เมื่อรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จ นางหยูก็คีบเนื้อไก่ให้ถูซินเยว่ หวังจะให้เธอกินเยอะ ๆ
“ซินเยว่ ช่วงนี้เจ้าไม่ต้องลดน้ำหนักแล้ว ดูเจ้าซิผอมลงไปขนาดนี้แล้ว กินเยอะ ๆ หน่อยจะได้บำรุง ๆ "
นางหยูกำชับอย่างเมตตา ในขณะที่พูดนางก็คีบเนื้อไก่ชิ้นหนึ่งใส่ลงในชามของถูซินเยว่
ถูซินเยว่ขานรับแห้ง ๆ "อืม" เมื่อรอนางหยูกินเสร็จ และเก็บถ้วยชามออกไป นางก็แอบคีบเนื้อไก่นั้นกลับไปคืนอย่างเงียบ ๆ
ซูจื่อหังเห็นท่าทางหลบ ๆ ซ่อน ๆ นั้นก็พูดขึ้นว่า "ท่านแม่คีบให้ เจ้าก็กินเถอะ"
“ท่านแม่เกือบจะเอาเนื้อไก่ทั้งชามมาให้ข้าอยู่แล้ว ถึงข้าจะอยากกิน แต่จะกินหมดได้ยังไง" ถูซินเยว่เหลือบมองชายตรงหน้าด้วยความขุ่นเคือง ถ้าไม่ใช่เพราะซูจื่อหัง เธอก็คงไม่ต้องมาทนทุกข์เช่นนี้ แต่ก็น่าเสียดายที่เธอไม่สามารถตำหนิซูจื่อหังออกมาตรง ๆ ได้
ดูเหมือนซูจื่อหังจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แต่ไม่ได้ตำหนิอะไรถูซินเยว่ แต่กลับก้มหน้าลงพยายามปกปิดอาการประหม่าของตัวเองไว้
หลังจากที่ทั้งสองกินข้าวเสร็จแล้ว ถูซินเยว่ก็เก็บจานชามออกไปนั่งที่หน้าประตูบ้าน ใช้กิ่งไม้วาดรูปอยู่บนพื้นดิน
อย่างที่ซูจื่อหังบอก ไม่มีใครจับปลาในอ่างเก็บน้ำได้ ดังนั้นปลาในอ่างเก็บน้ำจึงต้องอุดมสมบูรณ์มาก หากสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ดี ไม่แน่ว่าก็อาจจะทำเงินมหาศาลให้ครอบครัวก็เป็นได้
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ในชาติที่แล้วตอนที่ถูซินเยว่ไปปฏิบัติภารกิจ ตนเคยอาศัยอยู่ในหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ อยู่ระยะหนึ่ง จึงเคยเห็นเครื่องมือที่พวกเขาใช้จับปลา
อวนจับปลา ที่ดักกุ้ง เครื่องมือทำการประมงชั้นสูงพวกนี้ล้วนไม่มีอยู่ในสมัยโบราณ เธอจะสร้างเครื่องมือพวกนี้มาได้อย่างไรดี ถูซินเยว่รู้สึกกลัดกลุ้ม
ขณะนี้ ซูเฟิ่งอี๋กลับมาถึงบ้านด้วยความโกรธ ทันทีที่นางเข้าไปในบ้านก็โยนถังน้ำในมือลงอย่างไม่พอใจ
แม่เฒ่าตระกูลซูเห็นนางก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า "เจ้าเป็นอะไร ออกไปเก็บหอยมุก ทำไมถึงได้โมโหกลับมาเช่นนี้?"
หากไม่เอ่ยถึงนางก็ไม่คิดอะไร แต่พอเอ่ยขึ้นมาซูเฟิ่งอี๋ก็เดินไปหาแม่เฒ่าซูอย่างน้อยอกน้อยใจ เช็ดน้ำตาที่ไม่มีอยู่จริงบนใบหน้า จากนั้นก็กัดฟันพูดว่า "ท่านแม่ ถูซินเยว่นางร้ายกาจนัก เมื่อเช้านางออกไปเก็บหอยมุกที่ริมแม่น้ำจนหมด ถังใหญ่เบ้อเริ่มเชียว! ท่านคิดดูสิ ตอนที่ข้าไปเก็บก็เหลืออยู่ไม่กี่ตัวเท่านั้นเอง และที่น่าโมโหก็คือ ข้าให้นางแบ่งมาแสดงความกตัญญูต่อท่านแค่สองสามตัว นางกลับพูดจาด่าทอ มันน่าโมโหนัก!"
ซูเฟิ่งอี๋พูดอย่างจริงจัง เมื่อได้ยินเช่นนี้แม่เฒ่าแห่งตระกูลซูก็ขมวดคิ้วทันที จากนั้นลุกขึ้นยืนและพูดว่า "เจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าจะไปเอาหอยมุกกลับมา"
แม้ว่าตอนนี้จะแยกครอบครัวกันแล้ว แต่นางหยูก็ยังเป็นลูกสะใภ้ของนางอยู่ ซูจื่อหังก็ยังเป็นหลานของนาง มีสะใภ้และหลานชายที่อกตัญญูแบบนี้ที่ไหนกัน?"
ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา มีถูซินเยว่คอยควบคุมอยู่ นางหยูไม่เคยมาหาตนซักครั้ง นางได้กลิ่นเนื้อหอมฉุยโชยมาทุกวัน รู้สึกอยากจะลิ้มรสมานานแล้ว
ไม่รู้ว่านางหยูแอบซ่อนเงินไว้เท่าไหร่ หลังจากที่ถูกขับไล่ออกไปกลับอยู่ดีกินดีทุกวัน เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ แม่เฒ่าซูก็ยิ่งรู้สึกโมโห
นางมั่นใจว่านางหยูจะต้องแอบซ่อนเงินส่วนตัวไว้แน่ ๆ ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงอดตายกันไปนานแล้ว
แม่เฒ่าตระกูลซูโมโหมากจนถีบประตูบ้านเปิดออก
ถูซินเยว่กำลังนั่งวาดอะไรบางอย่างอยู่บนธรณีประตู ได้ยินเสียงเข้าก็ต้องตกใจจึงเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ก็เห็นว่าเป็นแม่เฒ่าแห่งตระกูลซูที่บุกเข้ามาราวกับวัวกระทิง หลังจากเดินไปมาอยู่หนึ่งรอบ ก็อุ้มถังที่ใส่หอยมุกอยู่เต็มแล้วเดินจากไป
"เจ้าทำอะไร?" ถูซินเยว่ลุกขึ้นยืนทันทีและขมวดคิ้วจ้องมองแม่เฒ่าซู
หญิงชราคนนี้ไม่ได้มาที่นี่หลายเดือนแล้ว พอมาถึงก็ไม่พูดไม่จากหอบข้าวของออกไปทันที คิดว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของตัวเองหรือไง?



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง
รออยู่นะคะ...
รอ.....,....
รอ.........
แอดจ๋า...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ น่าสนุกมาก😭😭😭...
กำลังสนุกเลย ช่วยมาเพิ่มตอนให้ทีนะคะแอดมิน...
สนุกดี ไม่อัพต่อแล้วหรอค่ะ...