ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 1163

สรุปบท บทที่ 1163 มาถึงตระกูลสวี: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

บทที่ 1163 มาถึงตระกูลสวี – ตอนที่ต้องอ่านของ ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

ตอนนี้ของ ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ โดย Light-Knight ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1163 มาถึงตระกูลสวี จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

พอเห็นเหลียงเยว่หรูชักมือกลับอย่างเด็ดขาด ส้งเหว่ยหยุนแสดงแววตาที่โมโหออกมา

แต่เขาก็ปิดบังสีหน้านั้นไว้ทันที กลับมามีใบหน้าที่ยิ้มแย้มเหมือนเดิม ราวกับเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น

การเป็นเจ้าสำนักรุ่นเยาว์ของสำนักหมื่นลี้ การเอาระฆังราชาสะกดออกมาในครั้งนี้ถือว่าอันตรายมาก แต่เขาก็เตรียมการไว้อย่างดีแล้ว ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร เขาก็มีความมั่นใจมากพอที่จะเอาระฆังราชาสะกดกลับมาได้อย่างปลอดภัย

อ๋อ จริงด้วย ยังต้องฆ่าล้างบริษัทแซ่เฉินอีก

บางทีในสายตาของคนทั่วไปองค์กรที่ยิ่งใหญ่อย่างบริษัทแซ่เฉินอาจเป็นตัวตนที่ยากจะเอื้อมถึง แต่ในสายตาของส้งเหว่ยหยุน มันก็เป็นได้แค่มดปลวกเท่านั้น

บริษัทบนโลกนี้มีเป็นพันเป็นหมื่น แต่ตระกูลในโลกบู๊นั้นมีอยู่แค่น้อยนิดเท่านั้น!

ว่ากันตามตรงยังไงคนที่กำปั้นใหญ่ถึงจะเป็นฝ่ายถูก!

“ต้องโทษตระกูลสวีที่พึ่งพาสำนักตงหัว ยังจัดการบริษัทแซ่เฉินที่เล็กจ้อยไม่ได้!” ส้งเหว่ยหยุนเอาความโกรธไปลงที่ตระกูลสวี

เหลียงเยว่หรูแสดงแววตาที่ซับซ้อนออกมา

จะว่าไปเธอกับเฉินหวั่นชิงก็เป็นเพื่อนรักกัน แต่พอนึกถึงเย่เทียนหัวใจของเธอก็เจ็บปวดขึ้นมา

“ทั้งๆ ที่คุณได้มาแล้วกลับไม่เห็นค่า ถ้าอย่างนั้นก็พังทลายไปซะ!”

หลังจากที่เหลือบมองส้งเหว่ยหยุนไปทีหนึ่ง หัวใจของเหลียงเยว่หรูก็แน่วแน่ขึ้นไปอีก ทันทีที่บริษัทแซ่เฉินถูกทำลาย มันก็คือเวลาที่เธอจะไปหาเย่เทียนที่อีกโลกแล้ว

เหลียงเยว่หรูกำกระเป๋าแน่นอย่างไม่รู้ตัว ยาพิษนั่นเธอได้มันมาอย่างยากลำบาก ถ้ากินเข้าไปก็ไม่มีวิธีอะไรที่จะสามารถรักษาได้ บ่งบอกว่าเธอได้เตรียมใจมามากขนาดไหน

ความรักนั้นเป็นสิ่งมายา มันสามารถทำให้คนเราเกิดความบ้าคลั่งได้ ยกตัวอย่างเช่นเหลียงเยว่หรู

พอเย่เทียนได้รู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังตระกูลสวีก็คือเหลียงเยว่หรู เขาก็คาดการไว้อยู่แล้ว แต่เขานึกไม่ถึงว่าหญิงสาวผู้ดีที่สูงส่งในสายตาของคนทั่วไปจะยอมเปลี่ยนไปเพื่อเขาขนาดนี้

ตอนนี้เย่เทียนกำลังนั่งอย่างสบายใจอยู่ตรงหน้าฮั่วเจิ้นเทียน และมองเขาด้วยสีหน้าที่ขบขัน

ฮั่วเจิ้นเทียนรู้สึกโมโหเล็กน้อย “เย่ซา ผมรู้ว่าฝีมือของคุณนั้นสูงส่ง แต่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะสามารถ เข้ามายุ่งได้ ครั้งนี้เหล่าหัวกะทิของแก๊งมังกรรอยัลต่างก็ออกโรง ตระกูลหลี่ก็ส่งยอดฝีมือมาด้วยเหมือนกัน ถึงตอนนั้นใครก็ช่วยคุณไม่ได้แล้ว”

“ผมว่าคุณแค่กำลังให้ข้อมูลปลอมๆ กับผมอยู่ ว่ามา คิดอะไรอยู่?” เย่เทียนลูบคางของตัวเอง แล้วมองฮั่วเจิ้นเทียนอย่างประหลาดใจ

ฮั่วเจิ้นเทียนเงียบไปพักหนึ่ง “ผมอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงไม่ฆ่าผม?”

“อาจจะเป็นเพราะไม่ถนัดก็ได้มั้ง?” เย่เทียนตอบส่งๆ จากนั้นก็หยิบแอปเปิลตรงหน้าขึ้นมากัด

ฮั่วเจิ้นเทียนนวดๆ ขมับ “คุณน่าจะรู้ว่าเมืองเอกคิดยังไงกับตระกูลสวีรวมถึงตระกูลเฉินด้วย ทางที่ดีเรื่องคุณอย่าเข้ามายุ่งจะดีกว่า”

“ถ้าผมจะยุ่งให้ได้ล่ะ?” เย่เทียนจ้องเข้าไปในตาของ ฮั่วเจิ้นเทียนแล้วถามไป

“เฮ้อ!” ฮั่วเจิ้นเทียนส่ายหน้าแล้วแสดงแววตาที่หวาดกลัวออกมา “ถ้าไม่เคยเจอคุณก็ไม่มีทางเข้าใจความน่ากลัวของสาวกแห่งยมบาลหรอก ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะยกบริษัทแซ่เฉินให้เขาทั้งหมดเลย!”

“แสดงว่าคุณคุกเข่านานเกินไปจนลุกไม่ขึ้น ความสามารถทั้งชีวิตก็มิอาจบรรลุได้!” เย่เทียนเบะปาก แล้วมองเขาด้วยสายตาที่ดูแคลน

“เอาล่ะ รีบหาที่ให้ผมเดี๋ยวนี้ ขาดบ้านผมไป ทำให้ผมไม่มีที่ให้กลับ โลกนี้มันไม่มีเรื่องแบบนี้หรอกนะ!”

เย่เทียนไม่มีทีท่าว่าจะจากไป ทำให้ฮั่วเจิ้นเทียนเข้าใจจุดประสงค์ของเย่เทียนขึ้นมาทันที

“ทูตแห่งยมบาลไม่มีทางหาที่นี่เจอ แต่ไม่ใช่แก๊งมังกรรอยัล ถ้าคุณคิดจะลงดู ผมก็ไม่ขัดข้อง!”

“งั้นคุณเองก็ต้องมีความสามารถนี้ด้วย!” เย่เทียนโบกมือแล้วเปิดประตูออกไป

“หาห้องให้ผมห้องหนึ่ง!”

กุหลาบป่าถึงกับตกใจ คุณชายคนนี้นี่มันอะไรกัน?

“จริงด้วย เหลาหู่น่าจะหายดีแล้วมั้ง ยังสิงอยู่ในโรงบาลอีกเหรอ?”

กุหลาบป่าแย้มปากออก ตอนนี้ยังไม่หายดีค่ะ”

ส่วนผู้อาวุโสหลู่เหยียน ส้งเหว่ยหยุนกลับให้เกียรติอย่างยิ่ง

หลู่เหยียนเองก็ไม่กล้าเย่อหยิ่ง พาคนของสำนักตงหัว มาพบส้งเหว่ยหยุนกันพร้อมหน้า

“ฉันเหนื่อยแล้ว ขอตัวไปพักก่อน!” พอเหลียงเยว่หรูเห็นทุกคนทักทายกันก็เกิดรู้สึกขยะแขยงขึ้นมา หลังจากที่พูดออกไปอย่างเย็นชา ส้งเหว่ยหยุนก็รีบพยุงเธอขึ้นไปชั้นบน

“ยังไง ส้งเหว่ยหยุนก็เป็นปรมาจารย์รุ่นที่หนึ่ง ใครจะไปคิดว่าเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งส้งเหว่ยหยุนจะแสดงถึงขนาดนี้!” หวางยี่ซานไม่พอใจการกระทำของส้งเหว่ยหยุนจึงได้บ่นออกมาคำหนึ่ง

“หุปปาก!” หลู่เหยียนขมวดคิ้ว แล้วจ้องเขม็งไปที่เขา

เรื่องบางเรื่องพูดได้ แต่เรื่องบางเรื่องมันควรเอามาพูดในเวลาแบบนี้เหรอ? ส้งเหว่ยหยุนเป็นคนที่หวางยี่ซานจะมาวิจารณ์ได้อย่างนั้นเหรอ?

ยังไงสำนักตงหัว ก็อยู่ใต้อานัตของสำนักหมื่นลี้ ถึงหลายปีที่ผ่านมาความแข็งแกร่งภายในสำนักจะเพิ่มสูงขึ้น แค่ถ้าคิดจะปลีกตัวขึ้นมาเป็นใหญ่พวกเขายังไม่มีคุณสมบัติมากพอ

ในเมื่อไม่มีความสามารถที่มากพอ มันก็มีแต่ต้องอดทนเท่านั้น

หวางยี่ซานแค่รู้สึกอึดอัดใจเท่านั้น พอถูกผู้อาวุโสหลู่เหยียนตำหนิก็ต้องเก็บซ่อนมันเอาไว้

ส้งเหว่ยหยุนกลับมาอีกครั้ง หันมองหวางยี่ซานด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

“ศิษย์พี่หวัง จะว่าไปเราก็ไม่ได้พบกันหลายปีแล้ว ได้ยินว่าศิษย์พี่หวังถึงขั้นดำสูงสุดแล้ว เหว่ยหยุนก็รู้สึกละอายใจเหลือเกิน!”

หลู่เหยียนขมวดคิ้ว

เขานึกไม่ถึงจริงๆ ว่าส้งเหว่ยหยุนจะเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยขนาดนี้ เมื่อกี้หวางยี่ซานแต่บ่นไปคำเดียวเท่านั้น แต่กลับถูกส้งเหว่ยหยุนแค้นเคืองซะได้!

หวางยี่ซานก็รู้ว่าเหมือนเมื่อกี้ตัวเองจะก่อเรื่องเข้าแล้ว จึงทำได้แค่ฝืนยิ้ม “เจ้าสำนักรุ่นเยาว์ชมเกินไปแล้ว ยี่ซานแค่โชคดีเท่านั้นครับ”

ส้งเหว่ยหยุนไม่ได้พูดอะไรต่อ แค่ส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม แล้วเดินไปยังตรงหน้ากล่องโบราณที่ตั้งอยู่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่