พอเห็นเหลียงเยว่หรูชักมือกลับอย่างเด็ดขาด ส้งเหว่ยหยุนแสดงแววตาที่โมโหออกมา
แต่เขาก็ปิดบังสีหน้านั้นไว้ทันที กลับมามีใบหน้าที่ยิ้มแย้มเหมือนเดิม ราวกับเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น
การเป็นเจ้าสำนักรุ่นเยาว์ของสำนักหมื่นลี้ การเอาระฆังราชาสะกดออกมาในครั้งนี้ถือว่าอันตรายมาก แต่เขาก็เตรียมการไว้อย่างดีแล้ว ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร เขาก็มีความมั่นใจมากพอที่จะเอาระฆังราชาสะกดกลับมาได้อย่างปลอดภัย
อ๋อ จริงด้วย ยังต้องฆ่าล้างบริษัทแซ่เฉินอีก
บางทีในสายตาของคนทั่วไปองค์กรที่ยิ่งใหญ่อย่างบริษัทแซ่เฉินอาจเป็นตัวตนที่ยากจะเอื้อมถึง แต่ในสายตาของส้งเหว่ยหยุน มันก็เป็นได้แค่มดปลวกเท่านั้น
บริษัทบนโลกนี้มีเป็นพันเป็นหมื่น แต่ตระกูลในโลกบู๊นั้นมีอยู่แค่น้อยนิดเท่านั้น!
ว่ากันตามตรงยังไงคนที่กำปั้นใหญ่ถึงจะเป็นฝ่ายถูก!
“ต้องโทษตระกูลสวีที่พึ่งพาสำนักตงหัว ยังจัดการบริษัทแซ่เฉินที่เล็กจ้อยไม่ได้!” ส้งเหว่ยหยุนเอาความโกรธไปลงที่ตระกูลสวี
เหลียงเยว่หรูแสดงแววตาที่ซับซ้อนออกมา
จะว่าไปเธอกับเฉินหวั่นชิงก็เป็นเพื่อนรักกัน แต่พอนึกถึงเย่เทียนหัวใจของเธอก็เจ็บปวดขึ้นมา
“ทั้งๆ ที่คุณได้มาแล้วกลับไม่เห็นค่า ถ้าอย่างนั้นก็พังทลายไปซะ!”
หลังจากที่เหลือบมองส้งเหว่ยหยุนไปทีหนึ่ง หัวใจของเหลียงเยว่หรูก็แน่วแน่ขึ้นไปอีก ทันทีที่บริษัทแซ่เฉินถูกทำลาย มันก็คือเวลาที่เธอจะไปหาเย่เทียนที่อีกโลกแล้ว
เหลียงเยว่หรูกำกระเป๋าแน่นอย่างไม่รู้ตัว ยาพิษนั่นเธอได้มันมาอย่างยากลำบาก ถ้ากินเข้าไปก็ไม่มีวิธีอะไรที่จะสามารถรักษาได้ บ่งบอกว่าเธอได้เตรียมใจมามากขนาดไหน
ความรักนั้นเป็นสิ่งมายา มันสามารถทำให้คนเราเกิดความบ้าคลั่งได้ ยกตัวอย่างเช่นเหลียงเยว่หรู
พอเย่เทียนได้รู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังตระกูลสวีก็คือเหลียงเยว่หรู เขาก็คาดการไว้อยู่แล้ว แต่เขานึกไม่ถึงว่าหญิงสาวผู้ดีที่สูงส่งในสายตาของคนทั่วไปจะยอมเปลี่ยนไปเพื่อเขาขนาดนี้
ตอนนี้เย่เทียนกำลังนั่งอย่างสบายใจอยู่ตรงหน้าฮั่วเจิ้นเทียน และมองเขาด้วยสีหน้าที่ขบขัน
ฮั่วเจิ้นเทียนรู้สึกโมโหเล็กน้อย “เย่ซา ผมรู้ว่าฝีมือของคุณนั้นสูงส่ง แต่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะสามารถ เข้ามายุ่งได้ ครั้งนี้เหล่าหัวกะทิของแก๊งมังกรรอยัลต่างก็ออกโรง ตระกูลหลี่ก็ส่งยอดฝีมือมาด้วยเหมือนกัน ถึงตอนนั้นใครก็ช่วยคุณไม่ได้แล้ว”
“ผมว่าคุณแค่กำลังให้ข้อมูลปลอมๆ กับผมอยู่ ว่ามา คิดอะไรอยู่?” เย่เทียนลูบคางของตัวเอง แล้วมองฮั่วเจิ้นเทียนอย่างประหลาดใจ
ฮั่วเจิ้นเทียนเงียบไปพักหนึ่ง “ผมอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงไม่ฆ่าผม?”
“อาจจะเป็นเพราะไม่ถนัดก็ได้มั้ง?” เย่เทียนตอบส่งๆ จากนั้นก็หยิบแอปเปิลตรงหน้าขึ้นมากัด
ฮั่วเจิ้นเทียนนวดๆ ขมับ “คุณน่าจะรู้ว่าเมืองเอกคิดยังไงกับตระกูลสวีรวมถึงตระกูลเฉินด้วย ทางที่ดีเรื่องคุณอย่าเข้ามายุ่งจะดีกว่า”
“ถ้าผมจะยุ่งให้ได้ล่ะ?” เย่เทียนจ้องเข้าไปในตาของ ฮั่วเจิ้นเทียนแล้วถามไป
“เฮ้อ!” ฮั่วเจิ้นเทียนส่ายหน้าแล้วแสดงแววตาที่หวาดกลัวออกมา “ถ้าไม่เคยเจอคุณก็ไม่มีทางเข้าใจความน่ากลัวของสาวกแห่งยมบาลหรอก ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะยกบริษัทแซ่เฉินให้เขาทั้งหมดเลย!”
“แสดงว่าคุณคุกเข่านานเกินไปจนลุกไม่ขึ้น ความสามารถทั้งชีวิตก็มิอาจบรรลุได้!” เย่เทียนเบะปาก แล้วมองเขาด้วยสายตาที่ดูแคลน
“เอาล่ะ รีบหาที่ให้ผมเดี๋ยวนี้ ขาดบ้านผมไป ทำให้ผมไม่มีที่ให้กลับ โลกนี้มันไม่มีเรื่องแบบนี้หรอกนะ!”
เย่เทียนไม่มีทีท่าว่าจะจากไป ทำให้ฮั่วเจิ้นเทียนเข้าใจจุดประสงค์ของเย่เทียนขึ้นมาทันที
“ทูตแห่งยมบาลไม่มีทางหาที่นี่เจอ แต่ไม่ใช่แก๊งมังกรรอยัล ถ้าคุณคิดจะลงดู ผมก็ไม่ขัดข้อง!”
“งั้นคุณเองก็ต้องมีความสามารถนี้ด้วย!” เย่เทียนโบกมือแล้วเปิดประตูออกไป
“หาห้องให้ผมห้องหนึ่ง!”
กุหลาบป่าถึงกับตกใจ คุณชายคนนี้นี่มันอะไรกัน?
“จริงด้วย เหลาหู่น่าจะหายดีแล้วมั้ง ยังสิงอยู่ในโรงบาลอีกเหรอ?”
กุหลาบป่าแย้มปากออก ตอนนี้ยังไม่หายดีค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่