ทั้งสองฝ่ายพอพูดก็ตกลงกันได้ทันที เย่เทียนมีโอกาสเรียนวิชาค่ายกลโดยธรรมชาติ ส่วนนักพรตเหอก็สามารถลองความปรารถนาที่มีมาหลายปีได้ด้วย
“ถึงตอนนั้นต้องการอะไรขอเพียงบอกกับผมมาก็พอ!” เฝิงเจิ้นเหอย่อมไม่ปล่อยโอกาสผูกมิตรกับเย่เทียนหลุดลอยไป
ในความเป็นจริงเย่เทียนสามารถสร้างสถานที่ฝึกฝนอยู่ที่เมืองเจียงหนันได้ก็เป็นส่วนที่เป็นประโยชน์ของเขามากที่สุดแล้ว
มีเย่เทียนอยู่ด้านข้าง ไม่ว่าจะพูดอย่างไรเขาล้วนสามารถเข้าใกล้บางคนเพื่อแย่งผลประโยชน์บางอย่างมาก่อนได้ไม่ใช่เหรอ?
นี่เป็นเรื่องดีที่คนนอกแม้คิดจนสมองแทบแตกก็ชิงมาไม่ได้!
“ใช่แล้ว ผมได้ยินว่าเขาเสี่ยวหมางที่บริษัทแซ่เฉินซื้อเหมือนจะมีข้อจำกัดด้านพื้นที่ด้วยมั้ง! เอาแบบนี้ เรื่องของเขาเสี่ยวหมางให้ผมจัดการ คุณกับนักพรตเหอแค่เพียงไปสำรวจสถานที่จริงก็พอ!”
เฝิงเจิ้นเหอไม่ถือสาสร้างหนี้บุญคุณให้ใหญ่กว่าเดิมหน่อย
พูดอย่างตรงไปตรงมาเขาเสี่ยวหมางก็คือภูเขาร้างที่ทัศนียภาพค่อนข้างดีเท่านั้น ด้านในเดิมทีไม่มีที่พักอาศัยของใคร ส่วนเขาที่เป็นนายพลแบบนี้ออกปาก พื้นที่นี้จะจัดการอย่างไรใครยังกล้าขัดขวางอีกเหรอ!
แต่ว่าเฝิงเจิ้นเหออาจจะคิดมากไปแล้ว ด้วยบารมีของเย่เทียนตอนนี้ เดาว่าคงไม่มีใครก่อกลอุบายชั่วร้ายที่ด้านบนหรอก
นักพรตเหอมีนิสัยใจร้อน หลังจากทั้งสองฝ่ายพูดคุยสักพักก็มาถึงเขาเสี่ยวหมางภายใต้การนำของเฝิงเจิ้นเหอ
“เอ๋? เป็นสถานที่ที่ดีตามคาดเลย!”
นักพรตเหอพอลงรถก็ร้องแบบตกใจ
ภูเขาตรงหน้าไม่ได้สูงชันมาก ให้ความรู้สึกที่มั่นคงอย่างมาก สิ่งที่มีค่ามากคือทัศนียภาพของที่นี่งดงามอย่างยิ่ง ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นช่วงพระอาทิตย์ตกดินแล้ว แต่ก็ไม่ขัดขวางผู้คนจินตนาการภาพอันงดงามเมื่อยามแสงอาทิตย์สาดส่องทั่วฟ้าออกมาได้
“ถึงแม้ที่นี่จะไม่ใช่ภูเขาใหญ่มีชื่อเสียงอะไร แต่กลับมีชี่ทิพย์เข้มข้นแฝงอยู่ในนั้น ไม่อย่างนั้นต้นไม้ของที่นี่คงไม่เติบโตแน่นทึบและเขียวขจีเช่นนี้ได้!”
ตัวนักพรตเหอก็คือผู้เชี่ยวชาญด้านดูฮวงจุ้ย ยิ่งเดินเข้าส่วนลึกของเขาเสี่ยวหมางก็ยิ่งพึงพอใจ
“ก็จริง ถ้าไม่อย่างนั้นคงไม่ได้รับชื่อเรียกว่าเขาเสี่ยวหมางแล้ว!”
เฝิงเจิ้นเหอเดินมาด้านข้างก้อนหินภูเขาบริเวณหนึ่ง
หินก้อนนี้สูงโดดเด่นพอสมควร รอบด้านล้วนเป็นตระไคร่น้ำ มีเพียงแค่หินใหญ่ก้อนนี้ที่เกลี้ยงเกลา สะดุดตาอย่างมาก
“เอ๋? หินก้อนนี้กลับน่าสนใจอยู่บ้าง!” เฝิงเจิ้นเหอถือโอกาสยกเท้าเหยียบด้านบนก้อนหิน รำพึงรำพันอย่างประหลาดใจ
“ไม่เลว! หินก้อนนี้สามารถพูดได้ว่าเป็นหนึ่งในแกนหลักวิชาค่ายกลของเขาเสี่ยวหมาง!” นักพรตเหอเดินอ้อมไปรอบหนึ่ง และมองสภาพพื้นที่โดยรอบอีก ลูบหนวดเคราพูดออกมา
“แกนหลักวิชาค่ายกล?”
“ถูก! นี่ก็คือแกนหลักวิชาค่ายกลโดยธรรมชาติทั้งหมด ภูเขาและแม่น้ำล้วนมีฮวงจุ้ยวนเวียนอยู่ในนั้น”
“ถ้าใช้คำพูดของพวกเรานักบู๊ก็คือเป็นสถานที่ที่มีชี่ทิพย์รวมตัว แน่นอนว่าชี่ทิพย์นี้มีการแบ่งออกเป็นหลายประเภท”
“เพียงพูดถึงหินก้อนนี้สามารถใช้คำว่าไม่เหมือนกับอันอื่นโดยสิ้นเชิงมาบรรยายได้ ถ้าฉันเดาไม่ผิดละก็ ที่นี่น่าจะเป็นสถานที่มีหยางรุนแรงในฮวงจุ้ย!” นักพรตเหอมองทางที่ไกลออกไปแล้ว จากนั้นชี้ไปยังป่าทึบอันไกลโพ้นแล้วพูดขึ้น
“ก็ที่เรียกกันว่าอันหนึ่งหยินอันหนึ่งหยาง หยินหยางรวมกัน ถึงอ่อนโยนพอดี ถ้าฉันเดาไม่ผิดนะ สถานที่ที่หยางรุนแรงน่าจะอยู่ตรงนั้น!”
เห็นลักษณะท่าทางของนักพรตเหอพูดจาเด็ดขาดเช่นนี้ เย่เทียนจึงอยากรู้อยากเห็นอยู่บ้าง
เขาไม่ถือว่าอ่อนไหวต่อฮวงจุ้ยที่พูดถึงกัน แต่หลังได้ยินนักพรตเหอตัดสินเช่นนี้ เขาก็อดอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ ตอนนี้กำลังเดินตามด้านหลังของนักพรตเหอไปทางส่วนลึกของป่าทึบ
ความจริงพิสูจน์แล้วว่า นักพรตเหอเป็นคนที่มีความสามารถพอสมควร
ตอนที่พวกเขาเข้าสู่ป่าทึบ ความรู้สึกหนาวเหน็บก็ล้อมรอบพวกเขาไว้
“น่าแปลก สถานที่แห่งนี้ยังแปลกประหลาดมากพอจริงๆ!” เฝิงเจิ้นเหอสงสัยอยู่บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาเป็นถึงผู้ยอดฝีมือขั้นฟ้า คาดไม่ถึงว่าพื้นที่แห่งหนึ่งจะสร้างผลกระทบต่อเขาได้
นี่คือเรื่องที่เขานึกไม่ถึงเลย
“เอาล่ะ! ก็คือที่นี่แหละ!”
นักพรตเหอชี้ตรงตาน้ำพุแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักแล้วพูดขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่