ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 131

สรุปบท บทที่ 131 เจตนาทำร้ายร่างกาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

สรุปตอน บทที่ 131 เจตนาทำร้ายร่างกาย – จากเรื่อง ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ โดย Light-Knight

ตอน บทที่ 131 เจตนาทำร้ายร่างกาย ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ โดยนักเขียน Light-Knight เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ที่คฤหาสน์ของจางเวย

“เย่เทียน แกมันกล้านักนะ อย่าให้ฉันหาโอกาสได้เด็ดขาดเชียว ไม่อย่างนั้นฉันเอาแกตายแน่นอน!”

จางเวยกระดกเหล้าอยู่ลำพังคนเดียวแบบกลัดกลุ้มใจ พอนึกถึงความอัปยศอดสูที่เย่เทียนนำมาให้เมื่อตอนกลางวัน โดยเฉพาะเป็นหลักฐานการยืมเงินที่ถูกบีบให้ติดหนี้นั้น ในใจเขาก็เต็มไปด้วยไฟโกรธ!

เอื้อกๆ!

จางเวยกระดกเหล้าขาวร้อนคอไปอีกสองอึกใหญ่ สีหน้าที่โกรธแค้นค่อยๆ เปลี่ยนไปดูระทมทุกข์ขึ้นมา ลุกยืนขึ้นมาแบบซวนเซ

“ใครก็ได้เข้ามาสิ เตรียมรถให้ฉัน ฉันจะออกไปข้างนอก!”

โกรธแค้นก็ส่วนโกรธแค้น แต่เพื่อชีวิตของตนเอง เขายังคิดจะเสียเงินขจัดโชคร้ายทิ้งไป

เพียงแต่ เขาเพิ่งพูดจบลง ไม่เพียงแค่ไม่มีคนตอบรับ แม้กระทั่งอุณหภูมิทั้งห้องรับแขกเหมือนว่าจะลดลงไปหลายองศาด้วย

ตุบๆ!

ทันใดนั้นหน้าประตูมีเสียงทุ้มสองทีลอยมา จางเวยมองไปตามเสียง ชั่วพริบตาเดียวเบิกดวงตากลมโต

เห็นเพียงบอดี้การ์ดสองคนที่เฝ้าหน้าประตู ถูกคนถีบลอยไปแบบดื้อๆ นอนอยู่บนพื้นเย็นเฉียบหมดสติสลบไปแล้ว

แน่นอนว่า สิ่งสำคัญกว่านั้นคือ ที่หน้าประตูใหญ่มีผู้อาวุโสเสื้อคอจีนคนหนึ่งกำลังมุดเข้ามา

และเขา ก็เป็นผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวของเหตุการณ์ฆ่ายกครัวที่ตระกูลหลิว——หวางซาน!

สมองที่สับสนพอสมควรของจางเวยได้สติกลับมาในที่สุด เขาซึ่งหวาดกลัวเย่เทียนจะบุกมาถึงบ้าน พอกลับมาจากโรงพนันหินจึงรีบไปหาบริษัทบอดี้การ์ดจ้างบอดี้การ์ดชุดหนึ่งกลับมาแล้ว ไม่ต้องพูดถึงคนเลย แม้แต่แมลงวันสักตัวต่างบินเข้ามาไม่ได้!

แต่ทว่า นี่ยังไม่ถึงเวลาครึ่งวัน ความปลอดภัยที่เขาคิดว่าเข้มงวดก็ยังโดนคนอายุครึ่งร้อยแบบนี้ตีเข้ามาแล้ว

พิจารณามาถึงตรงนี้ จางเวยตกใจจนขาสั่นเทาขึ้นมา “แก แกเป็นใครกัน? แกอยากทำอะไร?”

“คุณชายจาง คุณอย่าเข้าใจผิด ผมมาช่วยคุณ!”

หวางซานหัวเราะชั่วร้ายอยู่เดินเข้าไป

จางเวยตะลึง กดความตกใจกลัวภายในใจเอาไว้ แกล้งทำเป็นชี้ไปยังบอดี้การ์ดสองคนนั้นหน้าประตูแบบนิ่งสงบแล้วพูดว่า “ช่วยฉัน? นี่แกเรียกว่าช่วยฉัน?”

หวางซานยักไหล่ พูดแบบไม่สนใจอะไรทั้งนั้น “ไม่ใช่แค่พวกสวะกลุ่มหนึ่งเหรอ คุณชายจางทำไมคุณจำเป็นต้องใส่ใจด้วยล่ะ?”

“ห๊ะ?”

จางเวยสังเกตหวางซานโดยละเอียดรอบหนึ่งด้วยสีหน้าสงสัย พูดแบบงุนงง “สรุปแกเป็นใครกัน? สามารถช่วยฉันทำอะไรได้?”

“คุณชายจาง คู่หมั้นของคุณถูกคนแย่งไปแล้ว ช่วงเช้าวันนี้ก็ให้คนมาบีบบังคับอีก แม้กระทั่งยังติดหนี้จำนวนเงินหลายล้านก้อนหนึ่งที่น่าอับอายอีก หรือว่าคุณจะยอมแบบนี้เหรอ?”

“ฉันยินยอมหรือไม่เกี่ยวอะไรกับแกด้วย? แกรีบบอกมาว่าแกเป็นใครกันแน่? แกรู้เรื่องของฉันได้ยังไง!”

หวาดกลัวก็ส่วนหวาดกลัว แต่จางเวยที่รักหน้าตามาแต่ไหนแต่ไรจะยอมรับได้อย่างไรล่ะ?

หวางซานหรี่ดวงตาขึ้นเล็กน้อย “คุณชายจาง คุณแน่ใจว่าคุณมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมสามารถจัดการเย่เทียนได้เหรอ?”

พอพูดออกมาแบบนี้ จางเวยยังเดาไม่ออกได้ที่ไหนว่าหวางซานก็มีความแค้นกับเย่เทียนเหมือนกัน

คนมักพูดไว้ว่า: ศัตรูของศัตรูก็คือเพื่อน!

นึกมาถึงตรงนี้ ความคิดที่รู้สึกกลัวในภายหลังของจางเวยก็ค่อยๆ จางหาย ฝืนฉีกรอยยิ้มออกมา พูดแบบเกรงใจ “ผู้อาวุโสท่านนี้ ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรกัน?”

เพียงแต่ หวางซานที่ครอบครองความสามารถระดับเหลืองจะไว้หน้าเขาได้อย่างไร? ถ้าไม่ใช่เพื่อจัดการเย่เทียน เขาไม่ลดตัวมาหาจางเวยหรอก

“ผมเป็นใครไม่สำคัญ คุณเพียงต้องรู้ไว้ว่า ผมกับคุณมีศัตรูคนเดียวกัน ผมเป็นคนมาช่วยคุณก็พอ!”

หวางซานเอ่ยแบบนี้ออกมาสามารถพูดได้ว่าไม่เกรงใจมากแล้ว

คำพูดพวกนั้นของเฉินชังไห่เมื่อวานนี้กระทบเธออย่างมาก ทำให้เธอยิ่งสงสัยต่อคนนั้นที่หลบซ่อนอยู่ด้านหลังเย่เทียนเพิ่มขึ้น ความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกลมเกลียว คือก้าวแรกที่เธอข้ามออกมา

เย่เทียนกวาดตามองเธอแวบหนึ่งผ่านกระจกมองหลังด้วยสีหน้าแปลกประหลาด แต่สามารถอยู่กับเฉินหวั่นชิงได้ช่วงเวลาหนึ่ง เขาจะปฏิเสธได้อย่างไร

“ได้ ถึงตอนนั้นเธอเรียกฉันโดยตรงก็พอ”

เวลามักจะผ่านไปแบบไม่รู้ตัว เห็นว่าใกล้ถึงช่วงกินข้าว เย่เทียนที่เดินวนรอบบริษัททั้งช่วงเช้าก็เดินออกนอกบริษัทแบบทนไม่ไหวเท่าไร คิดจะหาร้านอาหารให้รางวัลร่างกายตนเองดีๆ สักหน่อย

เพียงแต่ เย่เทียนเพิ่งเดินออกประตูใหญ่บริษัทมา รถยนต์สีดำสองคันสะบัดท้ายอย่างสวยงามจอดนิ่งตรงหน้าเย่เทียน ผู้ชายใส่สูทสีดำสามสี่คนมุดลงมาแล้ว

ชายกำยำหัวล้านหนึ่งในนั้นถามมาทางเย่เทียนด้วยสีหน้าเย็นชา “นายคือเย่เทียน?”

“ผมเอง พวกคุณคือ?”

เย่เทียนขมวดคิ้วขึ้นมา ก่อนหน้าที่ยังไม่รู้เส้นสนกลในฝ่ายตรงข้ามแจ่มแจ้ง เขาจึงไม่ได้แสดงอำนาจออกไป

“เป็นนายก็พอแล้ว! ใส่กุญแจมือเขาแล้วเอาตัวไป!”

ชายกำยำหัวล้านส่งเสียงหัวเราะเยาะ โบกมือไปยังลูกน้องสองสามคนด้านหลังพลันสั่งการ

พอพูดจบลง เจ้าผมสกินเฮดที่อยู่ข้างซ้ายเขาก็ก้าวออกมา ควักกุญแจมือที่ส่องแสงแวววาวออกมาอย่างรวดเร็ว เหมือนบังคับเย่เทียนไว้

เย่เทียนเห็นเหตุการณ์ ยิ่งขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม รีบถอยเท้าออกมาสองสามก้าวติดกัน

“ทุกท่าน พวกคุณเป็นตำรวจเหรอ? งั้นหนังสือรับรองของพวกคุณล่ะ?”

“ยิ่งไปกว่านั้น ผมเหมือนไม่ได้ทำผิดอะไรมั้ง? พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมาจับผม?”

ผู้ชายที่อยู่ข้างขวาของชายกำยำหัวล้านก้าวออกมา ควักสมุดเล่มแดงเล็กๆ ออกมาจากหน้าอก แม้กระทั่งไม่ได้พลิกเปิดเนื้อหาภายในด้วย แสดงต่อหน้าเย่เทียนแวบหนึ่ง พูดจาเย็นชา “ตอนนี้ได้รึยัง?”

“พวกเราสงสัยว่านายเกี่ยวข้องกับคดีเจตนาทำร้ายร่างกายของเมื่อวานนี้ ตอนนี้จะพาตัวนายกลับไปช่วยตรวจสอบ นายไปกับพวกเราแบบเชื่อฟังจะดีกว่า!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่