“เหลียงปิน!” ซูจื่อหังประหลาดใจมาก เพราะเขาไม่มีทางคิดได้ว่าคนที่ส่งคนมาทำร้ายเขาจะเป็นเหลียงปิน
เมื่อพูดถึงเหลียงปิน จริง ๆ แล้วทั้งสองก็ถือว่ามีความเกี่ยวดองกัน แต่ในเวลานี้เขากลับทำเรื่องนี้ได้ลงคอ ซูจื่อหังก็ไม่แปลกใจอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ใช้เวลาไม่นานเขาก็นึกขึ้นได้ว่าที่เหลียงปินส่งคนมาทำร้ายตนต้องเป็นเพราะที่ถูซินเยว่ทำร้ายเขาเมื่อครั้งก่อนแน่นอน ด้วยความเคียดแค้น จึงได้มาทำร้ายตนในวันนี้
เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ ซูจื่อหังก็รู้สึกรังเกียจอยู่ในใจ
หากอยากจะหาเรื่อง ก็ควรจะทำอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา แต่มาซ่อนตัวทำตัวเป็นหมาลอบกัดเช่นนี้มันช่างน่ารังเกียจจริง ๆ เขาอยากจะเดินเข้าไปหา แต่เหลียงปินชะงักไปเล็กน้อย รู้ว่าตัวเองทำผิดอะไรอยู่จึงหันหลังวิ่งหนีไปทันที
ซูจื่อหังขมวดคิ้วทันที ชายหนุ่มหมุนตัวหันกลับมามองไปที่จางซานที่อยู่ด้านหน้าและคนอื่น ๆ อีกสองคน
“พวกเจ้าไปซะ ครั้งหน้าหากยังมาหาเรื่องข้าอีก ข้าจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปอีกแน่" เหลือบมองพวกเขาหนึ่งที เนื่องจากซูจื่อหังต้องกลับไปเรียน จึงขี้เกียจจะเอาเรื่องเอาราวกับพวกเขา ดังนั้นจึงเก็บของของตัวเองและเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ
ทิ้งให้จางซานและอีกสองคนที่เหลือมองหน้ากันไปมา ใจหนึ่งก็รู้สึกขอบคุณที่ซูจื่อหังไม่ส่งพวกเขาไปเข้าคุก อีกใจหนึ่งก็โกรธแค้นเหลียงปินที่ไม่รู้จักบอกให้พวกเขารู้ล่วงหน้าว่าซูจื่อหังเก่งกาจขนาดนี้
แต่ในเรื่องนี้ จริง ๆ แล้วเหลียงปินถือว่าถูกใส่ร้าย เพราะเหลียงปินกับซูจื่อหังนั้นไม่ได้สนิทชิดเชื้อกัน ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สักนิดว่าซูจื่อหังจะเก่งกาจปานนี้
แต่ทว่า ตอนนี้สิ่งเหล่านี้มันไม่สำคัญอีกแล้ว เพราะจางซานและคนอื่น ๆ ต่างก็โทษว่าเป็นความผิดของเหลียงปินไปเรียบร้อยแล้ว
ซูจื่อหังนำภาพวาดกลับมายังที่พัก จางซานและพรรคพวกทำภาพวาดของเขาเสียหายไปไม่น้อย ซูจื่อหังขมวดคิ้ว นำภาพวาดที่เสียหายวางไว้ด้านหนึ่ง ส่วนตัวเองก็ไปตักน้ำมาหนึ่งกะละมังเพื่อมาล้างหน้า จากนั้นจึงไปยืมขี้ผึ้งจากหนิงอวี้มาทาลงบนบาดแผล
“เจ้าไปโดนอะไรมา ทำไมกลับมาถึงรอยฟกช้ำเต็มตัวแบบนี้ เจ้าไปต่อยตีกับใครมารึ?"
หนิงอวี้เห็นว่าหลังของซูจื่อหังเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ เขาจึงรีบเดินเข้าไปถามขึ้นด้วยความกังวล
ซูจื่อหังพยักหน้า ไม่ได้ตั้งใจที่จะปิดบังหนิงอวี้ ดังนั้นเขาจึงเล่าถึงสาเหตุของเรื่องทั้งหมดให้อีกฝ่ายฟัง
หลังจากที่หนิงอวี้ฟังเขาพูดจบ ก็โมโหขึ้นทันที พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า "เจ้าเหลียงปินคนนี้ มันไม่ใช่คนดีจริง ๆ ไม่รู้ว่าถูหมิงซวนไปหลงรักได้อย่างไร"
หลังจากพูดจบ หนิงอวี้ก็เห็นว่าซูจื่อหังทายาด้วยตนเองไม่ถนัด จึงคว้ายาไปจากมือของซูจื่อหัง ถึงแม้เขาจะเป็นคนซุ่มซ่าม แต่ตอนที่ทายาให้กับซูจื่อหังก็ระวังเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่าซูจื่อหังเอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา หนิงอวี้ก็อดถามขึ้นไม่ได้ว่า "อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันหยุด รอยฟกช้ำของเจ้าอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาครึ่งเดือนกว่าจะหาย ถึงตอนนั้นเจ้าจะบอกกับภรรยาเจ้าอย่างไร?"
นับตั้งแต่ได้พบกับถูซินเยว่เมื่อครั้งก่อน หนิงอวี้รู้สึกอย่างชัดเจนว่าภรรยาของซูจื่อหังคนนี้ถึงแม้หน้าตาจะไม่น่ามองเท่าไหร่ แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องรอง ถูซินเยว่ดีกับซูจื่อหังมาก ทั้งยังเป็นคนฉลาดมีเหตุมีผล ส่วนนี้หนิงอวี้คิดว่ามันสำคัญเหนือกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมด
“ไม่บอก” ซูจื่อหังส่ายหัวและพูดตรง ๆ
ประการแรก เขาไม่ต้องการให้ถูซินเยว่กังวลเกี่ยวกับตน เพราะอย่างไรแล้วเขาก็แก้ไขเรื่องนี้ได้ด้วยตนเองแล้ว ในตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บแค่ที่ผิวหนังด้านนอกเท่านั้น ประการที่สองถูซินเยว่เป็นคนอารมณ์ร้อน หากอีกฝ่ายรู้เรื่องนี้เข้า จะไม่สามารถระงับความโกรธได้เป็นแน่ ถึงตอนนั้นไม่แน่ว่าอาจจะตรงไปสั่งสอนเหลียงปินอีกก็เป็นไปได้
จากเหตุการณ์นี้ ซูจื่อหังเข้าใจแล้วว่าเหลียงปินนั้นเป็นคนหน้าเนื้อใจเสือ ไม่สามารถให้ถูซินเยว่ใช้ไม้แข็งกับคนแบบนี้ได้ มิเช่นนั้นต่อไปไม่รู้ว่าเขาจะใช้กลอุบายสกปรกอะไรมาเล่นงานถูซินเยว่อีก


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง
รออยู่นะคะ...
รอ.....,....
รอ.........
แอดจ๋า...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ น่าสนุกมาก😭😭😭...
กำลังสนุกเลย ช่วยมาเพิ่มตอนให้ทีนะคะแอดมิน...
สนุกดี ไม่อัพต่อแล้วหรอค่ะ...