บนตัวของเย่เทียนทั้งหมดไม่มีเจตนาอาฆาตแค้นสักนิด แต่ความหวาดกลัวอันมหาศาลกลับแผ่กระจายออกมาถึงที่สุด
รอยยิ้มที่สรรเสริญเยินยอบนหน้าสวีเจิงและหลินเฟิงยังไม่หายไปหมดก็มองเห็นเหตุการณ์สยองขวัญเช่นนี้เข้า โดยเฉพาะตอนที่สายตาเย่เทียนตกลงบนตัวพวกเขา พวกเขารู้สึกหนาวเย็นขึ้นฉับพลัน
ทั้งที่เย่เทียนยิ้มด้วยมิตรไมตรีขนาดนั้น แต่พวกเขากลับรู้สึกว่าตนเองกำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ดุร้ายยุคดึกดำบรรพ์ตัวหนึ่ง!
“โคตรโหดเหี้ยม!”
“นี่ก็คือที่บอกกันว่าจัดการง่ายงั้นเหรอ?”
ในใจทั้งสองคนนั้นเรียกได้ว่าซับซ้อน มีความคิดอยากจะอธิบายสักหน่อยว่าตนเองแค่มาดูเรื่องสนุกเฉยๆ แต่เย่เทียนจะเชื่อเหรอ?
พูดตามตรง ตอนนี้พวกเขาอยากถอดเสื้อผ้าชุดนี้ออกใจแทบขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม้แต่คนโง่ยังสามารถดูออกว่าเรื่องในวันนี้ต้องประสบกับเคราะห์ร้ายแน่
ยิ่งเจี่ยงหลินที่เป็นเจ้าบ้านคนนี้โดนกำจัดทิ้งแล้ว ตระกูลเจี่ยงยังมีปัญญาอะไรมาขัดขวางเย่เทียนอีก?
“เดี๋ยวพวกเราค่อยคุยกันดีๆ!”
เย่เทียนมองพวกเขาอย่างลึกซึ้ง จากนั้นหันหน้ามองเจี่ยงลี่แบบยิ้มกริ่ม “ดูจากตำแหน่งที่แกยืน ที่ตระกูลเจี่ยงแกน่าจะมีตำแหน่งอยู่หน่อย ให้ทางเลือกแกสองทาง จะให้ฉันลงมือทำลายคนของตระกูลเจี่ยงทิ้ง หรือว่าพวกแกลงมือกันเอง”
“อย่ามาพูดไร้สาระกับฉัน ฉันให้เวลาพวกแกเลือกแค่สิบวินาที!”
เย่เทียนพูดจบเผยยิ้มเยาะออกมา “ขอเตือนสติด้วยความหวังดีอย่างหนึ่ง ผลลัพธ์หลังจากที่พวกแกลงมือกันเองน่าจะเบากว่าหน่อย แต่ถ้าเป็นฉันลงมือละก็......”
“เย่เทียน! แกอย่ามารังแกคนอื่นมากเกินไปหน่อยเลย!”
เจี่ยงลี่ย่อมจะไม่รับปากเรื่องพวกนี้ ถลึงตาแล้วตะโกนใส่เย่เทียนด้วยความโมโห
“หนวกหู!”
พอเย่เทียนสะบัดมือ ชั่วพริบตาเดียวกระบี่วิญญาณแดงก็มาถึงตรงหน้าของเจี่ยงลี่
ไม่ว่าอย่างไรเจี่ยงลี่ก็เป็นยอดฝีมือด้านบู๊คนหนึ่ง คิดว่าตนเองยังพอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่เขากลับไม่รู้ชัดว่าเย่เทียนมีความน่าสะพรึงกลัวมากแค่ไหน และไม่รู้ชัดว่ากระบี่วิญญาณแดงเครื่องรางทิพย์ร้ายแรงมากแค่ไหนด้วย
เดิมทีเจี่ยงลี่อยากโบกสะบัดแขนเสื้อตีกระบี่วิญญาณแดงให้ลอยออกไป
แต่กระบี่วิญญาณแดงกลับไม่ให้โอกาสนี้แก่เขา ฟันแขนที่โบกสะบัดของเขาขาดโดยตรง จากนั้นแทงทะลุตานเถียนของเขาไปทีหนึ่ง
ชั่วขณะนั้นชี่กระบี่แตกกระจายออกมา ท้องของเจี่ยงลี่เปลี่ยนเป็นรูพรุนในชั่วพริบตา
“โอ๊ย!”
เจี่ยงลี่ส่งเสียงคำรามอันทรมานออกมา จากนั้นล้มลงบนพื้นชักกระตุกขึ้นมาทันใด
ในฐานะผู้ยอดฝีมือขั้นฟ้าคนหนึ่ง ชั่วขณะที่ตานเถียนโดนทำลายนั้น แม้ว่าจะไม่ถึงขั้นเอาชีวิตของเขาไป แต่ก็จะทำให้เขาตกอยู่ในสภาพที่เจ็บปวดอย่างยิ่ง บวกกับสถานการณ์น่าสยองขวัญที่ตระกูลเจี่ยงจะต้องเผชิญหน้าอีก
เจี่ยงลี่อยากให้ตนเองสลบลงไปในตอนนี้ใจแทบขาด!
“รีบลงมือเองหน่อยสิ! ความอดทนของฉันมันมีจำกัด!”
เย่เทียนโบกมืออย่างเหนื่อยหน่าย ส่วนกระบี่วิญญาณแดงก็ล่องลอยอยู่กลางท้องฟ้าแบบนี้ ราวกับกำลังจับตามองพวกเขาอยู่
“อ๊าก! ฉันทนไม่ไหวแล้ว! ทุกคนแยกย้ายกันหนี!”
ทันใดนั้นในกลุ่มคนตระกูลเจี่ยงมีคนตะโกนเสียงดังออกมา ความคิดของทุกคนเริ่มผลุดขึ้น
ไม่ว่าพูดอย่างไรที่นี่ก็มีเพียงเย่เทียนคนเดียวเท่านั้น ถ้าพวกเขาแยกย้ายกันหนีละก็อัตราประสบความสำเร็จยังมีมากอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเย่เทียนก็ไม่อาจแยกร่างได้ไม่ใช่เหรอ? สถานการณ์แบบนั้นคือเสี่ยงดวงแล้ว
ถ้าใครถูกเย่เทียนจ้องเอาไว้ นั่นย่อมโดนลงโทษเป็นธรรมดา
คนกลุ่มหนึ่งส่งสายตาให้กันอย่างรวดเร็ว จากนั้นหมุนตัวแล้วหลบหนีไปรอบด้านอย่างไม่ลังเลสักนิด
เป้าหมายของพวกเขาชัดเจนมาก นั่นคือหนี กลับไม่มีใครโง่ถึงขั้นวิ่งไปทิศทางของตระกูลเจี่ยง
แต่เหมือนว่าพวกเขาจะลืมเรื่องหนึ่งไปกันเลย นั่นก็คือกระบี่วิญญาณแดง
กระบี่วิญญาณแดงแข็งแกร่งมากแค่ไหน? แม้ว่าจนถึงตอนนี้ล้วนมีคนมากมายคิดกันว่าความห้าวหาญของเย่เทียนเป็นเพราะมีกระบี่วิญญาณแดง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่