินข้าวกันเถอะ"
พูดจบ เธอก็นำหมูสามชั้นมัน ๆ ชามหนึ่งออกมาจากตะกร้าผัก
ทันทีที่นำชามหมูสามชั้นออกมา กลิ่นของเนื้อหมูก็อบอวลไปทั่วห้องทันที และแม้แต่นางหยูก็อดที่จะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ไม่ได้
หลังจากที่นางกลับมาจากบ้านของหมอหลี่ ก็เจอซูเฟิ่งอี๋กำลังก่อความวุ่นวายอยู่ที่นี่ ยังไม่ทันจะได้กินข้าวสักคำ นอกจากนี้ตระกูลซูยากจน เนื้อหมูสามชั้นเช่นนี้ ปกติจะซื้อมาก็ต่อเมื่อถึงช่วงเทศกาลเท่านั้น ทั้งยังไม่เคยตกมาถึงนาง
เมื่อเห็นอาการของนางหยูเช่นนี้ ถูซินเยว่ก็รีบวางเนื้อหมูสามชั้นไว้บนโต๊ะ แล้วจูงมือหนางหยูไปทำกับข้าว
ในทางกลับกัน ซูจื่อหังกลับจ้องมองไปที่ชามของหมูสามชั้นใบนั้น มุ่ยปาก หากเขาจำไม่ผิดหมูสามชั้นชามนี้น่าจะวางอยู่บนโต๊ะอาหารที่บ้านตระกูลถู นางเอามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ฉกลูกกวาดมาก็ว่าไปอย่าง นี่ถึงกับฉกหมูสามชั้นกันเลยทีเดียวหรือ......
ชายหนุ่มบีบขมับอย่างหัวจะปวด กำลังจะคว้าข้อมือของถูซินเยว่เอาไว้ พูดคุยโดยใช้เหตุผลกับเธอ คาดไม่ถึงว่าถูซินเยว่กลับลากนางหยูและเริ่มพูดเจื้อยแจ้ว
“พวกเราเอาเนื้อหมูป่าไป คนที่บ้านตระกูลถูดีใจ ยืนกรานให้ข้าเอาหมูสามชั้นชามนี้กลับมาให้ได้ ข้าปฏิเสธแล้วปฏิเสธอีกก็ไม่เป็นผล สุดท้ายคิดได้ว่าท่านแม่อยู่บ้านไม่มีของดี ๆ กิน ก็เลยไม่คัดค้านอีก รับเอามาไว้"
หญิงสาวทำหน้าจริงจัง ดวงตาไม่ขยับเลยสักนิดเวลาที่พูดโกหก
นางหยูพยักหน้าอย่างมีความสุขและกล่าวว่า "ซินเยว่ เจ้าช่างเป็นเด็กดีที่ซื่อสัตย์"
ซื่อสัตย์?

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง
รออยู่นะคะ...
รอ.....,....
รอ.........
แอดจ๋า...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ น่าสนุกมาก😭😭😭...
กำลังสนุกเลย ช่วยมาเพิ่มตอนให้ทีนะคะแอดมิน...
สนุกดี ไม่อัพต่อแล้วหรอค่ะ...