เมื่อเห็นลูกชายและลูกสะใภ้กลับบ้าน ซูเฟิ่งอี๋ก็ดีใจเป็นอย่างมากจึงทำกับข้าวเพิ่มอีกสองอย่าง
ทางด้านนี้ ซูจื่อหังยกเนื้อไก่กลับมาบ้านใหม่ นางหยูเห็นเนื้อไก่นั้นยังเหมือนเดิมทุกประการก็ผงะแล้วถามอย่างกังวลว่า "เกิดอะไรขึ้น ไหนบอกให้เจ้าเอาเนื้อไก่นี้ไปให้ย่าเจ้าไม่ใช่หรือไงกัน?"
ซูจื่อหังแสยะยิ้มเย็นมุมปากแล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "พวกเขาดูถูกของพวกนี้น่ะ ช่างเถอะ เอากลับมาก็เอากลับมา"
เมื่อได้ยินดังนี้ นางหยูก็อดพูดไม่ได้ว่า "ได้ซะที่ไหนกันเล่า ปีใหม่ทั้งทีพวกเราจะไม่แสดงน้ำใจสักนิดเลยไม่ได้ เดี๋ยวแม่จะเอายกเนื้อไก่นี้ไปให้ย่าเจ้าแล้วกัน"
พูดไปก็จะเอื้อมไปคว้าชามเนื้อไก่จากมือของซูจื่อหัง
แต่ไม่คิดว่าซูจื่อหังกลับหลบนางหยู แล้ววางเนื้อไก่ลงบนโต๊ะ
"ไม่ต้องไปหรอก" เขาขมวดคิ้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "ท่านย่าไม่รับน้ำใจไว้หรอก เมื่อครู่ท่านยังบอกอยู่เลยว่าเนื้อไก่น้อยไปด้วยซ้ำ"
อีกอย่างตอนนี้พวกซูฟาเสียงก็กลับมาแล้ว ถ้านางหยูไปตอนนี้มิใช่ไปถูกคนรังเกียจเอาหรือ?
นางหยูได้ยินก็ก้มมองเนื้อไก่สองชามบนโต๊ะ
ไก่ตัวนี้เป็นพี่สะใภ้ของหยวนเป่าที่เอามาให้ตอนเช้า เป็นแม่ไก่แก่ที่เลี้ยงมาได้ปีหนึ่งแล้ว แม้ตัวจะไม่ใหญ่แต่ก็บำรุงได้เป็นอย่างมาก
นางหยูเก็บไว้ครึ่งหนึ่งและแบ่งอีกครึ่งหนึ่งให้ซูจื่อหังยกไปให้แม่เฒ่าตระกูลซู แต่ไม่คิดว่าพวกเขาจะดูถูกว่าเนื้อไก่น้อยไป
เดิมนางหยูยังอยากไปเอง แต่เมื่อได้ยินแบบนี้ก็ขมวดคิ้วแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ทันทีแล้วพูดอย่างเหนื่อยใจว่า "ช่างเถอะช่างเถอะ เก็บเนื้อไก่นี้ไว้ พอดีเลยเจ้าไปเรียนหนังสือก็เหนื่อย จะได้กินเนื้อไก่บำรุงร่างกาย"
พูดจบนางก็ตะโกนเรียก "ซินเยว่ ออกมากินข้าวได้แล้ว"
ถูซินเยว่กำลังใช้น้ำจากน้ำพุศักดิ์สิทธิ์เช็ดแผลอยู่ เมื่อได้ยินก็รีบขานรับ พอกำลังจะลุกจากเตียงซูจื่อหังก็เดินเข้ามาซะก่อน
ถูซินเยว่ยังไม่ทันแต่งตัวเรียบร้อยดีด้วยซ้ำ ผิวเกือบครึ่งหนึ่งเผยอยู่ข้างนอก เมื่อเห็นอีกฝ่ายก็ตกใจ พอกำลังจะดึงเสื้อกลับคืน ซูจื่อหังก็สาวเท้าเดินมาหยุดหน้าเธอแล้วถามอย่างร้อนใจว่า "ทำไมแกะผ้าพันแผลออกล่ะ ไม่สบายหรือ?"
"เปล่า" อีกฝ่ายดึงเสื้อผ้าไว้ทำเอาถูซินเยว่หน้าแดงไปหมด เธอรีบส่ายหัวแล้วพูดว่า "ข้าแค่รู้สึกคันเล็กน้อยน่ะ จึงถอดเสื้อออกเพื่อดูสักหน่อย ไม่คิดว่า..."
ไม่คิดว่านายจะเข้ามายังไงล่ะ เฮ้ย!
ก่อนเข้ามาทำไมไม่เคาะประตู!
เพราะอยู่ในห้อง ถูซินเยว่จึงใส่แค่เสื้อผ้าฝ้ายบางๆตัวเดียวเท่านั้น เมื่อถอดแขนเสื้อข้างหนึ่งออกไปก็เผยให้เห็นเสื้อบังทรงสีแดง ตอนนี้ถูซินเยว่แทบอยากจะหารูมุดลงไป
แต่ในเวลาแบบนี้ซูจื่อหังกลับซื่อบื้อซะงั้น เขาเอาแต่เป็นห่วงบาดแผลของเธอจนไม่ทันสังเกตเรื่องพวกนี้ พลางยกแขนเธอขึ้นมาตรวจดูบาดแผลอย่างละเอียดและพูดขึ้นว่า "ข้าดูสิว่าเป็นหนองหรือเปล่า"
ถึงหมอหลี่จะเคยบอกว่าอากาศแบบนี้ไม่น่าจะเป็นหนองได้
แต่ในเมื่อซินเยว่รู้สึกไม่สบาย ซูจื่อหังจึงไม่กล้าที่จะละเลย
พอมองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นมีความผิดปกติใด ๆ ซูจื่อหังเงยหน้ากำลังจะบอกกับถูซินเยว่ว่าไม่มีปัญหา ก็ไปเห็นก้อนเนื้อขาว ๆ ผ่านช่องของเสื้อบังทรงซะก่อน
ผู้ชายอย่างเขาเคยเห็นภาพแบบนี้มาก่อนซะที่ไหนกันล่ะ หน้าเขาแดงก่ำทันที
เขาเงยหน้ามองถูซินเยว่อย่างเลิ่กลั่กกลัวถูกจับได้ แต่เมื่อเห็นถูซินเยว่เงยหน้ามองเพดานเหมือนไม่ทันสังเกตถึงค่อยโล่งอก แล้วรีบดึงเสื้อผ้าฝ้ายของถูซินเยว่ขึ้นมา
เมื่อในใจเกิดความประหม่า การกระทำของซูจื่อหังก็พลอยเงอะงะไปด้วย
พอดึงเสื้อผ้าฝ้ายกลับขึ้นมาได้เขาถึงค่อยโล่งอกหน่อย เขากระแอมไปทีหนึ่งแล้วกล่าวว่า "ข้าวเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ออกมากินมื้อส่งท้ายปีเก่ากัน"
นี่เป็นมื้อส่งท้ายปีเก่ามื้อแรกตั้งแต่ถูซินเยว่แต่งงานกับเขา
ยังดีที่มันไม่ได้แย่มากนัก


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง
รออยู่นะคะ...
รอ.....,....
รอ.........
แอดจ๋า...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ น่าสนุกมาก😭😭😭...
กำลังสนุกเลย ช่วยมาเพิ่มตอนให้ทีนะคะแอดมิน...
สนุกดี ไม่อัพต่อแล้วหรอค่ะ...