ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 1223

สรุปบท บทที่ 1223 ตั้งแต่นี้ไม่มีตระกูลเจี่ยง: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

ตอน บทที่ 1223 ตั้งแต่นี้ไม่มีตระกูลเจี่ยง จาก ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1223 ตั้งแต่นี้ไม่มีตระกูลเจี่ยง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ ที่เขียนโดย Light-Knight เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บนตัวของเย่เทียนทั้งหมดไม่มีเจตนาอาฆาตแค้นสักนิด แต่ความหวาดกลัวอันมหาศาลกลับแผ่กระจายออกมาถึงที่สุด

รอยยิ้มที่สรรเสริญเยินยอบนหน้าสวีเจิงและหลินเฟิงยังไม่หายไปหมดก็มองเห็นเหตุการณ์สยองขวัญเช่นนี้เข้า โดยเฉพาะตอนที่สายตาเย่เทียนตกลงบนตัวพวกเขา พวกเขารู้สึกหนาวเย็นขึ้นฉับพลัน

ทั้งที่เย่เทียนยิ้มด้วยมิตรไมตรีขนาดนั้น แต่พวกเขากลับรู้สึกว่าตนเองกำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ดุร้ายยุคดึกดำบรรพ์ตัวหนึ่ง!

“โคตรโหดเหี้ยม!”

“นี่ก็คือที่บอกกันว่าจัดการง่ายงั้นเหรอ?”

ในใจทั้งสองคนนั้นเรียกได้ว่าซับซ้อน มีความคิดอยากจะอธิบายสักหน่อยว่าตนเองแค่มาดูเรื่องสนุกเฉยๆ แต่เย่เทียนจะเชื่อเหรอ?

พูดตามตรง ตอนนี้พวกเขาอยากถอดเสื้อผ้าชุดนี้ออกใจแทบขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม้แต่คนโง่ยังสามารถดูออกว่าเรื่องในวันนี้ต้องประสบกับเคราะห์ร้ายแน่

ยิ่งเจี่ยงหลินที่เป็นเจ้าบ้านคนนี้โดนกำจัดทิ้งแล้ว ตระกูลเจี่ยงยังมีปัญญาอะไรมาขัดขวางเย่เทียนอีก?

“เดี๋ยวพวกเราค่อยคุยกันดีๆ!”

เย่เทียนมองพวกเขาอย่างลึกซึ้ง จากนั้นหันหน้ามองเจี่ยงลี่แบบยิ้มกริ่ม “ดูจากตำแหน่งที่แกยืน ที่ตระกูลเจี่ยงแกน่าจะมีตำแหน่งอยู่หน่อย ให้ทางเลือกแกสองทาง จะให้ฉันลงมือทำลายคนของตระกูลเจี่ยงทิ้ง หรือว่าพวกแกลงมือกันเอง”

“อย่ามาพูดไร้สาระกับฉัน ฉันให้เวลาพวกแกเลือกแค่สิบวินาที!”

เย่เทียนพูดจบเผยยิ้มเยาะออกมา “ขอเตือนสติด้วยความหวังดีอย่างหนึ่ง ผลลัพธ์หลังจากที่พวกแกลงมือกันเองน่าจะเบากว่าหน่อย แต่ถ้าเป็นฉันลงมือละก็......”

“เย่เทียน! แกอย่ามารังแกคนอื่นมากเกินไปหน่อยเลย!”

เจี่ยงลี่ย่อมจะไม่รับปากเรื่องพวกนี้ ถลึงตาแล้วตะโกนใส่เย่เทียนด้วยความโมโห

“หนวกหู!”

พอเย่เทียนสะบัดมือ ชั่วพริบตาเดียวกระบี่วิญญาณแดงก็มาถึงตรงหน้าของเจี่ยงลี่

ไม่ว่าอย่างไรเจี่ยงลี่ก็เป็นยอดฝีมือด้านบู๊คนหนึ่ง คิดว่าตนเองยังพอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่เขากลับไม่รู้ชัดว่าเย่เทียนมีความน่าสะพรึงกลัวมากแค่ไหน และไม่รู้ชัดว่ากระบี่วิญญาณแดงเครื่องรางทิพย์ร้ายแรงมากแค่ไหนด้วย

เดิมทีเจี่ยงลี่อยากโบกสะบัดแขนเสื้อตีกระบี่วิญญาณแดงให้ลอยออกไป

แต่กระบี่วิญญาณแดงกลับไม่ให้โอกาสนี้แก่เขา ฟันแขนที่โบกสะบัดของเขาขาดโดยตรง จากนั้นแทงทะลุตานเถียนของเขาไปทีหนึ่ง

ชั่วขณะนั้นชี่กระบี่แตกกระจายออกมา ท้องของเจี่ยงลี่เปลี่ยนเป็นรูพรุนในชั่วพริบตา

“โอ๊ย!”

เจี่ยงลี่ส่งเสียงคำรามอันทรมานออกมา จากนั้นล้มลงบนพื้นชักกระตุกขึ้นมาทันใด

ในฐานะผู้ยอดฝีมือขั้นฟ้าคนหนึ่ง ชั่วขณะที่ตานเถียนโดนทำลายนั้น แม้ว่าจะไม่ถึงขั้นเอาชีวิตของเขาไป แต่ก็จะทำให้เขาตกอยู่ในสภาพที่เจ็บปวดอย่างยิ่ง บวกกับสถานการณ์น่าสยองขวัญที่ตระกูลเจี่ยงจะต้องเผชิญหน้าอีก

เจี่ยงลี่อยากให้ตนเองสลบลงไปในตอนนี้ใจแทบขาด!

“รีบลงมือเองหน่อยสิ! ความอดทนของฉันมันมีจำกัด!”

เย่เทียนโบกมืออย่างเหนื่อยหน่าย ส่วนกระบี่วิญญาณแดงก็ล่องลอยอยู่กลางท้องฟ้าแบบนี้ ราวกับกำลังจับตามองพวกเขาอยู่

“อ๊าก! ฉันทนไม่ไหวแล้ว! ทุกคนแยกย้ายกันหนี!”

ทันใดนั้นในกลุ่มคนตระกูลเจี่ยงมีคนตะโกนเสียงดังออกมา ความคิดของทุกคนเริ่มผลุดขึ้น

ไม่ว่าพูดอย่างไรที่นี่ก็มีเพียงเย่เทียนคนเดียวเท่านั้น ถ้าพวกเขาแยกย้ายกันหนีละก็อัตราประสบความสำเร็จยังมีมากอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเย่เทียนก็ไม่อาจแยกร่างได้ไม่ใช่เหรอ? สถานการณ์แบบนั้นคือเสี่ยงดวงแล้ว

ถ้าใครถูกเย่เทียนจ้องเอาไว้ นั่นย่อมโดนลงโทษเป็นธรรมดา

คนกลุ่มหนึ่งส่งสายตาให้กันอย่างรวดเร็ว จากนั้นหมุนตัวแล้วหลบหนีไปรอบด้านอย่างไม่ลังเลสักนิด

เป้าหมายของพวกเขาชัดเจนมาก นั่นคือหนี กลับไม่มีใครโง่ถึงขั้นวิ่งไปทิศทางของตระกูลเจี่ยง

แต่เหมือนว่าพวกเขาจะลืมเรื่องหนึ่งไปกันเลย นั่นก็คือกระบี่วิญญาณแดง

กระบี่วิญญาณแดงแข็งแกร่งมากแค่ไหน? แม้ว่าจนถึงตอนนี้ล้วนมีคนมากมายคิดกันว่าความห้าวหาญของเย่เทียนเป็นเพราะมีกระบี่วิญญาณแดง

“ตลกเหรอ?” เย่เทียนยักไหล่แล้ว “ฉันแค่พนันว่าแกต้องมา คิดไม่ถึงแกจะทนมาได้ถึงตอนนี้!”

เย่เทียนหมุนตัวทันที ค่อยๆ เดินไปทางหลี่ซือ

ตระกูลเจี่ยงก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของเย่เทียน ถ้าอยากแข่งเทียบความสามารถกันจริงๆ สำหรับเย่เทียนนั้นตระกูลเจี่ยงยังไม่พอให้สนใจจริงๆ แต่เขามีลางสังหรณ์ว่า ตอนที่เขาปะทะกับตระกูลเจี่ยงขึ้นมา หลี่ซือจะมา!

โดยเฉพาะจะต้องมาแน่นอน!

นั่นคือโอกาสสุดท้ายของหลี่ซือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิษหวายสวรรค์ที่หลี่ซือพึ่งพาอาศัยก็ถูกเย่เทียนเอามาได้แล้ว

ถ้าเขาไม่ออกโจมตีอีก บางทีต่อไปเขาจะไม่มีโอกาสอันนี้แล้ว

นอกจากนั้นเย่เทียนยังเชื่อว่า ในการต่อสู้ของตนเองกับเจี่ยงหลินและคนอื่นๆ หลี่ซือจะต้องใช้เล่ห์กลแน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ปรากฏตัวอย่างสง่าผ่าเผยเช่นนี้!

“ความสามารถของแกเกินความคาดหมายของทุกคนในแก๊งหย่งเย่จริงๆ พูดตามตรง ผู้นำของแก๊งหย่งเย่สนใจแกมาก โดยเฉพาะฉันยังรู้ว่าแกเป็นปรมาจารย์ปรุงยาด้วย!”

หลี่ซือพูดมาจนถึงเวลานี้ในสายตาปรากฏแววตื่นเต้นขึ้นแวบหนึ่ง

“ในเมื่อแกเป็นปรมาจารย์ปรุงยา งั้นสำหรับแกแล้วพิษร้ายนั้นคงไม่ใช่ของที่หายากเท่าไร ดังนั้นเพื่อพูดโน้มน้าวแก หลายวันนี้ฉันถึงเตรียมการมาเป็นพิเศษ ถือว่าใช้งานได้ในเวลาที่ต้องการพอดีเลย”

ในสายตาหลี่ซือมีความหมายหยอกเย้าเพิ่มมาระดับหนึ่ง “ฉันเดาว่าแกจะต้องคิดว่าฉันจะรีบร้อนมาหาแกใช่ไหม? เพียงแต่แกเชื่อหมดใจจริงๆ เหรอว่าพิษหวายสวรรค์ที่แกเอาไปคือของจริง?”

หลี่ซือยิ่งพูดยิ่งฮึกเหิม “สำหรับพิษหวายสวรรค์นั้น ฉันคุ้นเคยมากกว่าแก! ถึงแม้แกปรุงยาได้เก่งกาจมาก แต่ทางด้านสร้างพิษ ฉันต่างหากที่เป็นปรมาจารย์!”

พูดจบเขาจึงกางแขนออก เผยเสื้อคลุมออกมาอย่างชัดเจนทันที

ภายใต้เสื้อคลุม ตัวพิษเถาวัลย์ฟ้าร่วงลงสู่พื้นดินโดยตรง ส่งเสียงฟ่อๆ ที่น่าสยองขวัญออกมา

“ตอนนี้ฉันให้โอกาสแกอยู่ ถ้าแกเลือกเข้าร่วมแก๊งหย่งเย่ บางทีฉันสามารถคิดเสียว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็ได้ ว่าอย่างไรล่ะ?”

หลี่ซือพูดจบมองเย่เทียนแบบหยอกเย้าแวบหนึ่ง “หรือว่ารอหลังจากเจ้าพวกน่ารักเหล่านี้จูบกับแกก่อนแล้วพวกเราค่อยมาคุยกัน?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่