สำหรับเย่เทียนแล้ว จี้เยียนหรันนั้นไม่ได้น่ารังเกียจเลย และถึงขั้นน่าสนใจมากด้วย
เพียงแต่ สุดท้ายแล้วเธอนั้นเป็นผู้หญิงจริงๆ ใช่มั้ย?
ในตอนที่ทั้งคู่ยังไม่ได้เปิดไพ่จนหมดหน้าตักนั้น การที่เธอจะผลักเขาออกตามสัญชาตญาณมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
แน่นอนว่านี่เป็นหลักฐานที่ยืนยันว่าตอนนี้เธอยังไม่หายจากพิษ ไม่อย่างนั้นคงจะจับเขาเหวี่ยงลงพื้นก่อนค่อยว่ากันแล้ว
แกร็ก!
ขณะที่บรรยากาศในห้องกำลังอึดอัดอยู่นั้น ประตูของห้องผู้ป่วยก็ถูกเปิดออกจากทางด้านนอก โจ๋หย่วนหันเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่หดหู่
ในมือของเขา ยังหิ้วกล่องข้าวมาด้วยสองกล่อง เห็นได้ชัดว่าที่ออกไปก็เพื่อไปหาอะไรให้จี้เยียนหรันกินนั่นเอง
“คุณชายเย่ คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”
พอเข้าใจสถานการณ์ภายในห้องแล้ว โจ๋หย่วนหันก็ตั้งสติได้ แล้วยิ้มออกมาอย่างเกร็งๆ
เย่เทียนแอบรู้สึกดีใจ ไม่นึกเลยว่าโจ๋หย่วนหันจะโผล่มาอย่างกะทันหันแบบนี้ รีบเก็บสีหน้า แต่พอเห็นท่าทางแบบนี้ของเขาแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา
“ผู้บัญชาโจ๋ การที่คุณทำหน้าหดหู่แบบนี้ แสดงว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกแล้วใช่มั้ยครับ?”
โจ๋หย่วนหันวางกล่องข้าวลง แล้วถอนหายใจออกมาอย่างเจ็บปวด “เมื่อกี้ตอนที่ผมกลับมา บังเอิญไปได้ยินคุณหมอสองคนคุยกันเข้า พวกเขาบอกว่าอาการของหัวหน้ากงไม่ดีเลย!”
“อาการของหัวหน้ากงไม่สู้ดีอย่างนั้นเหรอครับ?”
เย่เทียนเบิกตากว้างในทันที เขาได้ตรวจดูอาการตั้งแต่ตอนที่อยู่ในถ้ำแล้ว กงหย่วนแค่หมดสติไปเหมือนกับจี้เยียนหรันเท่านั้น และไม่มีอะไรร้ายแรงเลย
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้กงหย่วนจะติดพิษจริง แต่ก็ได้กินยาถอนพิษที่เขาสกัดออกมาด้วยมือของตัวเองแล้ว จึงไม่ควรมีอาการที่แย่ลงสิ!
“หา? ผู้บัญชาโจ๋ คุณฟังผิดไปรึเปล่าคะ? ฉันยังไม่เห็นเป็นอะไรเลย แล้วหัวหน้ากงจะเป็นอะไรได้ยังไง?”
จี้เยียนหรันร้อนใจขึ้นมาทันที ยังไงกงหย่วนก็เป็นอาจารย์ที่พาเธอเข้ามาอยู่ในวงการตำรวจ เธอก็ต้องเป็นห่วงอยู่แล้ว
“ตอนนี้หมอหลายคนกำลังวินิจฉัยอาการของหัวหน้ากงอยู่ที่นั่น”
โจ๋หย่วนหันเหลือบมองเธอทีหนึ่ง แล้วส่ายหน้าอย่างขมขื่น “รายละเอียดจริงมันเป็นยังไงผมเองก็ไม่รู้”
“เดี๋ยวผมลองเข้าไปดู”
เย่เทียนขมวดคิ้วเป็นปมทิ้งท้ายไว้คำหนึ่งแล้วเดินดุ่มๆ ออกไป
“เยียนหรัน คุณพักผ่อนอยู่ในห้องไปก่อน เดี๋ยวผมจะไปกับคุณชายเย่นะ”
โจ๋หย่วนหันที่เห็นอย่างนั้น สีหน้าก็ดูดีใจขึ้นมานิดหน่อย
เขารู้ดีว่าเย่เทียนนั้นมีความสามารถแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยคิดว่าเย่เทียนจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับทักษะทางการแพทย์ แต่พอได้เห็นท่าทางแบบนั้นของเย่เทียน เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความหวังขึ้นมา
ไม่นาน ในห้องผู้ป่วยก็เหลือจี้เยียนหรันเพียงคนเดียวอีกครั้ง สิ่งเดียวที่ต่างไปก็คือ ได้มีข้าวกล่องเพิ่มขึ้นมาตั้งหลายกล่อง
……
ภายในห้องผู้ป่วยเดี่ยวห้องหนึ่งของโรงพยาบาลในเครือมหาวิทยาลัยแพทย์
ชายชราผมหงอกที่สวมชุดกาวน์สีขาวคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ข้างเตียง คิ้วขมวดกันอย่างหนักจนมันเกิดเป็นปม
ซึ่งชายชราคนนี้ก็คืออาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิของโรงพยาบาลในเครือมหาวิทยาลัยแพทย์ และเป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลในเครือมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ว่านชิงเฟิงนั่นเอง เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญแพทย์แผนจีนที่มีชื่อระดับประเทศ
รอบตัวของเขา ก็ยังมีหมอชายหญิงหลายคนที่ใส่ชุดกาวย์ อายุอานามไม่เท่ากันยืนอยู่ ต่างก็พากันจ้องมองไปที่ชายชราอย่างใจจดใจจ่อ
อีกด้านหนึ่งของห้อง นอกจากชายวัยกลางคนหลายคนที่สวมใส่เครื่องแบบแล้ว ยังมีหญิงวัยกลางคนกับเด็กสาวอายุสิบเอ็ดสิบสองอีกหนึ่งคน
และพวกเขาก็คือผู้บังคับบัญชากับภรรยาและลูกสาวของกงหย่วนนั่นเอง
“ซิ่วเชีย คุณไม่ต้องเป็นห่วง อะหย่วนนั้นดวงแข็ง เขาต้องไม่เป็นไรแน่นอน”
ชายวัยกลางคนที่สวมเครื่องแบบกับสัญญาลักษณ์ประจำชาติครึ่งวงกลมอันหนึ่งที่อยู่ตรงบ่าได้ยืนให้กำลังใจหญิงวัยกลางคนจากทางด้านด้านหลัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่