ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 164

สรุปบท บทที่ 164 กลัวคุณจะขอร้องผม: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

บทที่ 164 กลัวคุณจะขอร้องผม – ตอนที่ต้องอ่านของ ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

ตอนนี้ของ ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ โดย Light-Knight ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 164 กลัวคุณจะขอร้องผม จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

สำหรับเย่เทียนแล้ว จี้เยียนหรันนั้นไม่ได้น่ารังเกียจเลย และถึงขั้นน่าสนใจมากด้วย

เพียงแต่ สุดท้ายแล้วเธอนั้นเป็นผู้หญิงจริงๆ ใช่มั้ย?

ในตอนที่ทั้งคู่ยังไม่ได้เปิดไพ่จนหมดหน้าตักนั้น การที่เธอจะผลักเขาออกตามสัญชาตญาณมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

แน่นอนว่านี่เป็นหลักฐานที่ยืนยันว่าตอนนี้เธอยังไม่หายจากพิษ ไม่อย่างนั้นคงจะจับเขาเหวี่ยงลงพื้นก่อนค่อยว่ากันแล้ว

แกร็ก!

ขณะที่บรรยากาศในห้องกำลังอึดอัดอยู่นั้น ประตูของห้องผู้ป่วยก็ถูกเปิดออกจากทางด้านนอก โจ๋หย่วนหันเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่หดหู่

ในมือของเขา ยังหิ้วกล่องข้าวมาด้วยสองกล่อง เห็นได้ชัดว่าที่ออกไปก็เพื่อไปหาอะไรให้จี้เยียนหรันกินนั่นเอง

“คุณชายเย่ คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”

พอเข้าใจสถานการณ์ภายในห้องแล้ว โจ๋หย่วนหันก็ตั้งสติได้ แล้วยิ้มออกมาอย่างเกร็งๆ

เย่เทียนแอบรู้สึกดีใจ ไม่นึกเลยว่าโจ๋หย่วนหันจะโผล่มาอย่างกะทันหันแบบนี้ รีบเก็บสีหน้า แต่พอเห็นท่าทางแบบนี้ของเขาแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา

“ผู้บัญชาโจ๋ การที่คุณทำหน้าหดหู่แบบนี้ แสดงว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกแล้วใช่มั้ยครับ?”

โจ๋หย่วนหันวางกล่องข้าวลง แล้วถอนหายใจออกมาอย่างเจ็บปวด “เมื่อกี้ตอนที่ผมกลับมา บังเอิญไปได้ยินคุณหมอสองคนคุยกันเข้า พวกเขาบอกว่าอาการของหัวหน้ากงไม่ดีเลย!”

“อาการของหัวหน้ากงไม่สู้ดีอย่างนั้นเหรอครับ?”

เย่เทียนเบิกตากว้างในทันที เขาได้ตรวจดูอาการตั้งแต่ตอนที่อยู่ในถ้ำแล้ว กงหย่วนแค่หมดสติไปเหมือนกับจี้เยียนหรันเท่านั้น และไม่มีอะไรร้ายแรงเลย

ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้กงหย่วนจะติดพิษจริง แต่ก็ได้กินยาถอนพิษที่เขาสกัดออกมาด้วยมือของตัวเองแล้ว จึงไม่ควรมีอาการที่แย่ลงสิ!

“หา? ผู้บัญชาโจ๋ คุณฟังผิดไปรึเปล่าคะ? ฉันยังไม่เห็นเป็นอะไรเลย แล้วหัวหน้ากงจะเป็นอะไรได้ยังไง?”

จี้เยียนหรันร้อนใจขึ้นมาทันที ยังไงกงหย่วนก็เป็นอาจารย์ที่พาเธอเข้ามาอยู่ในวงการตำรวจ เธอก็ต้องเป็นห่วงอยู่แล้ว

“ตอนนี้หมอหลายคนกำลังวินิจฉัยอาการของหัวหน้ากงอยู่ที่นั่น”

โจ๋หย่วนหันเหลือบมองเธอทีหนึ่ง แล้วส่ายหน้าอย่างขมขื่น “รายละเอียดจริงมันเป็นยังไงผมเองก็ไม่รู้”

“เดี๋ยวผมลองเข้าไปดู”

เย่เทียนขมวดคิ้วเป็นปมทิ้งท้ายไว้คำหนึ่งแล้วเดินดุ่มๆ ออกไป

“เยียนหรัน คุณพักผ่อนอยู่ในห้องไปก่อน เดี๋ยวผมจะไปกับคุณชายเย่นะ”

โจ๋หย่วนหันที่เห็นอย่างนั้น สีหน้าก็ดูดีใจขึ้นมานิดหน่อย

เขารู้ดีว่าเย่เทียนนั้นมีความสามารถแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยคิดว่าเย่เทียนจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับทักษะทางการแพทย์ แต่พอได้เห็นท่าทางแบบนั้นของเย่เทียน เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความหวังขึ้นมา

ไม่นาน ในห้องผู้ป่วยก็เหลือจี้เยียนหรันเพียงคนเดียวอีกครั้ง สิ่งเดียวที่ต่างไปก็คือ ได้มีข้าวกล่องเพิ่มขึ้นมาตั้งหลายกล่อง 

……

ภายในห้องผู้ป่วยเดี่ยวห้องหนึ่งของโรงพยาบาลในเครือมหาวิทยาลัยแพทย์

ชายชราผมหงอกที่สวมชุดกาวน์สีขาวคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ข้างเตียง คิ้วขมวดกันอย่างหนักจนมันเกิดเป็นปม

ซึ่งชายชราคนนี้ก็คืออาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิของโรงพยาบาลในเครือมหาวิทยาลัยแพทย์ และเป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลในเครือมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ว่านชิงเฟิงนั่นเอง เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญแพทย์แผนจีนที่มีชื่อระดับประเทศ

รอบตัวของเขา ก็ยังมีหมอชายหญิงหลายคนที่ใส่ชุดกาวย์ อายุอานามไม่เท่ากันยืนอยู่ ต่างก็พากันจ้องมองไปที่ชายชราอย่างใจจดใจจ่อ

อีกด้านหนึ่งของห้อง นอกจากชายวัยกลางคนหลายคนที่สวมใส่เครื่องแบบแล้ว ยังมีหญิงวัยกลางคนกับเด็กสาวอายุสิบเอ็ดสิบสองอีกหนึ่งคน

และพวกเขาก็คือผู้บังคับบัญชากับภรรยาและลูกสาวของกงหย่วนนั่นเอง

“ซิ่วเชีย คุณไม่ต้องเป็นห่วง อะหย่วนนั้นดวงแข็ง เขาต้องไม่เป็นไรแน่นอน”

ชายวัยกลางคนที่สวมเครื่องแบบกับสัญญาลักษณ์ประจำชาติครึ่งวงกลมอันหนึ่งที่อยู่ตรงบ่าได้ยืนให้กำลังใจหญิงวัยกลางคนจากทางด้านด้านหลัง

“ผมขอดูหน่อยครับ!”

ในตอนที่ทุกคนกำลังสิ้นหวังและหมดสิ้นหนทางอยู่นั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงที่ไม่คาดคิดดังมาจากทางประตู

ทุกคนต่างหันไปมองอย่างรวดเร็ว เห็นเพียงชายหนุ่มที่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งกำลังยืนอยู่ที่ประตู เห็นได้ชัดว่าคำพูดที่ดังขึ้นเมื่อกี้มันมาจากเขา

และคนๆนี้ นอกจากเย่เทียนแล้วยังจะเป็นใครอื่นได้อีก?

“ออกไปออกไป เป็นขอทานจากไหน อยู่ๆ จะมาวุ่นวายอะไร!”

หมอหนุ่มคนหนึ่งที่ใกล้ประตูที่สุดเหลือบมองไปทีหนึ่ง เอามือบีบจมูกแล้วอยากเดินเข้าไปไล่เย่เทียน

นี่มันก็เป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปอยู่แล้ว ใครใช้ให้ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในถ้ำเย่เทียนดันฉีกเสื้อมาห่อหินทิพย์กันล่ะ?

คิ้วของเย่เทียนกระตุกเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้สนใจหมอหนุ่มคนนั้น เขาแค่มองไปยังเหล่าคนใหญ่คนโตที่อยู่ในห้อง แล้วพูดอย่างเป็นจริงเป็นจังว่า “ผมเป็นหมอเทพ!ผมมีวิธีที่จะรักษาหัวหน้ากงให้หายได้!”

หมอเทพอย่างนั้นเหรอ?

พอคำพูดนี้ถูกพูดออกมา ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็พากันทำหน้าเคร่งขรึม นี่มันจะไม่หน้าด้านไปหน่อยเหรอ ยังกล้าแทนตัวเองว่าหมอเทพอีก?

ว่านชิงเฟิงขมวดคิ้ว คิดว่าสมอของเย่เทียนต้องมีปัญหาแน่ๆ

ต่อให้เป็นเขาที่อยู่ในวงการแพทย์มานานหลายปี ไม่ต้องพูดถึงเมืองเอก ต่อให้เป็นทั้งเจียงหวย หรือทั้งประเทศ เขาก็ยังถือว่าเป็นที่ยอมรับ แต่ต่อให้เป็นแบบนั้น เขาก็ยังไม่กล้าเรียกตัวเองว่าเป็นหมอเทพเลย!

“ชิ่วๆ ออกไป คนบ้ามาจากไหน ไม่รู้ใช่มั้ยว่าคนในห้องนี้เป็นใครกันบ้าง? รีบออกไปซะ!”

หมอหนุ่มคนนั้นเริ่มขึ้นเสียง พับแขนเสื้อขึ้นแล้วทำท่าจะใช้กำลัง

หลังถูกดูถูกอย่างต่อเนื่อง เย่เทียนก็เริ่มไม่ค่อยพอใจแล้ว ยิ้มออกมาอย่างไม่ชอบใจแล้วยืนพิงอยู่ที่ประตู

“คุณแน่ใจเหรอว่าจะให้ผมไป? ผมกลัวเดี๋ยวคุณจะร้องไห้หาพ่อหาแม่อ้อนวอนให้ผมอยู่ต่อนะสิ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่