ภายในบริษัทก่อสร้างเทียนเฉิน
ในตอนที่เย่เทียนกำลังแสดงแสนยานุภาพอยู่ที่บริษัทแซ่เฉินนั้น จางหารือก็จ้องมองไปยังจอโปรเจคเตอร์อย่างพึงพอใจ
หลังจากที่สามผู้อาวุโสแห่งสำนักหวู่หันตายอย่างโหดเหี้ยมในมือของเย่เทียนแล้ว เขาก็รู้สึกหวาดกลัวอยู่ตลอด กลัวว่าเย่เทียนจะมาหาตนถึงที่
พอเขารู้ว่าข่าวที่ออกในวันนี้เป็นข่าวด้านลบของบริษัทแซ่เฉินทั้งนั้น เขารีบรวบรวมสินทรัพย์พร้อมกับความรู้สึกดีใจจากสิ่งไม่คาดคิด เหมือนต้องจากที่จะซ้ำเติมบริษัทเเซ่เฉิน เหมือนต้องการที่จะกดดันเย่เทียน
ยังไงทั้งคู่ก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากันอยู่แล้ว จางเวยไม่มีทางรู้สึกว่าเย่เทียนจะปล่อยตนไว้แน่
ถ้าต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัวทุกวัน สู้ชิงลงมือก่อนไม่ดีกว่าเหรอ!
ทุกอย่างมันเป็นไปตามที่เขาคิด หลังจากที่ตลาดหุ้นเปิด หุ้นของบริษัทแซ่เหารือก็ร่วงอย่างรวดเร็ว สีสันที่เป็นสีเขียวทำให้จางเวยยิ้มจนแทบจะหุบยิ้มไม่ได้
“ประธานจาง พวกเราเตรียมตัวเสร็จแล้วครับ” เทรดเดอร์ที่เตรียมจะเข้าซื้อหุ้นได้พูดรายงาน
จางเวยโบกมือใหญ่ๆ ของเขา แล้วพูดด้วยสีหน้าที่ดุร้ายว่า “แล้วยังจะรออะไร! ไปจัดการซะ! ต้องทำให้บริษัทเเซ่เฉินล้มละลายให้ได้!”
……
ถ้าสามารถเลือกได้ละก็ เย่เทียนก็ไม่อยากช่วยเฉินหวั่นชิงด้วยวิธีนี้เลย
มันไม่ใช่อะไร มันแค่ยุ่งยากแล้วเสียเวลามากก็เท่านั้น
ทั้งๆ ที่แค่เอามีดจ่อคอก็สามารถจัดการได้แล้ว ทำไมต้องทำให้มันยุ่งยากขนาดนี้ด้วย?
แต่พอนึกถึงป้ายคนป่าเถื่อนที่เฉินหวั่นชิงติดให้เขาก่อนหน้านี้ เขาก็มีแต่ต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น
แต่ปัญหามันจบแล้วจริงๆ แล้ว?
บางทีในสายตาของเฉินหวั่นชิงนั้นอาจจะใช่ แต่ในความคิดของเย่เทียนนั้น มันยังไม่จบหรอก!
ในเมื่อกระทำความผิดแล้ว มันก็ต้องชดใช้ให้สาสม
แต่ประเด็นคือ จะให้ส่งจางเจี้ยนถังไปโรงพักทั้งอย่างนี้ มันจะไม่เอาเปรียบเขาไปหน่อยเหรอ?
อีกอย่าง ในมือของจางเจี้ยนถังยังถือหุ้นสิบห้าเปอร์เซ็นต์ของบริษัทเเซ่เฉินอยู่ ถ้าเขาถูกส่งไปที่โรงพัก นักข่าวพวกนั้นก็คงจะตามรายงานข่าวเหมือนกับแมวที่ได้กลิ่นคาวเลือด
ถ้าถึงเวลานั้นจริง เกรงว่าหุ้นของบริษัทเเซ่เฉินก็น่าจะดิ่งลงเหว มันไม่ใช่สิ่งที่เย่เทียนอยากเห็นเลย
พอออกจากห้องประชุม เย่เทียนก็มุ่งตรงไปที่ห้องรปภ.
นอกจากจางเจี้ยนถังแล้ว ในห้องยังมีรปภ.อีกหลายคนเฝ้าอยู่ ส่วนคนที่นำทีม นอกจากเหอเชิ่งที่เป็นหัวหน้ารปภ.แล้วจะเป็นใครได้อีก?
เหอเชิ่งค่อนข้างที่จะปลื้มเย่เทียน ถ้าไม่ได้เย่เทียน แล้วเขาจะขึ้นเป็นหัวหน้ารปภ.ได้ยังไง?
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่เย่เทียนมาสัมภาษณ์ตำแหน่งบอดี้การ์ดส่วนตัวของเฉินหวั่นชิงนั้น เหอเชิ่งก็วิเคราะห์ได้แล้วว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่ธรรมดาด้วยความที่ยึดถือความรู้สึกแรกเป็นหลัก เหอเชิ่งก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของเย่เทียนเลย ต่อให้จางเจี้ยนถังที่เป็นประธานก็ไม่ยกเว้น!
อีกอย่าง แม้แต่จางฟู่ฉีที่เป็นลูกชายก็ได้ล่วงเกินไปแล้ว แล้วคนเป็นพ่ออย่างจางเจี้ยนถังยังมีอะไรให้กลัวอีก?
“คุณชายเย่ มาแล้วเหรอครับ?”
พอเห็นเย่เทียนมาถึง เหอเชิ่งก็รีบเข้าหาทันที
เย่เทียนพยักหน้าเบาๆ เป็นการทักทาย จากนั้นค่อยทอดสายตาไปที่จางเจี้ยนถัง
จางเจี้ยนในตอนนี้แตกต่างกับตอนอยู่ในห้องประชุมราวกับเป็นคนละคนเลย มือขวายังคงมีปากกาเสียบอยู่ สีหน้าหม่นหมองจนถึงที่สุด ไม่เหลือราศีของคนระดับสูงเลย
“พวกคุณออกไปกันก่อน! ผมขอคุยกับประธานจางหน่อย”
หลังกวาดตามองรปภ.ที่อยู่ในห้องไปรอบหนึ่ง เย่เทียนก็ได้โบกมืออย่างสบายๆ
กลุ่มรปภ.ที่มีเหอเชิ่งนำทีมก็ต้องไม่ขัดข้องอะไรอยู่แล้ว พวกเขาออกจากห้องไปทันที และไม่ลืมที่จะปิดประตูอย่างเอาใจใส่ด้วย
“นี่แกยังคิดจะทำอะไรอีก?”
จางเจี้ยนถังนั่งอยู่ที่พื้น มือซ้ายกุมอยู่บนมือขวาทีได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากความเจ็บจึงทำให้เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดออกมาจากตรงหน้าผาก แต่เขากลับไม่ได้โอดครวญออกมาสักคำ พร้อมกับจ้องมองเย่เทียนด้วยสายตาที่เคียดแค้น
“หนึ่ง คืนเงินทั้งหมดที่คุณเอาไปจากบริษัทเเซ่เฉินในช่วงหลายปีกลับมาให้หมด สอง ยกหุ้นของบริษัทเเซ่เฉินให้หวั่นชิงโดยไม่มีข้อแม้ สาม ผมให้เวลาคุณสามวัน ออกจากเจียงหนันไปซะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่