ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 1102

สรุปบท บทที่ 1102 รวมหัวผู้เฒ่า: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

อ่านสรุป บทที่ 1102 รวมหัวผู้เฒ่า จาก ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ โดย Light-Knight

บทที่ บทที่ 1102 รวมหัวผู้เฒ่า คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายใช้ชีวิต ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Light-Knight อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

เหนือขึ้นไปจากหุบเขาตรงบริเวณหัวเขา ท่านจ้าวกับคนทั้งกลุ่มยืนอยู่ที่นั่น

ถ้าเย่เทียนมองเห็นคงต้องตะโกนทักทาย คนทั้งกลุ่มนั้นจะมีปรมาจารย์ไร้เจตสิกกับนักพรตเต๋าชิงเฟิง!

แต่บรรดาเจ้าสำนักที่เป็นปูชนียบุคคลที่น่าเคารพนับถือในใจของเย่เทียนเหล่านี้ตอนนี้กลับกำลังวิจารณ์นินทาเขาอยู่

“ดูท่าผู้นำของพวกเรานี้มีความก้าวหน้าในช่วงนี้ขึ้นไปได้ไม่น้อยเลยนะ!” นักพรตเต๋าชิงเฟิงวางมาดเหนือชั้น มือไพล่หลังข้างหนึ่ง สะพายกระบี่ยาวพาดหลัง ดูบุคลิกสมสง่าไม่เบา

“กระบวนท่าฝ่ามือจ้งเหินไป่เหอนี้เป็นหนึ่งในเจ็ดกระบวนฝีมือระดับสุดยอด ที่ไม่เห็นมีใครฝึกได้มานานปีแล้ว ผู้นำของพวกเราคนนี้มีคุณลักษณ์พิเศษระดับฟ้าบันดาลจริง ๆ มีความสามารถใช้เวลาอันสั้นฝึกวิชากระบวนหมัดนี้ได้อย่างคล่องแคล่วใช้ได้ดั่งใจ ช่างยากแท้ ช่างหาได้ยากแท้จริง ๆ !”

ทุกคนในกลุ่มผงกหัวพยักหน้า แต่บนใบหน้าแต่ละคนเป็นรอยยิ้มที่แฝงด้วยเลศนัย

ถึงยังไงก็ยังมีเจ้าสำนักแห่งสำนักหมอเทพยังพอมีน้ำใจ มองดูเย่เทียนที่ยืนหยัดสู้อย่างยากลำบากก็ได้พูดออกมาว่า “เท่าที่พวกเราดูกันเป็นไง?พลังฝีมือไอ้เจ้าปีศาจเลือดตัวนี้เหนือความคาดหมายพวกเรามาก ท่านผู้นำคงไม่เป็นไรมั้ง!”

“วางใจได้ ข้าได้วางแผนเตรียมพร้อมไว้แล้ว ของที่ท่านให้ข้านั้นได้ถูกข้าแอบฝังใส่เข้าไว้ในตัวของท่านผู้นำอย่างไม่รู้ตัวแล้ว ดูตามสภาพการณ์แล้วน่าจะใกล้เปิดแล้ว” ท่านจ้าวพูดอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ

“ท่านก็อย่าได้พูดอะไรมากไป ความรู้สึกที่ได้ตบผู้นำเล่นมันช่างสะใจดีแท้!” ท่านจ้าวพูดสรุปตบท้ายไป ก็ด้วยเย่เทียนไม่ได้อยู่ด้วย มิฉะนั้นคงต้องเล่นงานเขาอย่างเอาเป็นเอาตายแน่!

ปรมาจารย์ไร้เจตสิกมองหน้าเจ้าสำนักแห่งสำนักหมอเทพ “อมิตตาพุทธ ที่พวกเรามาในครั้งนี้มีเรื่องใหญ่ที่ต้องทำ เรื่องทางด้านของท่านผู้นำคงไม่ใช่เรื่องที่พวกเราต้องใส่ใจ ต้องเรื่องเกี่ยวกับพวกนักรบกองกำลังครูเสดนั้นสิที่ต้องปวดหัว!” “หลายปีมานี้ข้าคอยจับตามองพฤติกรรมของพระสันตะปาปาท่านนี้อยู่ แต่ข้าก็มองเขาไม่ออก!” ท่านจ้าวขมวดคิ้ว มองไปทางด้านหลังของหุบเขาแล้วส่ายหน้า

ท่านจ้าวเป็นผู้ที่ไม่มีใครที่จะรู้จักใครต่อใครได้ชัดเจนกว่าเขาอีกแล้ว พอได้ยินท่านจ้าวพูดมาแบบนี้ พวกกลุ่มปรมาจารย์ไร้เจตสิกต่างก็มีสีหน้าหนักใจ “ดูท่าครั้งนี้ต้องเกิดเรื่องใหญ่เป็นแน่!”

ท่านจ้าวเก็บหน้าทะเล้นขึ้นอย่างที่ไม่ค่อยจะได้เห็น “เหตุการณ์ครั้งนี้จะแปรสภาพในรูปไหนคงต้องรอผู้นำหนุ่มน้อยของพวกเราท่านนี้แล้ว”

“พูดอย่างนี้หมายถึงยังไง?” ทั้งหมดพอได้ยินที่พูดก็ต่างหันมองไปยังตัวเขา

“ท่านผู้นำมีปัญญาหลักแหลมอย่างเหนือชั้น และดูมีศักดิ์ศรีบารมีกับตัว ที่พระสันตะปาปาคิดอยากทำนั้นไม่พ้นจากความใคร่อยากแข่งบารมีลิขิตฟ้า อยู่รับบุญควันธูปที่มนุษย์เดินดินบูชาให้มากแล้ว เลยคิดอยากจะใหญ่ให้ยิ่งขึ้นไปอีก!”

ท่านจ้าวสะบัดฮึออกจมูกเบา ๆ “หนังสือเล่มที่ว่านั้นถึงข้ายังไม่เคยเห็น แต่คงไม่แคล้วเป็นเรื่องเกี่ยวกับชะตาลิขิต แต่ทว่าเรื่องชะตาลิขิตนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่จะมาแก่งแย่งกันได้เลยนะ ไอ้แก่นั่นมันคงจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว!”

พวกกลุ่มปรมาจารย์ไร้เจตสิกก็ไม่ได้ต่อความใด ๆ ได้แต่ต่างคนต่างมองหน้ากัน “หวังว่าเป็นแค่นั้น!”

“หึ ๆ พวกท่านก็อย่ามัวทำหน้านิ่วคิ้วขมวดกันอยู่เลย ผู้นำของพวกเราคนนี้ไม่ธรรมดา!” ท่านจ้าวพูดจบก็หัวเราะทำเชิดคางมองไปที่เย่เทียน

ฝ่ายตัวเย่เทียนไม่เคยคิดรู้สึกถึงว่าการสู้ศึกจะมีเหตุการณ์ยากลำบากขนาดนี้ ร่างกายของเขาตอนนี้ดูเชื่องช้าลง ไม่ใช่ถูกพิษหรือเป็นอะไร แต่เป็นความเหนื่อยล้ามาก!

ด้วยมาตรฐานร่างกายของเย่เทียนยังรู้สึกถึงกับเหนื่อยล้า จะเห็นได้ถึงความยากลำบากของการสู้ศึกในครั้งนี้

เย่เทียนในสภาพที่ล้าสุดฤทธิ์แล้วนั้น ลอยกระเด็นออกไปด้วยการโดนกระแทกเข้าอย่างเต็มแรง ตกลงบนพื้นอย่างหนักหน่วง

ดีอที่เขามีร่างกายที่พิสดารอยู่ มิฉะนั้นด้วยร่างกายคนธรรมดาที่ตกกระแทกพื้นด้วยความแรงเร็วขนาดนี้คงต้องช้ำในหนัก!แต่เย่เทียนในตอนนี้กลับมีสีหน้าเรียบสงบเหมือนเดิม ถึงแม้ในความรู้สึกของเขาจะกำลังคิดถึงว่าตัวเองจะต้องเป็นอะไรไป

หรือต้องตายแล้ว?

เย่เทียนพูดประชดด้วยเสียงหัวเราะอยู่ในใจ แต่แล้วก็ต้องส่ายหน้า ให้ตายสิ ญาณทิพย์คงจะใช้มากไม่ได้จริง ๆ มิฉะนั้นเราทำไมถึงได้จิตใจฟุ้งซ่านอะไรรุนแรงไปขนาดนั้น!

ในทันใดนั้น สีหน้าเย่เทียนเปลี่ยนไปวูบหนึ่ง รู้สึกเหมือนข้างในตัวของเขามีอะไรซ่อนตัวอยู่ มาถึงเวลานี้ที่ทุกอย่างกำลังจะหมดสภาพถึงได้ฮึดฮัดอะไรขึ้นมา

การเต้นอย่างเป็นจังหวะไม่เป็นที่สังเกตได้ในตอนต้น แต่พอทุกจุดสำคัญในตัวเริ่มมีการเต้นเป็นจังหวะลักษณะเฉพาะตัวแบบนี้มา นัยน์ตาของเย่เทียนเบิ่งโตขึ้นอย่างไม่รู้ตัวในทันที ตามด้วยการสูดหายใจเอาลมเยือก ๆ เข้าไป “ไอ้หนูที่น่ารัก เอางั้นเลยหรือ?”

ถ้าสามารถมองเห็นภาพข้างในของตัวของเย่เทียนได้ก็จะเห็นตัวพลังที่เต้นอย่างเป็นจังหวะนั้นมันกำลังปฏิบัติการเหมือนการฝังเข็ม ในการเต้นอย่างเป็นจังหวะด้วยความถี่ที่สูงมากนั้น เส้นประสาทเดิมที่แห้งเหี่ยวนั้นมีพลังปราณจำนวนมากอัดเข้าไปในฉับพลันนั้น ถึงแม้จะเป็นการทำให้เส้นประสาทของเขาจะมีการเสียหายในระดับหนึ่ง แต่ในสถานการณ์วิกฤติในช่วงสู้ศึกนี้จะไปใส่ใจในเรื่องนี้มากได้ยังไง?

มองดูปีศาจเลือดกระโดดลอยตัวขึ้น เงื้อกระบี่ขึ้นสูงแล้วแทงใส่ลงมา ท่าทางมุ่งหมายจะฆ่าเขาให้จบเกม เย่เทียนหัวเราะ หัวเราะอย่างชื่นบาน

ปีศาจเลือดไม่เข้าใจว่าไอ้หมอนี่มันหัวเราะทำไม เขารู้สึกแต่ว่าการหัวเราะของเย่เทียนนี้ทำให้เขาเสียความรู้สึกมาก ยิ่งทำให้เขาอยาขจัดมันทิ้งไปเสียอย่างไม่มีอะไรต้องสนใจ!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่